แผนจัดการ 1.3

2540 Words
คงจะมีทางเดียวที่จะช่วยพระชายารองได้คือ ชิงซองยา แต่ก็ยากไม่ใช่เล่น นกน้อยเป็นเพียงนกตัวกระจิริดจะไปเอาซองยาในเสื้อของหลิวเอ๋อไม่ได้ ในขณะที่เหมยเหมยกำลังหาทางออก คอยมองดูผู้ช่วยหมอหญิงต้มยาและทยอยออกจากห้องไปทีละคน เหลือเพียงหลิวเอ๋อที่กำลังต้มยาอยู่หน้าเตาคนเดียว หมอหญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาในห้องต้มยา “หลิวเอ๋อ ยาที่ข้าสั่งให้เจ้าต้ม ต้มเสร็จหรือยัง” หมอหญิงถาม “เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” หลิวเอ๋อตอบ “ถ้าเรียบร้อยแล้วก็ยกไปให้พระสนมจูหยางได้เลย” หมอหญิงสั่ง “วันนี้เจ้าต้องไปนวดพระสนมฮูด้วยนะ พระสนมบ่นว่าปวดเมื่อย” “เจ้าค่ะ” หมอหญิงหมุนตัวเดินออกจากห้องต้มยาทันทีที่พูดจบ หลิวเอ๋อเมื่อเห็นว่าปลอดคน นางรีบหยิบซองยาออกจากเสื้อ นางนำมันติดตัวไปไม่ได้ จำต้องหาที่ซ่อน จุดที่นางซ่อนซองยาเป็นจุดที่ไม่มีคนสนใจมากนัก และคิดว่าปลอดภัยที่สุด จุดนั้นคือเก็บไว้ใต้โถไม้ที่ใส่ตัวยาสมุนไพร มันตั้งอยู่บนสุดของชั้น ก่อนไปรินยาใส่ถ้วย ปิดฝาถ้วยให้เรียบร้อยแล้วยกออกไปด้านนอก ไปสมทบกับหมอหญิงที่ยืนรออยู่หน้าห้องต้มยา โชคเข้าข้างแล้ว...ประโยคนี้อยู่ในสมองนกเหมยเหมยที่รู้จุดซ่อนซองยาพิษ และไม่รีรอที่จะนำมันออกจากที่ซ่อน แต่ลืมคิดไปว่า นกหงส์หยกตัวเล็ก เรี่ยวแรงก็น้อย ไม่สามารถทำให้โถไม้ที่มีความหนักกว่าตัวเองหลายสิบเท่าตัวให้ตกลงไปบนพื้นได้ “โห...เหนื่อยวุ้ย” นกเหมยเหมยพักเหนื่อย บ่นอยู่ในใจ มองโถไม้ที่มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ใช้ตัวดันเท่าไหร่ก็ไม่เขยื้อนสักนิดเดียว มันยังตั้งอยู่ที่เดิม นึกในใจว่า งานนี้ต้องหานกช่วย คิดดังนั้นจึงบินออกจากห้องยา ไปตามสมัครพรรคพวกที่คิดว่า ทำให้โถไม้เขยื้อนได้           นกที่นกเหมยเหมยตามให้มาช่วยคือ นกอินทรีย์ นกที่ฮ่องเต้เลี้ยงไว้            “ออกแรงหน่อยสิ ออกแรงอีก จะหล่นแล้ว” นกเหมยเหมยบอกนกอินทรีย์ที่ใช้ตัวดันโถไม้สุดฤทธิ์          “ข้าก็ออกแรงอยู่ เจ้าไม่เห็นหรือไง อีกอย่างข้าแรงนกนะไม่ใช่แรงคนที่จะได้ขยับมันออกไปง่ายๆ” นกอินทรีย์พูดไปออกแรงดันไป “เจ้าหยุดพูดแล้วมาช่วยข้าดันดีกว่าไหม จะได้หล่นเร็วๆ”          นกอินทรีย์พูดถูก ถึงแม้ว่านกอินทรีย์จะตัวใหญ่กว่านกหงส์หยก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีแรงเท่าคนที่สามารถดันถังไม้ที่มีน้ำหนักมากกว่าตัวเองหลายสิบเท่าได้ แม้จะได้ก็ต้องใช้เวลาให้ถังไม้ขยับทีละนิด นกเหมยเหมยจึงมาช่วยอีกแรง เป็นอันว่าตอนนี้นกสองตัวสองแรงแข็งขันช่วยกันดันถังไม้          “ตายแล้ว นกเข้ามาได้ยังไงเนี่ย” เสียงหมอหญิงดังขึ้นเมื่อเห็นนกสองตัวอยู่ตรงชั้นวางถังไม้ที่มีไว้สำหรับเก็บยาสมุนไพร          “นั่นสิเจ้าคะ มันเข้ามาได้ยังไง” ผู้ช่วยหมอหญิงพูดขึ้นบ้าง          “ไป ไปช่วยกันไล่มันให้ออกจากห้องนี้ ถ้าขนนกตกไปในตัวยาล่ะแย่เลย” นางทั้งสองจึงตรงไปยังนกสองตัวที่ได้ยินเสียงพูด          “หนีเร็ว” นกอินทรีย์บอกนกหงส์หยก ก่อนจะกระพือปีกเตรียมบินหนีผู้ช่วยหมอหญิงเอาไม้มาไล่ แล้วเป็นการดีที่ไม้อันนั้นไปถูกถังไม้ที่นกทั้งสองตัวช่วยกันดันให้ตกพื้นพอดี มันจึงล่วงลงมากระทบพื้น          “พี่ใหญ่รีบคาบซองยาเร็ว” นกเหมยเหมยที่หันมามองเห็นจังหวะที่ถังไม้ตกลมาพอดิบพอดีรีบบอกนกอินทรีย์ที่โฉบไปคาบซองยาทันที เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ นกสองขนาดรีบบินออกจากห้องยาอย่างรวดเร็ว          “หมอหญิงเจ้าคะ นกอินทรีย์มันคาบอะไรไปไม่รู้เจ้าค่ะ” ผู้ช่วยหมอหญิงบอกหมอหญิง          “คงตามมันไม่ทันแล้ว ไม่น่ามีอะไรมั้ง อาจเป็นรายชื่อยาของหมอคนใดคนหนึ่งก็ได้” หมอหญิงคิดว่า บางอย่างที่นกอินทรีย์คาบไปนั้นไม่สำคัญอะไร จึงเพิกเฉยไม่สนใจ “รีบเก็บของเถอะ ส่วนยาสมุนไพรเก็บเฉพาะที่ไม่โดนพื้นนะ ส่วนที่โดนพื้นก็ทิ้งไป”          “เจ้าค่ะหมอหญิง” ผู้ช่วยตอบรับคำสั่ง ก้มตัวลงเก็บสิ่งของที่ตกลงมาบนพื้น ส่วนตัวหมอหญิงหมุนตัวไปเตรียมยาให้เชื้อพระวงศ์ที่ตนดูแล แล้วหลังจากผู้ช่วยหมอหญิงเก็บของเรียบร้อยก็ได้เดินไปทำงานในหน้าที่ของตนต่อไป ส่วนนกทั้งสองตัวที่บินออกมาจากห้องต้มยา รีบบินหนีไปให้ไกลที่สุด ทว่าปีกของนกหงส์หยกเล็กกว่าปีกของนกอินทรีย์หลายสิบเท่า ความเร็วเท่าเต่าคลาน นกเหมยเหมยจึงบินไปเกาะขนหลังของนกอินทรีย์เพื่อที่จะได้ไปพร้อมกัน ไม่ใช่ตนอยู่รั้งท้าย “เจ้าบินไปที่สมาคมนะ” นกเหมยเหมยสั่ง นกอินทรีย์ที่คาบซองยาอยู่รีบบินไปยังสมาคมนก พอถึงที่หมายนกอินทรีย์ก็ปล่อยสิ่งที่คาบอยู่ลงบนพื้น นกเหมยเหมยจึงทำหน้าที่ต่อ คาบซองยาพิษไปเก็บไว้ในจุดหนึ่งของสมาคม นกเหมยเหมยเลือกจะเก็บซองยาพิษนี้ไว้แทนที่จะเอาไปทิ้ง เพราะคิดว่า มันคือหลักฐานสำคัญที่จะมัดตัวพระชายาเสี้ยวหลานได้  ครั้งนี้เหมยเหมยช่วยเหลือพระชายารองฮุ้ยเตียวได้สำเร็จ ที่สามารถช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที เป็นเพราะเหมยเหมยรู้แผนการโดยบังเอิญ ตามติดคนชั่วที่คิดร้าย และมีนกอินทรีย์คอยช่วยเหลือ ทุกอย่างถึงได้เรียบร้อย แต่เป็นกังวลว่า หากมีครั้งต่อไปเหมยเหมยกลัวว่าจะช่วยไม่ทัน เป็นเพราะนกน้อยไม่อาจเฝ้าดูคนเหล่านี้ได้ทุกคน นกน้อยยอดนักสืบมีความคิดว่า แผนการแรกไม่สำเร็จ คนพวกนั้นต้องลงมือวางแผนใหม่เพื่อจัดการกับเสี้ยนหนาม ตอนนี้พระชายารองฮุ้ยเตียวและลูกในครรภ์ยังไม่ปลอดภัย จึงต้องหาวิธีรับมือเพื่อจะได้แก้ไขและปกป้อง เพราะโชคไม่ได้เข้าข้างนกน้อยเหมยเหมยทุกครั้ง            ยามพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเป็นเวลาแปลงกายของธิดาดอยจากนกเป็นสตรีสาวสวยที่มัดใจมัดกายองค์รัชทายาท แน่นอนว่าเป็นเวลาที่องค์รัชทายาทรอคอยมากที่สุดของวัน พอเธอกลายเป็นคน เขาก็กอดรัดหอมแก้มทั้งซ้ายและขวา จูบปากซึมซับความหวานหอมที่เขาจำได้ดีไม่มีลืม และกระหายจะสัมผัสรสหวานในโพรงปากสาวทุกเมื่อเชื่อวัน          “เดี๋ยวหยุดก่อน” ธิดาดอยไม่เพียงแค่พูด เธอใช้มือดันหน้าองค์รัชทายาทให้ออกห่าง เพราะแค่พูดเขาไม่มีวันทำตาม          “จะให้ข้าหยุดทำไมเล่า ข้าคิดถึงเจ้ามากๆ เลยรู้ไหม อีกอย่างแก้มเจ้าก็หอมมากด้วย หอมแล้วชื่นใจมากๆ” เขาไม่ได้พูดเกินจริง “อย่ามาพูดหวาน ท่านหอมแก้มสตรีคนไหนก็หอมทุกคนนั่นแหละ” “ใช่ที่ไหนกัน แก้มเจ้าหอมที่สุด ยามสูดดมกลิ่นหอมอาบไปทั่วหัวใจข้าเลยรู้ไหม” ธิดาดอยยิ้มเขิน แก้มเห่อร้อน “มาให้ข้ากอดข้าหอมให้หายคิดถึงหน่อยสิ จะบ้าอยู่แล้ว” องค์รัชทายาทไม่ยอม ดึงตัวธิดาดอยเข้ามากอดแล้วหอมจูบยกใหญ่ ธิดาดอยอ่อนใจ อยากผลักไสแต่ก็ใจระทวยกับจูบวาบหวามของเขา แต่ไม่ได้...มีเรื่องสำคัญต้องพูดกับเขา ปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ได้พูดอะไรแน่ “ขอข้าพูดเรื่องสำคัญก่อนได้ไหม แล้วไม่ต้องกลัวว่าท่านจะไม่ได้กอดไม่ได้หอมข้า แต่บางเรื่องมันก็สำคัญกว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ท่านต้องรู้และรีบลงมือจัดการด้วย” หมิงหยางเต๋อเห็นท่าทางและได้ยินน้ำเสียงจริงจังของธิดาดอย เขาก็คลายอ้อมกอดร่างนุ่มนิ่มอย่างแสนเสียดาย “ถ้าไม่สำคัญจริงๆ ข้าจะเอามือหวดก้นเจ้านะ”          “ท่านไปดูแลพระชายารองฮุ้ยเตียวบ้างหรือไม่” ธิดาดอยเกริ่นถาม          “ข้าไม่ได้ไปเลย ข้าให้สัญญากับเจ้าไงว่า จะมีเจ้าคนเดียว ข้าเลยไม่ยุ่งกับใคร” องค์รัชทายาทรักษาสัญญา นอกจากจะสั่งปลดนางกำนัลถวายตัว เขาไม่เคยไปหาพระชายทั้งสามเลย ทุกค่ำคืนจะอยู่กับธิดาดอย แม่นกยอดสวาท ทั้งที่ก่อนหน้าจะเจอเรื่องมหัศจรรย์นี้ ทุกคืนเขาต้องไปตำหนักใดตำหนักหนึ่งเพื่อหาความสำราญ ทว่านับตั้งแต่มีธิดาดอย เขาลืมพระชายาทุกพระองค์จนสิ้น หัวใจและจิตใจองค์รัชทายาทตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ธิดาดอยคนเดียว “ข้าขอบคุณท่านมากที่รักษาสัญญา แต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านเมินเฉยหรือไม่ใส่ใจพระชายาทั้งสามพระองค์ ท่านควรไปมาหาสู่ คือไปเยี่ยมพวกนางบ้าง โดยเฉพาะพระชายารองฮุ้ยเตียวที่กำลังท้อง นางคงอยากให้ท่านไปดูแลเอาใจใส่ คนกำลังก็อยากให้สามีอยู่ใกล้ชิด ท่านควรไปหาพระชายารองบ้างนะ” ธิดาดอยไม่บอกความจริงเรื่องพระชายาเสี้ยวหลานคิดฆ่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เธออยากให้มีหลักฐานมากกว่านี้ อีกประการหนึ่งเสี้ยวหลานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง หากองค์รัชทายาทด่วนตัดสินโทษให้เสี้ยวหลานโดยไม่มีหลักฐานมัดตัว อาจทำให้อีกฝ่ายไหวตัวทันและระวังตัวกันทั้งฝูง เธอยังยึดกับคำว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม เหตุผลที่ธิดาดอยอยากให้เขาไปหาพระชายารองฮุ้ยเตียวเพราะต้องการให้พระชายาเสี้ยวหลานคิดว่า องค์รัชทายาทใส่ใจดูแลฮุ้ยเตียว และอาจทำให้เสี้ยวหลานยำเกรง ไม่กล้าลงมือซ้ำสองในระยะเวลาอันใกล้ ทำให้เธออาจมองเห็นช่องทางแก้ไข “ข้าไม่อยากให้เจ้าคิดว่า ข้าผิดสัญญา ข้าเลยไม่ไปหาฮุ้ยเตียว ได้แต่สั่งให้หมอหลวงคอยดูแลเรื่องสุขภาพอย่างใกล้ชิดเท่านั้น” พูดจบก็สวมกอดธิดาดอย หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “เจ้ารู้ไหมว่า ข้าอยู่กับสตรีมาเยอะ แต่ไม่เคยมีใครทำให้ข้ามีความสุขเท่าเจ้าเลย ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนทั้งกลางวันและกลางคืน ข้าจะแต่งตั้งเจ้าให้เป็นพระชายาพิเศษ ข้าจะได้อยู่กับเจ้าได้อย่างเปิดเผย” องค์รัชทายาทพูดความจริงใจพระทัยให้ธิดาดอยรับรู้ คนได้ยินหัวใจเต้นแรง แก้มแดง รู้สึกเอิบอิ่มใจกับคำพูดประโยคนี้ แต่แล้วก็ต้องหน้าหมองลงเมื่อนึกได้ว่า ตนคงเป็นเช่นนี้ไปตลอด ไม่มีทางเป็นไปตามที่เขาอยากให้เป็น “เรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าข้าอยากให้เป็นก็ตาม แต่เราก็มีความสุขที่เป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือ อีกอย่างข้าจะได้ตามสืบเรื่องฉ้อโกงและอีกหลายเรื่องโดยที่ไม่มีใครรู้และสงสัย อย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องดีบ้าง” “ว่าแต่วันนี้เจ้าไปไหนมา ไปสืบเรื่องอะไร เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากรู้” “ข้าก็บินไปเที่ยวเล่นกับนกในสมาคมเรื่อยเปื่อย ช่วงบ่ายๆ ก็บินไปหาข่าวให้ท่าน แต่วันนี้ไม่ได้ข่าวอะไรมากนักหรอก เพราะเพิ่งได้เรื่องเด็ดๆ มา คงต้องรออีกสักสองสามวันพวกนั้นถึงได้นัดพูดคุยกันอีก” ธิดาดอยเลี่ยงจะตอบความจริงว่า ตนบินไปแอบดูหนุ่มๆ เล่นน้ำทุกวัน แต่ถึงจะแอบมองชายใด ทว่าเธอก็ไม่คิดจะไปอยู่กับใครนอกจากเขาคนเดียว ชายอื่นจึงเป็นอาหารตา นำพาให้หัวใจชุ่มฉ่ำกระชุ่มกระชวย “เจ้าอย่าบินไปให้ใครแตะเนื้อต้องตัวหรือไปเกาะบนบ่าใครนะ ข้าหึง ข้าไม่ชอบ เพราะข้าจะคิดว่าไอ้พวกนั้นแตะเนื้อต้องตัวใจ ข้าแทบคลั่งเพียงแค่คิด” ด้วยความหวงและความหึงที่มีต่อธิดาดอย จึงมีคำสั่งว่า หากใครแตะต้องนกหงส์หยกเหมยเหมย จะต้องถูกตัดมือ เป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว และมีตัวอย่างให้เห็นด้วย “เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ข้าจะบอกท่าน ข้าเป็นนก เป็นสัตว์ตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งที่ใครจะสัมผัสตัวก็ได้ ท่านไม่ควรสั่งตัดมือทหารทั้งนายนั้นเลย หากตอนนั้นข้าสื่อสารกับท่านได้ ข้าก็จะห้ามท่าน ท่านอย่าทำให้ใครมองว่าท่านเป็นองค์รัชทายาทที่ภายภาคหน้าจะเป็นฮ่องเต้ปกครองบ้านเมืองเต็มตัวว่าเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่มีเหตุผล ข้าอยากให้ท่านเป็นฮ่องเต้ที่ดี มีแต่คนรักและเคารพ” ธิดาดอยปราม “ข้าทำใจไม่ได้หรอก นกของข้าใครอย่ามาแตะต้อง” เขาพูดจากใจ “ดีเท่าไหร่ที่ข้าไม่ควักลูกตาผู้ชายที่มองเจ้า” ธิดาดอยมีความรู้สึกสองอย่าง อย่างแรกคือดีใจที่เขาให้ความสำคัญกับตน อย่างที่สองคือ รู้สึกสงสารตัวเองที่ต่อจากนี้ไปคงบินให้สูงมากขึ้น เพื่อไม่ให้ชายคนใดแตะต้องตัวเธอ “เอาเป็นว่า ท่านต้องหมั่นไปดูแลพระชายารองฮุ้ยเตียวนะ คนกำลังท้องอยากให้สามีดูแลเอาใจใส่” “งั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปหาฮุ้ยเตียว” องค์รัชทายาทรับปาก “แต่เจ้าต้องไปด้วยนะ เจ้าจะได้เห็นกับตาตัวเองว่า ข้าไปหาฮุ้ยเตียวในฐานะสามีและพ่อของลูก ส่วนใจของข้าอยู่ที่เจ้า” หมิงหยางเต๋อหยอดคำหวาน ธิดาดอยถึงกับอายม้วน “จะว่าไป ถ้าเจ้ามีลูกกับข้าก็ดีสินะ ตอนนี้ข้าไม่อยากมีลูกกับใคร นอกจากเจ้า” ธิดาดอยอึ้งไปชั่วขณะหนึ่งกับประโยคนี้ เธอลืมคิดเรื่องนี้เสียสนิท การมีความสัมพันธ์ทางกายทุกครั้งล้วนไร้เครื่องป้องกัน ซึ่งเธอก็ไม่รู้ด้วยว่า การป้องกันในยุคนี้ทำกันอย่างไร โอกาสที่เธอจะตั้งครรภ์มีสูง ทว่าอีกใจก็แย้งว่า ตนไม่น่าท้องได้ เนื่องจากตอนกลางวันเป็นนก กลางคืนเป็นคน ความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นถือว่ามากแล้ว คงไม่มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกเรื่องหนึ่งแน่นอน คิดเล่นๆ ว่า หากมีเรื่องมหัศจรรย์เรื่องที่สามเกิดขึ้นจริง เธอนึกภาพไม่ออกว่า ลูกที่เกิดมาจะเป็นลูกคนหรือลูกนก หรืออาจเป็นเหมือนตน แค่คิดธิดาดอยก็ปวดหัว เริ่มหวั่นกับเรื่องที่องค์รัชทายาทอยากให้เป็น  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD