ตอนที่ 3

2836 Words
วันรุ่งขึ้น ยามอิ๋น (03.00-04.59 น.) เมื่อได้เวลาตื่นนอน หนิงลู่ซือก็ลุกขึ้น ล้างหน้าล้างตา เข้าครัวเตรียมมื้อเช้า มื้อเช้าวันนี้ เป็นข้าวต้มปลา เมื่อเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว นางก็ไปแผ้วถางหญ้าอีกฝั่งหนึ่งที่เหลือ ใช้เวลาทำพอๆ กับเมื่อวาน เสร็จจากงานตรงนี้หนิงลู่ซือก็ไปเอากระด้งที่วางเนื้อหมูไว้เมื่อวานออกมาตากแดด และไปอาบน้ำ แต่งตัว เมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็เป็นเวลาเดียวกับที่หนิงลี่อินตื่นพอดี “ตื่นแล้วหรือ ลุกขึ้นไปอาบน้ำแล้วมากินมื้อเช้ากัน วันนี้พี่ใหญ่ทำข้าวต้มปลาด้วยนะ” พอได้ยินของกินหนิงลี่อินก็ไม่รอช้ารีบไปอาบน้ำแต่งตัวทันที “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หญิงสาวที่กำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วยหันมาทางน้องสาวที่อยู่ในชุดใหม่ “พวกเราใส่ชุดสีเดียวกันเลย” หนิงลี่อินใส่ชุดสีเขียวสีเดียวกับพี่สาวก็หันหน้าหนีเพราะอาย ก็นางเห็นพี่สาวใส่ชุดสีเขียวนี่นา นางก็เลยหยิบสีเขียวมาใส่ตามพี่สาว “อาอินเห็นพี่ใหญ่ใส่ อาอินก็เลยอยากใส่ด้วย” หนิงลี่อินหันมาตอบอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ดูสิเราใส่ชุดคู่กัน น่ารักมากๆ อาอินว่าไหม” “เจ้าค่ะ” แก้มขึ้นสีแดงเป็นมะเขือเทศแล้ว หนิงลู่ซืออดใจไม่ไหวจนต้องยกมือขึ้นไปหยิกแก้มด้วยความมันเขี้ยว “อือ ข้าเจ็บนะเจ้าคะ” ยกมือขึ้นลูบแก้มที่โดนหยิก ปากก็ร้องบอกว่าเจ็บ แต่กลับยิ้มจนปากจะถึงหูอยู่แล้ว อาอินน้อยของพี่สาว “ฮ่าฮ่า เจ็บเหรอๆ ขอหยิกอีกข้างได้หรือไม่จะได้เจ็บเท่ากัน ฮ่าฮ่า” นางแกล้งยกมือขึ้นเตรียมจะหยิก “ม่ายยยย” วิ่งหนีไปนู้นแล้ว หนิงลู่ซือยกถ้วยข้าวต้มมาที่แคร่หน้าบ้าน ก็เห็นหนิงลี่อินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “วันนี้พี่ใหญ่ขึ้นเขาหรือไม่เจ้าคะ” กินข้าวต้มไปเสียหลายคำแล้ว หนิงลี่อินก็ถามพี่สาว “แต่งตัวสวยขนาดนี้พี่ใหญ่ไม่ขึ้นเขาหรอกนะ” วันนี้นางตั้งใจจะไม่ขึ้นเขา แต่นางมีความคิดดีๆ เกิดขึ้นในหัว “ทำไมละเจ้าคะ” วันก่อนที่ขึ้นเขาได้เจอกับสมุนไพร ถ้าไปอีกอาจจะเจออีกก็ได้ หนิงลี่อินทำตาละห้อยมองพี่สาว “วันนี้พี่ใหญ่จะไปหาซื้อไก่ไข่มาเลี้ยงไว้ ต่อไปเราก็จะได้มีไข่ไว้กินทุกวัน รู้ไหมการกินไข่ทุกวันมันดีต่อร่างกายนะ อย่างอาอินต้องกินไข่วันละ 1 ฟอง” ใช่แล้ว สิ่งที่หนิงลู่ซือคิดได้วันนี้คือการหาซื้อไก่ไข่มาเลี้ยง ส่วนเล้าไก่นั้นนางค่อยกลับมาทำ หลังกลับจากหาซื้อไก่ได้แล้ว “แล้วพี่ใหญ่จะไปซื้อที่ไหนเจ้าคะ” ถามจบก็หันกลับไปตักข้าวคำโตใส่ปาก อ่า วันนี้พี่ใหญ่ก็ยังทำอาหารอร่อยเหมือนเดิม “พี่ใหญ่ว่าจะลองเข้าไปถามท่านป้าหลินดู ว่าจะหาซื้อไก่ไข่ได้จากที่ไหน เพราะถ้าพี่ใหญ่จำไม่ผิดเหมือนท่านป้าหลินจะเลี้ยงไก่ไข่ไว้ ท่านแม่เคยไปซื้อไข่จากนาง” หนิงลู่ซืออธิบายน้องสาวที่ตอนนี้กำลังตักข้าวคำโตกินไม่หยุด กินเก่งแบบนี้อีกไม่นานคงได้อวบอ้วนสมใจนางแล้ว “ข้าไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ” พอได้ยินว่าพี่ใหญ่จะไปข้างนอกนางก็อยากไปด้วย ถึงแม้ว่าข้างนอกที่ว่าจะเป็นในหมู่บ้านก็ตาม ตั้งแต่นางมาอยู่ที่นี่ นางไม่ค่อยได้ออกไปไหน ไม่มีเพื่อนเลยสักคน มีแต่พี่ใหญ่คนเดียว “ได้สิ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วเราไปกัน” “เจ้าค่ะ” “เดี๋ยวกินเสร็จแล้วไปหยิบผ้าผูกผมสีเขียวมาให้พี่ใหญ่ด้วยนะ” “พี่ใหญ่จะผูกผมหรือเจ้าคะ” “พี่ใหญ่จะเอามาผูกให้อาอินต่างหากเล่า” “ผ้าผูกผมมาแล้วเจ้าค่า” เสียงวิ่งดังออกมาถึงหน้าบ้านที่ตอนนี้หนิงลู่ซือกำลังนั่งรอน้องสาวอยู่ “อย่าวิ่งสิอาอินเดี๋ยวก็ล้มหรอก” “คิกคิก” ยังจะมีหน้ามาหัวเราะอีกนะ เจ้าเด็กคนนี้ “นี่เจ้าค่ะผ้าผูกผม” หนิงลี่อินยื่นผ้าผูกผมสีเขียวซึ่งเป็นสีเดียวกับชุดให้พี่สาว “ฮึบ นั่งตรงนี้ ไหนดูสิพี่ใหญ่จะทำทรงไหนให้เจ้าดี” หนิงลู่ซืออุ้มน้องสาวขึ้นมานั่งบนแคร่ จับนางหันหลังเข้าหานาง และครุ่นคิดว่าจะทำผมทรงไหนดี ระหว่างที่คิดก็หยิบหวีขึ้นมาหวีผมที่น้องสาวอย่างเบามือ ชาติก่อนนางเป็นลูกคนสุดท้อง เป็นน้องเล็กของบ้าน เป็นหญิงหนึ่งเดียวของบ้าน โตมาท่ามกลางผู้ชาย เลยคิดว่าอยากมีน้องสาวบ้าง นางอยากเป็นพี่ อยากพาน้องเล่นตุ๊กตา แต่งตัวสวยๆ ไปเดินห้าง ทำผม แต่งตัวให้น้อง แต่สุดท้ายก็ได้แค่คิด เพราะความเป็นจริงมันไม่ใช่แบบนั้นเลย แต่ตอนนี้นางได้เป็นพี่ ได้มีน้องอยากที่เคยคิด นางจึงอยากทำอะไรดีๆ ให้กับน้องสาวของนาง อย่างตอนนี้ที่กำลังจะทำผมให้นางแต่ทำทรงไหนดีละ แต่เด็กสมัยนี้ที่นางเห็นจะทำเป็นทรงซาลาเปา 2 ข้าง แต่นางไม่อยากทำแบบนั้น นางมาจากยุคอนาคตเลยนะ ผมของน้องสาวนางจะเหมือนชาวบ้านเขาได้ยังไง อืม วันนี้เอาง่ายๆ อย่างการถักเปียสองข้างแล้วกัน ว่าแล้วก็แบ่งผมออกเป็น 2 ข้างเท่าๆ กัน และเริ่มถักเปียทันที สองพี่น้องตระกูลหนิงเดินจับมือเข้ามาในหมู่บ้าน จริงๆ แล้วบ้านนางก็อยู่ในหมู่บ้านนี้เช่นกัน เพียงแต่อยู่ไกลจากบ้านหลังอื่นๆ สักหน่อย แต่ก็ยังมีบ้านหลังอื่นๆ ปลูกอยู่แถวบ้านนางหลายหลัง ชาวบ้านที่เห็นสองพี่น้องต่างก็ต้องหันมอง ด้วยปกติแล้วพวกนางไม่ค่อยได้เดินมาที่นี่มากนัก ทำให้เป็นที่สนใจของชาวบ้าน คนพี่มีรูปร่างที่บอบบาง ผิวขาว ดวงหน้าไม่ได้งามล่มเมือง แต่ก็งามกว่าหญิงสาวหลายคนในหมู่บ้าน ดวงตากลมโต จมูกเชิดขึ้นนิดๆ ริมฝีปากถึงจะเล็กแต่ดูอวบอิ่ม ทำให้หนุ่มๆ หลายคนหันมองตามคอแทบหัก ส่วนคนน้องถึงแม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มีส่วนคล้ายพี่สาวถึง 8 ส่วน โตขึ้นก็คงจะงามไม่แพ้พี่สาว แล้วดูผมนางสิ แปลกตายิ่งนัก อีกทั้งผ้าผูกผมก็ยังเป็นสีเดียวกับชุดอีก ยิ่งทำให้นางน่ารักขึ้นอีกหลายส่วนทีเดียว เมื่อวานมีชาวบ้านหลายคนเห็นสองพี่น้องนั่งเกวียนรับจ้างที่เต็มไปด้วยข้าวของ ก็เกิดเสียงซุบซิบขึ้นอีกครั้ง ยิ่งพวกนางใส่ชุดใหม่ที่ยิ่งพากันสงสัยว่าไปเอาเงินมาจากที่ใด แต่ก็เหมือนเมื่อวาน ทำได้แค่สงสัย แต่ไม่กล้าถาม สองพี่น้องไม่ได้สนใจสายตาที่มองมา ใครอยากมองก็มอง นางไม่สามารถห้ามคนไม่ให้มองได้ ไม่นานก็มาถึงบ้านดินหลังหนึ่ง “ท่าป้าหลินเจ้าคะ อยู่หรือไม่เจ้าคะ” หนิงลู่ซือตะโกนเรียกชื่อท่านป้าหลิน หรือ ‘หลินจู’ ท่าป้าหลินคนนี้เป็นสหายของท่านแม่ ตอนท่านแม่ย้ายกลับมา ท่านป้าก็เคยไปเยี่ยมท่านแม่ที่บ้านอยู่หลายครั้ง “ใครมาน่ะ” มีเสียงตะโกนกลับมา ก่อนที่เจ้าของเสียงจะออกมาจากในบ้าน “ข้าเองเจ้าค่ะ หนิงลู่ซือ” “อาซือเหรอ” “เจ้าค่ะ” “เข้ามาก่อนๆ” เมื่อรู้ว่าเป็นใคร ท่านป้าหลินก็มาเปิดประตูรั้วให้เข้ามาด้านใน “อาซือคารวะท่าป้าหลินเจ้าค่ะ” “อาอินคารวะท่านป้าหลินเจ้าค่ะ” กล่าวทักทายกันเสร็จ สามสาวต่างวัยก็มานั่งลงที่แคร่หน้าบ้าน “ตามสบายๆ เป็นยังไง มายังไงละ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือไม่” ปากถามแต่ตาก็มองสำรวจไปด้วย ดูแล้วชีวิตลูกๆ ของสหายนางคงไม่ลำบากเท่าไหร่นัก ดูเสื้อผ้าที่ใส่สิ ใส่สีเดียวกันเสียด้วย ช่างน่ารักเสียจริง ด้วยนางมีแต่ลูกชายเลยเอ็นดูลูกของสหายที่เป็นหญิง “ข้ากับอาอินสบายดีเจ้าค่ะ แล้วท่านป้าเล่าสบายดีหรือไม่เจ้าคะ” “ป้าก็เรื่อยๆ แหละ ไม่เจ็บ ไม่ป่วยก็ถือว่าดีแล้ว” “จริงที่สุดเจ้าค่ะ การไม่เจ็บ ไม่ป่วยถือว่าดีที่สุดแล้ว ท่านป้าเจ้าคะ ที่ข้ามาวันนี้ข้ามีเรื่องจะรบกวนท่านป้าเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือลองเอ่ยออกไป “เจ้ามีเรื่องอันใดรึบอกป้า ถ้าป้าช่วยได้ป้าย่อมช่วยเจ้าแน่นอน” “ข้าอยากได้ไก่ไข่มาเลี้ยงที่บ้านสัก 10 ตัวเจ้าค่ะ ไว้เก็บไข่ของมันมากิน ไม่ทราบว่าท่านป้าซื้อไก่ไข่พวกนี้มาจากที่ใดหรือเจ้าคะ” นางชี้ไปยังเล้าไก่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้าน “ป้าซื้อมาจากในเมืองนั่นแหละ แต่ถ้าเจ้าอยากได้เจ้าเอาของป้าไปก็ได้ เมื่อเดือนที่แล้วมีไก่ฟักออกมาหลายตัวเลยทีเดียว” ไก่ 10 ตัวถ้าขายก็ได้หลายอีแปะ แต่สำหรับลูกของสหายนางยกให้ได้ไม่คิดเงิน “ไม่ได้เจ้าค่ะ ถ้าท่านป้าจะให้ข้า ท่านป้าต้องคิดเงินเจ้าค่ะ เพราะกว่าไก่พวกนี้จะโตท่านป้าก็เสียค่าอาหารไปไม่น้อย ข้าไม่อยากเอาเปรียบท่านป้า” นางไม่อยากได้ของของใครมาฟรีๆ “งั้นป้าขายให้เจ้าตัวละ 20 อีแปะ เจ้าไหวหรือไม่” สุดท้ายท่านป้าหลินก็เสนอราคาไก่ให้หนิงลู่ซือ “ตกลงเจ้าค่ะ ข้าซื้อ 10 ตัว ตัวละ 20 อีแปะ เป็นเงิน 200 อีแปะ นี่เจ้าค่ะเงิน” หนิงลู่ซือสรุปเองเสร็จเรียบร้อยพร้อมหยิบพวงเงินใส่มือท่านป้าหลิน “ขอบใจเจ้ามากนะ เดี๋ยวตาเฒ่ากับลูกชายป้ากลับมาจากล่าสัตว์ ป้าจะให้พวกเขาเอาไปส่งให้เจ้า” “เจ้าค่ะท่านป้า” “ไหนอาอินมาหาป้าหน่อยสิ” นั่งคุยกันมาสักพักแล้ว แต่เด็กน้อยอีกคนกลับนั่งแกว่งขาเล่นเงียบๆ ข้างพี่สาว “เจ้าค่ะ” หนิงลี่อินที่ได้ยินท่านป้าเรียก นางก็ลงจากแคร่ด้วยความช่วยเหลือจากพี่สาว และเดินมาทางท่านป้าหลิน “ดูสิไม่เจอกันไม่กี่วัน เจ้าดูน่ารักขึ้นขนาดนี้เชียวรึ” หนิงลี่อินเมื่อได้ยินคำชมว่าน่ารักก็เขินจนตัวม้วน หน้าแดง “ถ้าวันไหนเบื่อๆ ก็มาอยู่เล่นบ้านป้าได้นะ เดี๋ยวป้าทำของอร่อยๆ ให้เจ้ากิน” นางเอ็นดูเด็กคนนี้นัก พ่อแม่ก็มาเสียไป ต้องอยู่กับพี่สาวแค่ 2 คน แถมยังอยู่ท้ายหมู่บ้านอีก ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นห่วง “เจ้าค่ะท่านป้า เดี๋ยวข้าจะมาหาท่านป้าบ่อยๆ นะเจ้าคะ” หนิงลี่อินที่ไม่มีแม่ เมื่อได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ก็น้ำตาคลอ หนิงลู่ซือที่เห็นแบบนั้นก็สงสารน้องสาว ต่อให้นางจะพยายามเติมเต็มให้หนิงลี่อินอย่างไร แต่เด็กก็ต้องการความรัก ความอบอุ่ม จากบิดา มารดาอยู่ดี “ดีๆ” แล้วพี่น้องตระกูลหนิงก็นั่งเล่น ยั่งคุยจนเพลิน หนิงลี่อินตอนนี้ย้ายไปนั่งข้างๆ ท่านป้าแล้ว แถมท่านป้ายังเอ็นดูจนเอาขนมออกมาป้อนอีกด้วย เด็กน้อยชุดเขียวมีหน้าที่แค่อ้าปากรับเท่านั้น ส่วนหนิงลู่ซือตอนนี้มารับบทเป็นคนเก็บไข่ไก่ในเล้าแทนท่านป้า ท่านป้าบอกว่าไก่ของท่านป้ามีมากกว่า 100 ตัว ไข่ไก่ที่ได้ในแต่ละวันมีทั้งเก็บไว้กิน และเอาไปขายเพื่อเป็นรายได้อีกทางให้กับครอบครัว ยามอู่ (11.00-12.59 น.) นั่งคุยไปคุยมา ก็ยามอู่แล้ว ท่านป้าหลินจึงชวนให้อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกันก่อน ท่านป้าหลินกับหนิงลู่ซือจึงเข้าครัวช่วยกันทำอาหาร ส่วนหนิงลี่อินนั่งเล่นอยู่ในบ้าน “จูเอ๋อร์ๆ พี่กลับมาแล้ว” หลินจูได้ยินเสียงสามีร้องเรียกอยู่หน้าบ้านก็ออกไปเปิดประตูรั้วให้ “ได้อะไรมาบ้างเจ้าคะท่านพี่” นางหลินถามออกไป “ได้กระต่ายป่า 3 ตัว ไก่ป่า 4 ตัว” ‘เว่ยสง’ หันมาตอบภรรยา “ท่านแม่ขอนับ กลิ่นอะไรหอมๆ ขอรับ” ‘เว่ยซาน’ ลูกชายคนเล็ก อายุ 15 หนาว ถามท่านแม่ของตน เขาได้กลิ่นตั้งแต่เข้าบ้านแล้ว “อ่า อาซือกับอาอินมาที่บ้านเราน่ะ แม่เลยชวนให้อยู่กินข้าวกลางวันด้วยกัน ตอนนี้อาซือกำลังทอดไข่” หลินจูตอบคำถามบุตรชายคนเล็ก “ลูกสาวของสหายเจ้าที่ชื่อ ‘จางซูมี่’ ใช่หรือไม่” “ใช่เจ้าค่ะ ข้าว่าท่านกับลูกๆ ไปล้างเนื้อ ล้างตัวก่อนเถอะเจ้าค่ะ ได้มากินข้าวกัน” หลินจูไล่ 3 คนพ่อลูก ให้ไปล้างตัว ตอนนี้อาหารเสร็จหมดแล้ว หนิงลู่ซือ หนิงลี่อัน และหลินจู กำลังยกอาหารมาตั้งไว้ที่แคร่หลังบ้าน เมื่อตั้งเสร็จแล้ว 3 คนพ่อลูกก็เดินมาถึงพอดี “คารวะท่านลุงเว่ยเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือกับหนิงลี่อินกล่าวทักทายเว่ยสง “ตามสบายเถอะ นี่ลูกชายลุง ชื่อ เว่ยหมิง กับเว่ยซาน” เว่ยสงแนะนำให้สองพี่น้องรู้จักกับบุตรชายตน “คารวะพี่เว่ยหมิง พี่เว่ยซานเจ้าค่ะ ข้าหนิงลู่ซือเจ้าค่ะ” “คารวะพี่เว่ยหมิง พี่เว่ยซานเจ้าค่ะ ข้าหนิงลี่อินเจ้าค่ะ” เด็กน้อยส่งยิ้มให้กับพี่ชายทั้งสอง “มาๆ มากินข้าวกันได้แล้ว” เมื่อเว่ยสงนั่งลงคนอื่นๆ ก็นั่งตาม รอให้ผู้อาวุโสที่สุดกินก่อนคนอื่นๆ จึงจะกินได้ “จานนี้คืออะไรหรือ” เว่ยหมิงชี้นิ้วไปยังจานที่มีกับข้าวหน้าตาแปลกๆ สีเหลืองๆ อยู่ในจาน “จานนี้เรียกว่าไข่เจียวเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือตอบเว่ยหมิง ส่วนมือก็ตักไข่เจียวให้กับน้องสาว “ขอบคุณเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินตักไข่เจียวกับข้าวแล้วกินคำโต ทำให้ผู้ใหญ่ที่เห็นต่างก็เอ็นดูนางยิ่งนัก “อร่อยมากๆ เลยเจ้าค่ะพี่ใหญ่ วันหน้าท่านทำให้ข้ากินอีกนะเจ้าคะ” ว่าแล้วก็ตักข้าวใส่ปากเคี้ยวตุ่ยๆ เมื่อคนบ้านเว่ยเห็นว่าเจ้าไข่เจียวนี้น่าอร่อยต่างก็ตักใส่ถ้วยข้าวของตน พอได้ลองชิมแล้วต้องบอกเลยว่าอร่อย! “อร่อยจริงๆ ด้วย” เว่ยซาน “ใช่ อร่อย” เว่ยหมิง “ป้าก็ว่ามันอร่อย เจ้าทำยังไงหรืออาซือ” หลินจูเอ่ยถาม วันหน้าจะได้ลองทำกินบ้าง ปกติไข่ไก่นางจะเอามาต้มเพียงเท่านั้น “ทำง่ายมากเจ้าค่ะท่านป้า แค่ตอกไข่ใส่ถ้วย ปรุงรสด้วยน้ำปรุงรส และก็ตีให้เข้ากัน ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน เมื่อร้อนได้ที่แล้ว ก็ใส่ไข่ลงไปเลยเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซืออธิบาย “ฟังดูเหมือนไม่ยาก วันหน้าเจ้าก็ลองทำดูนะจูเอ๋อร์” เว่ยสงบอกแก่ภรรยา เจ้าไข่เจียวนี้อร่อยจริงๆ “เจ้าค่ะท่านพี่” ตอนนี้ทุกคนกินกันอิ่มแล้ว สองพี่น้องนั่งพักกันสักครู่ก็ขอตัวกลับบ้าน “จริงสิ อาหมิง อาซาน เดี๋ยวเจ้าเอาไก่บ้านเราไปให้บ้านอาซือด้วยนะ นางซื้อไก่จากบ้านเรา” หลินจูบอกบุตรชายทั้งสองของนางที่กำลังนั่งย่อยอาหาร “ได้ขอรับท่านแม่ ว่าแต่บ้านอาซือมีเล้าไก่แล้วใช่หรือไม่” รับปากท่านแม่แล้วก็หันมาถามหนิงลู่ซือที่นั่งอยู่บนแคร่ หนิงลู่ซือได้ยินก็ถึงกับตาโต ใช่แล้ว เล้าไก่!! นางลืมว่านางต้องทำเล้าไก่ นั่งโม้กับท่านป้าหลินจนลืมเสียสนิทเลย จะทำตอนนี้ก็คงขึ้นไปตัดไม้ไผ่ไม่ทันแล้ว “จริงด้วย! ข้าลืมทำเล้าไก่!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD