หลังจากกินอาหารจนอิ่ม สองพี่น้องก็จับจูงมือเดินเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้ อย่างสนุกสนาน ได้ทั้งข้าวสาว 100 ชั่ง เครื่องเทศ เครื่องปรุงรส ยังมีเนื้อหมูอีกด้วย อาอินดีใจสุดๆ ที่จะได้กินเนื้อ หนิงลู่ซือหมดเงินกับร้านข้าวสาร เครื่องเทศ เนื้อสัตว์รวมๆ แล้วประมาณ 4 ตำลึง
ตอนนี้ทั้งคู่กำลังอยู่ในร้านขายผ้า หนิงลู่ซือตั้งใจจะซื้อชุดใหม่ทั้งของตนเองและน้องสาว เพราะเสื้อผ้าที่ใส่ตอนนี้ สีซีดจนมองไม่ออกว่าสีเดิมคือสีอะไร ไหนจะรอยปะชุนอีก
“ร้านชิงชิง ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ” พี่สาวคนงามผู้ดูแลร้านเดินออกมาต้อนรับ “ไม่ทราบว่าพวกท่านอยากได้ผ้าหรือชุดแบบใดเจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะแนะนำให้”
“ข้าอยากได้ชุดตัดสำเร็จแล้วมีไหมเจ้าคะ” หนิงลู่ซือบอกความต้องการของนางกับพี่สาวคนสวย
“มีเจ้าค่ะ ถ้าเป็นชุดที่ตัดสำเร็จแล้ว ของเด็กชุดหนึ่งราคา 200 อีแปะ ชุดผู้ใหญ่ 300 อีแปะ เจ้าค่ะ”
“พาพวกข้าไปดูได้หรือไม่เจ้าคะ” จะซื้อสินค้าก็ต้องดูสินค้าจากของจริงถึงจะตัดสินใจได้
“เชิญทางนี้เจ้าค่ะ” เดินจนมาถึงส่วนที่เป็นชุดเสื้อผ้าสำเร็จ มีทั้งของผู้ชาย ผู้หญิง
“เชิญเลือกได้ตามสบายเจ้าค่ะ ถ้ามีอันใดให้ข้าช่วยสามารถเรียกข้าได้ตลอดเลยนะเจ้าคะ”
“อาอิน เจ้าชอบแบบไหน อยากได้สีอะไร เจ้าเลือกได้เลยนะ” หนิงลี่อินเป็นคนใส่ นางก็ควรมีสิทธิ์ที่จะเลือกและตัดสินใจด้วยตนเอง
“เจ้าค่ะพี่ใหญ่” เด็กน้อยหันมายิ้มตาหยีให้พี่สาว นางจะได้มีชุดใหม่ใส่แล้ว เอาสีไหนดีนะ สีเหลืองชุดนั้นก็สดใส สีเขียวอ่อนก็สบายตา สีฟ้าอ่อนก็ผ่อนคลาย สีแดงก็สวยงามยิ่งนัก จากรอยยิ้มดีใจตอนนี้รอยยิ้มได้หายไปเสียแล้ว จนพี่สาวที่มองดูอยู่อดกังวลไม่ได้ เมื่อครู่นางยังยิ้มอยู่เลยแล้วทำไมตอนนี้นางถึงหุบยิ้มไปแล้วล่ะ
“อาอินเจ้าเป็นอะไร” หนิงลู่ซือเข้าไปหาน้องสาว นั่งยองๆ ให้อยู่ในระดับเดียวกับน้องสาว ก่อนจะสอบถามด้วยความเป็นห่วง
“พี่ใหญ่” หนิงลี่อินมองพี่สาวตาละห้อย
“เป็นอะไร ไหนบอกพี่ใหญ่สิ”
“ข้าเลือกไม่ได้เจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ หรือเจ้าไม่ชอบร้านนี้ งั้นเราไปร้านอื่นดีหรือไม่”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าชอบ แต่ที่เลือกไม่ได้เพราะว่ามันสวยทุกชุดเลยเจ้าค่ะ ข้าจึงเลือกไม่ได้ พี่ใหญ่เลือกให้ข้าได้ไหมเจ้าคะ” โถ่ เด็กน้อย เพราะเลือกไม่ได้ เลยทำหน้าเศร้าสินะ
“ได้สิเดี๋ยวพี่ใหญ่เลือกให้เจ้าเอง พี่สาวข้าเอา สีเหลือง สีเขียวอ่อน สีฟ้าอ่อน และสีแดง ตรงนั้นอย่างละ 1 ชุดให้น้องสาวข้าเจ้าค่ะ อ่อ เพิ่มสีชมพูให้น้องสาวข้าอีก 1 ชุดด้วยนะเจ้าคะ” ประโยคแรกบอกกับน้องสาว ประโยคหลังบอกกับพี่สาวที่พาตนมาดูผ้า
“เจ้าค่ะ” หญิงสาวที่ได้ยินแบบนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น ตอนแรกที่เห็นหญิงสาวสองคนเข้ามาในร้าน คนในร้านไม่ค่อยอยากออกมาต้อนรับเพราะใส่เสื้อผ้าปะชุน สีซีดจนมองไม่ออกว่าเคยเป็นสีใดมาก่อน แต่ใครจะคิดแค่ชุดของน้องสาวก็ 5 ชุดแล้ว
“ส่วนของข้าเอาสีเดียวกับน้องสาวข้าอย่างละ 1 ชุดเช่นกันเจ้าค่ะ” น้อยไปไหมนะ คนละ 5 ชุด อืม ถ้าไม่พอค่อยซื้อเพิ่มก็แล้วกัน
“เจ้าค่ะๆ” หญิงสาวคนที่มาต้อนรับตอนนี้ยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งเสียแล้ว ต้องจำหน้าสองพี่น้องนี้ไว้ให้ดี ถ้ามาคราวหน้านางจะรีบมาต้อนรับเลย ว่าแล้วก็ไปเตรียมเสื้อผ้าให้กับลูกค้าดีกว่า
“พี่ใหญ่” เด็กน้อยสะกิดยิกๆ ที่แขนพี่สาว
“ว่าอย่างไร อาอิน” คิ้วผูกกันอีกแล้วน้องสาวนาง
“มันจะไม่มากไปหรือเจ้าคะ”
“ไม่มากหรอกอาอิน เราหาเงินได้ เราก็ต้องใช้เข้าใจหรือไม่ พี่ใหญ่อยากให้เจ้าใส่เสื้อผ้าสวยๆ อีกอย่างเสื้อผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของคนเรานะ”
“อะไรคือปัจจัย 4 เจ้าคะ”
“ปัจจัย 4 คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งทั้ง 4 อย่างนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ และพี่ใหญ่คนนี้ก็จะหามาให้อาอินเอง” ดูเหมือนเด็กน้อยจะยังไม่ค่อยเข้าใจเพราะคิ้วที่ผูกยังไม่คลายออกจากกันเลย
แต่ไม่นานคิ้วที่ผูกกันก็คลายออก และมอบรอยยิ้มกลับมาให้นางแทน
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ถึงแม้ว่าความเป็นจริงจะไม่เข้าใจก็ตาม
“เด็กดี”
“ข้าขอแผ่นป้ายโรงฝากเงินด้วยเจ้าค่ะพี่ใหญ่” เด็กน้อยแบมือยื่นมาตรงหน้า ตอนนี้กลายเป็นนางเสียเองที่คิ้วผูกกัน
“เจ้าจะเอาไปทำอันใดรึ” ถามกลับด้วยความสงสัย
“ข้าก็จะเอาไปถอนเงินมาจ่ายค่าชุดอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
หนิงลู่ซือยิ้มให้เสี่ยวอินด้วยความเอ็นดู “เสื้อผ้าพวกนี้พี่ใหญ่จะซื้อให้เจ้าเอง ไว้มีสิ่งใดที่เจ้ายากได้จริงๆ ค่อยมาบอกพี่ใหญ่”
“เจ้าค่ะ”
ผ่านไปไม่ถึง 1 ก้านธูป พี่สาวคนเดิมก็นำชุดมาให้พวกนาง
“ตรวจดูก่อนนะเจ้าคะว่าถูกต้องครบถ้วนหรือไม่” หนิงลู่ซือตรวจดูสินค้าตามคำบอกของพี่สาว
“อ่อ จริงสิ ข้าขอผ้าผูกผมที่สีเดียวกับชุด สีละ 2 เส้น แล้วก็ขอผ้าห่มที่ไม่หนาหรือบางจนเกินไป 2 ผืน ด้วยเจ้าค่ะ” ผ้าผูกผมนางจะเอามาให้เจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังจ้องชุดด้วยตาเป็นประกาย วันไหนใส่ชุดสีเหลืองก็ใช้ผ้าผูกผมสีเหลือง วันไหนใส่สีชมพูก็ผูกผ้าสีชมพู แค่คิดก็น่ารักแล้ว เพราะน้องสาวของนางถึงจะตัวเล็กแต่หน้าตาก็น่ารักไม่น้อยนะ
ส่วนผ้าห่มที่ต้องซื้อเพราะผืนที่ใช้อยู่นั้นช่างบางแสนบาง ป้องกันอะไรก็ไม่ได้ ช่วงนี้เป็นช่วงใบไม้ผลิ อากาศกำลังดีเลยละ ซื้อผืนไม่หนาจนเกินไปไปใช้ก่อน พอหน้าหนาวก็ค่อยมาซื้อผืนที่หนาๆ อุ่นๆ อีกที แต่อีกหลายเดือนกว่าจะเข้าหน้าหนาวถึงตอนนั้นค่อยมาซื้อก็ยังไม่สาย
ตอนนี้ของที่กองอยู่ตรงหน้าของสองพี่น้องเรียกว่าภูเขาลูกขนาดย่อมก็ว่าได้
“ของทั้งหมดจะมี ชุดสำเร็จของเด็ก 5 ชุด ราคาชุดละ 200 อีแปะ ของผู้ใหญ่ 5 ชุด ราคาชุดละ 300 อีแปะ ผ้าห่ม 2 ผืน ราคาผืนละ 1 ตำลึง ผ้าผูกผม 10 เส้นราคาเส้นละ 10 อีแปะ ทั้งหมดเป็นเงิน 4 ตำลึง 600 อีแปะเจ้าค่ะ แต่ผ้าผูกผมข้าจะแถมให้ไม่คิดเงินเจ้าค่ะ เป็นเงิน 4 ตำลึง 500 อีแปะ เจ้าค่ะ”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ อาอินเจ้าก็ขอบคุณพี่สาวด้วย” หนิงลู่ซือหันไปบอกน้องสาวตัวน้อยของตน
“ขอบคุณพี่สาวเจ้าค่ะ” ค้อมตัวอย่างน่ารักเมื่อยืดตัวกลับมาตัวตรงเหมือนเดิมก็ยิ้มให้พี่สาวจนตาหยี
“นี่เงินเจ้าค่ะ แล้วข้าขอฝากของไว้ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ากลับมาเอา” หนิงลู่ซือยื่นเงินให้กับพี่สาวที่คอยดูแลพวกตน
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ฝากไว้ได้ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”
เสร็จจากร้านผ้า ร้านสุดท้ายที่หนิงลู่ซือพาหนิงลี่อินไปคือร้านขายเมล็ดผัก นางซื้อเมล็ดผักมาหลายชนิดเลยทีเดียว ทั้ง หนานกวา (ฟักทอง) หวงกวา (แตงกวา) หลัวโป (หัวไชเท้า) ไป๋ช่าย (ผักกาดขาว) เปาซินช่าย (กะหล่ำปลี) โต้วเจี่ยว (ถั่วฝักยาว) เซียงช่าย (ผักชี) ล่าเจียว (พริก) และยังมีถั่วเขียวนางจะลองเอาไปปลูกเป็นถั่วงอก
หลังจากได้ของครบทุกอย่างแล้วหนิงลู่ซือก็ไปจ้างเกวียนให้ไปส่งที่หมู่บ้าน
ชาวบ้านเมื่อเห็นเกวียนที่ไม่ใช่เกวียนบ้านสงต่างก็มองดูด้วยความสงสัย ยิ่งเห็นคนที่โดยสารมากับเกวียน ชาวบ้านยิ่งแปลกใจ เหตุใดสองพี่น้องตระกูลหนิงที่เข้าเมืองไปเมื่อเช้าถึงได้ซื้อของกลับมาเยอะแยะ จนเต็มเกวียนถึงเพียงนี้
แต่ก็ได้แค่สงสัยเพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปถาม
สองพี่น้องที่กำลังเป็นที่สนใจของชาวบ้านไม่ได้สนใจว่าใครจะมอง จะพูดอย่างไร เพราะตอนนี้พวกนางมีความสุขมาก โดยเฉพาะเจ้าตัวเล็กที่ยิ้มไม่หุบตั้งแต่ตัวเมืองจนถึงบ้าน
เมื่อมาถึงบ้านทั้งสองก็ช่วยกันจัดเก็บข้าวของให้เข้าที่เข้าทาง ต่อด้วยเอาเสื้อผ้าชุดใหม่ ผ้าห่มผืนใหม่ไปซัก
“อาอินเดี๋ยวพวกเราเอาชุดใหม่ กับผ้าห่มใหม่ไปซักที่ลำธารหลังบ้านกัน”
“ซักทำไมเจ้าคะพี่ใหญ่ ใส่เลยไม่ได้หรือ”
“ใส่เลยมันก็ได้ แต่เสื้อผ้าพวกนี้กว่าจะถึงมือเราก็โดนหลายๆ คนจับมาแล้ว ไหนจะฝุ่นที่อยู่ในอากาศเกาะอีก พี่ใหญ่ว่าเราไปซักตากกันดีกว่า เวลาใส่ได้ดูสะอาดๆ และหอมๆ” ชาติก่อนเวลาซื้อเสื้อผ้ามาใหม่นางต้องซักก่อนใส่เสมอเพื่อความสะอาด ปลอดภัย
“เจ้าค่ะ งั้นเราไปซักกันเลยยย” ว่าจบก็เดินลิ่วๆ ไปแล้ว ในมือก็ถือชุดของตนเองไปด้วย หนิงลู่ซือได้แต่ส่ายหัวให้กับน้องสาวตน
ถึงแม้จะพ้นหน้าหนาวมาแล้วแต่น้ำในลำธารก็ยังเย็นอยู่ หนิงลู่ซือไม่อยากให้มือเล็กๆ ของน้องสาวโดนน้ำมากนัก นางจึงทำหน้าที่ซักผ้าเอง นำผ้ามาปูให้น้องสาวนั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีร่มเงา ไม่ลืมหยิบขนมที่ได้จากเถ้าแก่เจาและซาลาเปาที่ซื้อมาจากในตัวเมืองให้นางด้วย
เมื่อหันไปอีกทีหนิงลี่อินก็หลับปุ๋ยไปแล้ว คงเหนื่อยละสิ นางพาเดินทั้งวัน
“พี่ใหญ่ท่านทำอันใดเจ้าคะ” หนิงลี่อินที่ตื่นจากนอนกลางวันยกมือขยี้ตาที่ยังปรืออยู่ มองไปยังลำธารเห็นพี่สาวตนลงไปยืนอยู่ในน้ำ ในมือถือตะกร้า
“อ๋อ นี่เหรอ พี่ใหญ่กำลังจับปลาน่ะ ปลาในลำธารมีแต่ตัวใหญ่ๆ เดี๋ยวพี่ใหญ่จะจับไปทำของอร่อยๆ ให้อาอินกิน” ปากก็ตอบคำถามน้องสาว มือก็จับปลาออกจากตะกร้าที่นางเปลี่ยนมาเป็นที่ดักปลา
“งั้นอาอินจะช่วยพี่ใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ” เด็กน้อยเดินมาหาพี่สาวที่ลำธาร ขากำลังจะก้าวลงมา แต่ถูกพี่สาวห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องๆ พี่ใหญ่จับปลาเสร็จแล้ว ดูสิได้ตั้งหลายตัว” ว่าแล้วก็ขึ้นจากลำธาร เก็บของกลับบ้านไปทำมื้อเย็น
นางได้ปลามาทั้งหมด 3 ตัว ตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย แต่อยู่กันแค่ 2 คน เอามาทำกับข้าวแค่ตัวเดียวก็พอ อีก 2 ตัว เอาไปขังไว้ในโอ่งดีกว่า
“พี่ใหญ่มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” เด็กน้อยที่แอบอยู่หลังประตูห้องครัว ชะโงกหน้าออกมาถาม
“ไม่มี พี่ว่าอาอินไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ตรงนี้เดี๋ยวพี่ใหญ่ทำเอง” นางหันไปตอบน้องสาว
เด็กน้อยเดินไปอาบน้ำแล้ว ถึงแม้หนิงลี่อินจะอายุแค่ 5 หนาว แต่นางก็อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วยงานบ้านได้แล้ว
ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่บ้านหลังนี้มีเตา 2 เตา เตาหนึ่งนางจึงใช้หุงข้าว อีกเตาใช้ทำกับข้าว โดยวัตถุดิบหลักในวันนี้ก็คือ ปลา ที่จับได้จากในลำธาร และหมู ที่ซื้อมาจากตลาดมื้อเย็นในวันนี้จึงมี ปลาทอดกรอบๆ และต้มปลาไว้ซดน้ำร้อนๆ ผัดหมูใส่ผัก
“อร่อย!” กินคำแรก หนิงลี่อินก็เอ่ยปากชมทันที
“อร่อยก็กินเยอะๆ เข้าใจหรือไม่” หนิงลู่ซือเอาปลาทอดมาแกะก้างออกให้น้องสาวและเอาไปวางไว้ในถ้วยข้าวของนาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้าจะกินให้หมดเลย” ว่าแล้วก็ตักข้าวคำโตเคี้ยวตุ่ยๆ จนแก้มพองออก ช่างน่ารักเสียจริงน้องสาวนาง
“หมดไม่กล้ว พี่ใหญ่กลัวว่าจะไม่หมดนะสิ”
และแล้วหนิงลี่อินก็ทำให้หนิงลู่ซือต้องอ้าปากค้างเพราะน้องสาวนางกินข้าวไปถึง 2 ถ้วย อ่า ที่บอกว่าจะกินให้หมดนางไม่ได้พูดเล่นสินะ แต่เห็นน้องสาวกินได้แบบนี้นางก็มีความสุขแล้ว และหวังว่าความสุขนี้จะอยู่กับนางไปนานๆ
หลังกินเสร็จหนิงลู่ซือกลัวว่าเนื้อที่ซื้อมาจะเน่าเสียก่อน จึงเข้าครัวหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นๆ หมักเนื้อหมู จากนั้นนำเนื้อหมูมาวางไว้บนกระด้งวันพรุ่งจะได้นำไปตากแดด
ก้าวแรกเขาบอกว่าเป็นก้าวที่สำคัญ สำหรับหนิงลู่ซือก้าวแรกในวันนี้ถือว่าดีทีเดียวและหวังว่าก้าวต่อๆ ไปของนางจะดีขึ้นเรื่อยๆ