3 วันต่อมา
คนงานของฮุ่ยเหอเริ่มต้นก่อสร้าง เมื่อ 2 วันก่อน พวกเขาได้ขนของที่ต้องใช้มาไว้ที่บ้านหนิงลู่ซือบ้างแล้ว หนิงลู่ซือขอให้พวกเขาช่วยสร้างโรงเพาะไปพร้อมๆ กับบ้าน ฮุ่ยเหอจึงแบ่งคนงานออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสร้างโรงเพาะ ส่วนที่ 2 สร้างบ้าน
ส่วนคนงานในหมู่บ้านคาดว่าวันนี้งานก็จะเสร็จเรียบร้อย ตอนเย็นนางจะทำการจ่ายค่าแรงของทุกคน และเมื่อมีคนงานมาเพิ่ม หนิงลู่ซือจึงให้หญิงในหมู่บ้านมาช่วยงานในครัว ตอนนี้ในครัวจึงวุ่นวายไม่น้อย
“ท่านป้าหลินเจ้าคะ มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่เจ้าคะ” นางเดินเข้ามาเอ่ยถามหลินจู
“ในครัวไม่มีอะไรให้เจ้าทำหรอก แล้วนี้อาอินไปไหนตั้งแต่มาป้ายังไม่เห็นเลย”
“ไปวิ่งเล่นกับเด็กๆ เ จ้าค่ะ” ตอนนี้หนิงลี่อินมีเพื่อนหลายคนแล้ว นางจึงไปเล่นกับเพื่อนๆ ของนาง
“ดีแล้วๆ”
“ข้าก็คิดแบบนั้นเจ้าค่ะท่านป้า” หนิงลู่ซือตอบหลินจู ก่อนจะเดินไปช่วยหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังล้างผักอยู่ ช่วงนี้นางหยุดขายของในเมืองไว้ก่อน ไว้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วนางจะกลับไปขายของเช่นเดิม ถั่วงอกนางก็ยังปลูกแต่เอามาใช้ประกอบอาหารแทน
“ถั่วงอกบ้านเจ้าต้นอวบอ้วนยิ่งนัก เจ้ามีวิธีการปลูกอย่างไรบอกได้หรือไม่” หญิงสาวคนที่นั่งล้างผักอยู่เอ่ยขึ้น
“ตอนนี้การปลูกยังเป็นความลับ ไว้ทุกอย่างลงตัวแล้วข้าอาจจะบอก” นางกล่าวไปตามที่คิด
“ข้าก็แค่ถามไปเช่นนั้นเอง ข้าเข้าใจบางอย่างมันคือความลับจะบอกกับผู้อื่นง่ายๆ ได้เช่นไร”
“เจ้าชื่ออะไรหรือ”
“ข้าเจียวมิ่ง ข้าขอบคุณเจ้ามากนะที่ให้งานข้าทำ และยังมีอาหารเลี้ยงชาวบ้านอีก เพราะเจ้าตอนนี้ชาวบ้านหลายคนจึงมีหน้าตาที่สดใส รวมถึงข้าและท่านแม่ของข้าด้วย ข้าต้องบอกเจ้าตามตรงว่าข้าได้นำอาหารกลับไปให้ท่านแม่ข้าทุกวัน เจ้าไม่ว่าอันใดใช่หรือไม่”
“อะไรช่วยได้ข้าก็จะช่วย ส่วนเรื่องที่เจ้านำอาหารไปให้ท่านแม่ข้าก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ว่าแต่ท่านแม่เจ้าเป็นอันใดหรือ”
“…”
“ถ้าเจ้าไม่สะดวกบอกก็ไม่ต้องบอกหรอกนะ ข้าต้องขอโทษด้วยที่ละลาบละล้วง” อยากตบปากตัวเองยิ่งนัก ที่ไปถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคนอื่นแบบนี้
“มันไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้หรอก เพียงแต่ไม่รู้จะเริ่มต้นบอกอย่างไร ข้ากับท่านแม่อยู่กัน 2 คนแม่ลูก ท่านพ่อข้าเสียตั้งแต่ข้าอายุได้ 5 หนาว ท่านแม่ก็เลี้ยงข้ามาเพียงลำพัง ทำงานอยู่ในร้านขายผ้า เมื่อไม่กี่เดือนก่อนท่านแม่โดนกล่าวหาว่าขโมยเงินของร้านจนถูกไล่ออก”
“ร้านเขาไล่ออกกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ ไม่สืบก่อนหรือว่าจริงหรือไม่จริง”
“เพราะท่านแม่ข้าร่างกายอ่อนแอ พวกเขาก็คงคิดว่าทำงานได้ไม่คุ้มค่าจ้างจึงไล่ท่านแม่ข้าออก ส่วนข้าก็ทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมือง แต่เมื่อท่านแม่ไม่สบายก็ต้องออกมาช่วยดูแลท่าน” เป็นคนที่กตัญญูจริงๆ หนิงลู่ซือคิด
“ไม่เป็นไร เอาแบบนี้ไว้ข้ามีงานข้าจะจ้างเจ้ามาช่วยข้า ดีหรือไม่” หนิงลู่ซือมีความคิดที่จะเปิดกิจการเป็นของตนเอง ถึงตอนนั้นนางต้องมีผู้ช่วยที่จะมาช่วยแบ่งเบาภาระของนาง
“ขอบใจเจ้ามากนะ” เจียวมิ่งหันมายิ้มตอบให้กับหนิงลู่ซือ
“อืม และถ้าเจ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบใจเจ้ามาก” เมื่อไม่มีอะไรจะคุยกันอีก ทั้งสองก็ก้มหน้าก้มตาล้างผัก จนเมื่อล้างเสร็จก็เอาไปให้พวกท่านป้าได้จัดการต่อ
ตกเย็นของวัน ช่างที่มาทำบ้านได้กลับกันหมดแล้ว ตอนนี้ในบริเวณลานบ้านของหนิงลู่ซือจึงเหลือเพียงแค่ชาวบ้านที่มาทำงานแผ้วถางเท่านั้น พวกเขากำลังยืนรอรับค่าแรง
“ตอนนี้งานแผ้วถางที่ดินของข้าก็ได้เสร็จลงแล้ว วันนี้ข้าจะจ่ายค่าแรงของทุกคน คนที่ข้าเรียกชื่อให้เดินออกมารับค่าแรงที่ข้านะเจ้าคะ สำหรับค่าแรงข้าจะให้ครอบครัวละ 1 ตำลึงเจ้าค่ะ” ชาวบ้านต่างตกตะลึงกับค่าแรงที่หนิงลู่ซือให้จนพูดไม่ออกแล้ว อะไรคือให้ครอบครัวละ 1 ตำลึง พวกเขาทำงานทั้งเดือนก็ยังไม่เคยได้เงินมากมายเช่นนี้มาก่อน
“ทำไมถึงมากมายเช่นนี้” เว่ยสงกล่าวถาม เป็นคำถามที่ชาวบ้านหลายคนก็อยากถามเช่นกัน
“ที่ข้าให้ครอบครัวละ 1 ตำลึง ข้าเต็มใจให้เจ้่ค่ะ พวกท่านจะได้มีเงินซื้อเนื้อกินกันในครอบครัว ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ใส่ หรือซื้อขนม ของกินอร่อยๆ ให้บุตรหลานของพวกท่าน ส่วนใครที่ทำงานในครัวในช่วงที่ผ่านมาข้าให้คนละ 500 อีแปะเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือเห็นทุกคนแสดงออกถึงความดีใจนางก็พอใจแล้ว “ข้ายังมีงานจ้างอีกนะเจ้าคะ ข้าจะแบ่งคนออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกข้าจะให้ปลูกผัก ซึ่งข้าได้ซื้อเมล็ดมาเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ตรงส่วนนี้ขอเป็นทั้งบุรุษและสตรี ส่วนที่ 2 ข้าจะให้ขุดบ่อเลี้ยงปลา ส่วนนี้ข้าขอเป็นบุรุษทั้งหมดนะเจ้าคะ เรื่องรายละเอียดข้าจะให้ท่านลุงเว่ยเป็นคนแจ้งพวกท่านอีกครั้งเจ้าค่ะ”
หนิงลู่ซือได้มีการพูดคุยกับท่านลุงแล้วว่าอยากให้ท่านลุงคุมคนที่มาทำงานเช่นเดิม ซึ่งท่านลุงก็เต็มใจช่วยหรือบางครั้งถ้าท่านลุงไม่ว่างก็จะเป็นบุตรชายทั้งสองของท่านลุงมาช่วยดูแลแทน
“ที่สำคัญข้าไม่อยากให้กระทบงานในครอบครัวของพวกท่าน พวกท่านจะแบ่งคนมาทำ หรือจะไม่มาก็ได้ข้าไม่บังคับเจ้าค่ะ”
ชาวบ้านหลายคนที่ไม่มีที่นาเป็นของตนเองย่อมสนใจงานนี้และตั้งใจว่าจะต้องมาทำให้ได้ เมื่อแจ้งเรื่องรายละเอียดต่างๆ เ สร็จแล้ว ก็ถึงช่วงที่ทุกคนรอคอยนั่นคือการจ่ายค่าแรง ชาวบ้านหลายคนหรือเกือบทุกคนที่ได้รับเงินต่างก็กอดเงินนั้นอย่างหวงแหน กลัวใครจะมาแย่งไป เงินจำนวนนี้จะช่วยทำให้พวกเขากินอิ่มได้หลายวันเลยทีเดียว หลายคนตั้งใจว่าในวันพรุ่งจะเข้าเมืองไปซื้อผ้ามาตัดชุดใหม่แทนชุดที่มีแต่รอยปะชุน หรือบางชุดก็ซีดจนไม่เห็นสีเดิมแล้ว
และในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านจากหมู่บ้านซานก็จับกลุ่มกันเข้าเมืองกันอย่างคึกคัก แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่จะได้เข้าไปเที่ยวในเมือง ใครที่ลงชื่อทำงานกับหนิงลู่ซือ พวกเขามีเวลาพักผ่อนถึง 5 วันก่อนจะเริ่มงาน ถึงตอนนั้นพวกเขาสัญญาว่าจะทำงานให้เต็มที่ที่สุด!
ผ่านมาแล้ว 3 วันงานสร้างบ้านก็ยังเป็นไปได้ด้วยดี นางได้ไหว้วานให้พี่เว่ยหมิงมาช่วยดูความเรียบร้อย ในส่วนของบ้านคืบหน้าไปเกือบ 3 ส่วนแล้ว ส่วนโรงเพาะนั้นเสร็จแล้วทั้ง 10โรง เล้าไก่เสร็จเรียบร้อยแล้ว และนางได้ไปซื้อไก่จากในเมืองมาเพิ่มอีก 100 ตัว และคอกของเจ้าตัวป่วนก็เสร็จแล้วเช่นกัน ในตอนแรกที่คนงานสร้างบ้านรู้ว่าเป็นคอกของลูกเสือและเห็นลูกเสือมาวิ่งเล่นต่างก็ตกใจ แต่ตอนนี้ต่างก็ชินเสียแล้วที่มีลูกเสือมาวิ่งเล่น
หนิงลู่ซือไม่รอช้ารีบชวนน้องสาวเข้าโรงเพาะทำการเพาะปลูกสมุนไพรทันที โดยโรงเพาะ 1 กับ 2 นางทำการขยายพันธุ์โสมคน โรงเพาะ 3 กับ 4 จะเป็นเห็ดหลินจือ และโรงเพาะที่เหลือจะเป็นสมุนไพรที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งโรงเพาะสมุนไพรนี้นางจะเป็นคนดูแลเองทั้งหมด
“อาอินเหนื่อยหรือไม่”
“ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ ข้าชอบ”
“ถ้าเจ้าอยากออกไปเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน พี่ใหญ่ก็ไม่ห้ามนะ”
“เมื่อวานข้าก็เพิ่งไปเล่นมา วันนี้ข้าจะช่วยพี่ใหญ่ทำงานเจ้าค่ะ” บางวันหนิงลี่อินก็จะมาขอนางไปเล่นกับเด็กๆ ในหมู่บ้าน หรือบางวันเด็กๆ ในหมู่บ้านก็จะมาหาหนิงลี่อินที่บ้าน
“พี่ใหญ่ตามใจเจ้า”
“พี่ใหญ่เจ้าคะ พวกเราจะขึ้นเขาอีกหรือไม่เจ้าคะ” ช่วงนี้นางรู้ว่าพี่ใหญ่ใช้เงินไปเยอะพอสมควร นางจะต้องชวนพี่ใหญ่ขึ้นเขาไปหาเงิน
“คงต้องรอให้บ้านเสร็จเรียบร้อยก่อน เราจึงจะขึ้นเขาอีกครั้ง” นางก็อยากขึ้นเขาเช่นกันแต่ติดตรงที่ไม่ว่างเลย
“เจ้าค่ะ” หนิงลี่อินรับคำอย่างเชื่อฟัง
“ท่านลุงฮุ่ยเจ้าคะ” หนิงลู่ซือเดินมาหาฮุ่ยเหอที่กำลังคุมคนงานก่อสร้าง
“ว่าอย่างไร” ฮุ่ยเหอถามกลับ
“ข้าอยากให้สร้างโรงแบบนี้ให้ข้าสัก 2 หลังเจ้าค่ะ ท่านสามารถคิดราคาเพิ่มได้เลยนะเจ้าคะ” นางยื่นแบบภาพวาดให้ หลังแรกนางจะทำเป็นโรงเพาะถั่วงอก หลังที่สองนางยังคิดไม่ออกว่าจะใช้ทำอะไรแต่สร้างไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย
“ได้ๆ ข้าจะจัดการให้ แต่ข้าไม่คิดเงินเพิ่มหรอก” จะให้เขาคิดเงินนางได้เช่นไร ตอนนี้แบบที่นางวาด เมื่อเขานำไปเสนอให้ลูกค้า ก็มีลูกค้าหลายคนสนใจและสั่งทำ ต้องบอกว่าตอนนี้งานที่ร้านเขายาวไปอีก 4-5 เดือน และส่วนแบ่งที่นางจะได้ก็ไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งสองตกลงกันว่าจะจ่ายส่วนแบ่งทุกสิ้นเดือน จนกว่าจะถึงตอนนั้นคาดว่านางคงได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ตำลึงแล้ว
“ข้าขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” ในเมื่อีกฝ่ายไปคิดเงิน นางก็ไม่อยากดื้อรั้น
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นเดือน บ้าน สวนผัก บ่อเลี้ยงปลา สวนสมุนไพร ก็เสร็จหมดทุกอย่างแล้ว หนิงลู่ซือจ้างชาวบ้าน บ้านละ 1 คน จะเป็นชายหรือหญิงนางก็รับทั้งหมด รวมๆ แล้วมีชาวบ้านที่ทำงานในแปลงผัก 30 คน แบ่งเป็นบุรุษ 20 คนนางให้มีหน้าที่รดน้ำที่แปลงผัก ให้อาหารปลา ในทุกวัน และมีหน้าที่อื่นๆ ที่นางสามารถเรียกใช้ได้ตลอด ส่วนสตรีมี 10 คนรวมเจียวมิ่งด้วย นางให้ทำหน้าที่เพาะถั่วงอกในโรงเพาะถั่วงอก ถ้าเสร็จงานในส่วนของถั่วงอกไวก็จะออกไปช่วยงานในแปลงผัก ค่าจ้างนางจะให้เดือนละ 1 ตำลึง ซึ่งถือว่ามากกว่าค่าจ้างในเมืองที่ทำทั้งเดือนเสียอีก
หนิงลู่ซือยังนำถั่วงอกไปขายเช่นเดิม แต่ด้วยความเกรงใจท่านลุงเจาเจ๋อ นางจึงไปเช่าแผงในตลาดขาย คนที่ไปขายก็คือพวกผู้หญิงที่ทำงานในโรงเพาะถั่วงอก หรือบางวันนางก็ไปด้วย มีทั้งถั่วงอก ซานจา ผิงกั่ว ถังหูลู่ และปลา แล้วแต่ว่าวันนั้นจะมีของอะไรไปขายบ้าง ตอนนี้นางกำลังคิดที่จะซื้อร้านในเมืองสักหลังไว้ขายของด้วย
การค้าของนางกำลังไปได้ดี เพราะตอนนี้ถั่วงอกของนางได้มีการทำสัญญาซื้อขายกับเหลาอาหารเซียงเซียง โดยจะส่งให้ทุกๆ 4 วัน จำนวน 200 ชั่ง ทางเหลาจะมารับเองที่บ้าน และนางยังได้บอกกับหลงจู้อีกว่าในอนาคตนางจะปลูกผักและยังมีปลาส่งขายอีกด้วย ทางเหลาอาหารจึงบอกว่าถึงตอนนั้นเขาจะต้องทำสัญญากับนางแน่นอน
หลงจู้คนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นคือท่านเจียวเฉิน คนที่เคยมีปากเสียงกับนางนั่นเอง
ส่วนสัญญากับท่านฮุ่ยเหอก็เป็นไปด้วยดีเช่นกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะนำเงินส่วนแบ่งมาให้นาง แค่ส่วนแบ่งครั้งแรกนางก็ตกใจแล้ว เพราะมันมากถึง 1,500 ตำลึง และท่านลุงยังบอกอีกว่างานของที่ร้านยาวไปอีกหลายเดือน
“พี่ใหญ่ปั้นแบบนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ” หนิงลี่อินกำลังปั้นแป้งเป็นลูกกลมๆ ตามที่พี่ใหญ่บอก บางก้อนสีขาว บางก่อนมีม่วง
หนิงลู่ซือที่กำลังตั้งหม้อบนเตาหันมามอง “ใช่แล้ว ปั้นลูกประมาณนี้ อย่าปั้นใหญ่เกินไป เพราะเมื่อแป้งสุกเดี๋ยวมันจะขยายออกอีก” อธิบายเสร็จก็หันไปทำงานตรงหน้าต่อ
มาอยู่ที่นี่เป็นเดือนแล้วนางจึงคิดถึงอาหารไทยยิ่งนัก โดยเฉพาะขนมไทยที่นางจะชอบมากเป็นพิเศษ ชาติก่อนถ้ามีเวลาว่างนางก็จะไปเรียนทำขนมไทยและมาทำให้ทุกคนที่บ้านได้กิน แต่จนใจที่ชาตินี้ไม่มีเวลาว่างเลย วันนี้เมื่อมีเวลาว่างนางจึงชวนน้องสาวขึ้นเขา ก็บังเอิญได้เจอกับต้นมะพร้าวมีหลายสิบต้นลูกดกทุกต้น หนิงลู่ซือจึงเก็บมาเสียหลายลูก และสิ่งแรกที่จะทำวันนี้คือ ‘บัวลอยไข่หวาน’
หนิงลี่อินรับหน้าที่ปั้นแป้ง สีของแป้งมีแค่ 2 สีคือสีขาวที่เป็นสีเดิมของแป้ง และสีม่วงที่ได้จากดอกอัญชัน ที่นางไปเก็บมาจากข้างบ้าน
ส่วนหนิงลู่ซือกำลังทำน้ำเชื่อมเพื่อที่จะใช้ต้มไข่หวานจนได้จำนวนไข่ตามที่ต้องการ จากนั้นนางก็ทำขั้นตอนต่อไปโดยการนำกะทิขึ้นตั้งเตาโดยใช้ไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และเกลือ คนให้เข้ากันเมื่อเดือดแล้วก็ตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ขั้นตอนสุดท้ายคือการนำแป้งที่น้องสาวปั้นมาต้มในน้ำเดือดจนลอยขึ้นมา หนิงลี่อินมายืนดูขนมที่พี่สาวของตนเรียกมันว่า บัวลอยไข่หวาน ด้วยความสนใจ
“ว้าว พี่ใหญ่ดูสิเจ้าคะ มันน่ากินมาก” หนิงลู่ซืออมยิ้มกับคำพูดน้องสาว ดูเอาเถิดเวลาแค่ไม่นานน้องสาวของนางจากเด็กผู้หญิงผอมบาง กลายเป็นเด็กผู้หญิงที่เริ่มอวบอ้วนแล้ว
ไม่ต่างจากเจ้าตัวป่วน 2 ตัวที่นับวันยิ่งตัวใหญ่ขึ้น กินเยอะขึ้นทุกวัน หนิงลู่ซือได้มอบหมายหน้าที่ให้เจ้าตัวป่วนเรียบร้อยแล้ว คือให้เฝ้าสวนสมุนไพรและสวนผักห้ามให้ใครมาขโมยไปได้ พวกมันก็ทำหน้าที่ได้ดียิ่งเพื่อแลกกับอาหาร
“อีกไม่นานก็จะได้กินแล้ว เจ้าไปเตรียมกล่องให้พี่ใหญ่หน่อย พี่ใหญ่จะตักแบ่งไปให้บ้านท่านป้า และบ้านท่านผู้นำ”
“เจ้าค่ะ” เด็กน้อยรีบวิ่งไปหยิบกล่องมา 2 ใบ ตามคำสั่งพี่สาวตน
ไม่นานบัวลอยไข่หวานก็เสร็จพร้อมกินแล้ว หนิงลู่ซือจัดการตักใส่กล่องนำไปให้บ้านหลินจูและบ้านท่านผู้นำ
“ท่านผู้นำเจ้าคะ” หนิงลู่ซือเรียกไฉเฉินที่เดินออกมาจากในบ้านพอดี
“เอ้า อาซือ อาอิน เข้ามาก่อน” ไฉเฉินที่เห็นว่าใครมาก็เดินไปเปิดประตูให้เข้ามาในบ้าน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านผู้นำ ข้านำขนมมาฝากเจ้าค่ะ ขนมนี้เรียกว่าขนมบัวลอยไข่หวานเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือยื่นกล่องที่ใส่ขนมให้ไฉเฉิน
“ไอหยา ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่เป็นอันไรเจ้าค่ะ ที่ข้ามาวันนี้อยากจะมาพูดเรื่องซื้อที่เพิ่มเจ้าค่ะ” เมื่อเช้าตอนที่นางขึ้นเขาแล้วได้มะพร้าวมาทำขนมนั้น นอกจากมะพร้าวแล้วยังมีมันเทศและกล้วยอีกด้วย นางจึงอยากจะซื้อที่เพิ่มเพื่อปลูกพืชทั้ง 3 ชนิดนี้
“ได้สิ เดี๋ยวข้าไปเอาแผนที่มาให้เจ้าดู” ไม่นานไฉเฉินก็ออกมาพร้อมกับกระดาษแผนที่ในมือ
“ข้าอยากได้ที่ดินที่ต่อจากบ่อปลาข้า 30 หมู่เจ้าคะ”
“ได้ๆ ที่ดินหมู่ละ 7 ตำลึง 30 หมู่ ก็ 210 ตำลึง ค่าดำเนินการ 15 ตำลึง ไม่เกิน 3 วันข้าจะเอาโฉนดไปให้เจ้า”
“ขอบคุณท่านผู้นำมากนะเจ้าคะ งั้นข้าขอให้คนงานเข้าไปแผ้วถางที่ดินก่อนได้หรือไหมเจ้าคะ” หนิงลู่ซือกล่างถาม
“ได้สิ” เสร็จธุระแล้วทั้งสองก็ขอตัวกลับบ้าน