ตอนที่ 11-2

1511 Words
“สวัสดีเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือเห็นบุรุษยืนอยู่หน้าร้านจึงเข้าไปทักทาย “แม่นางมีธุระอันใดหรือไม่ขอรับ” “ข้าจะมาว่าจ้างไปให้สร้างบ้านเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าข้าสามารถพูดคุยกับใครได้บ้างเจ้าคะ” “ท่านสามารถคุยกับนายท่านได้เลยขอรับ เชิญแม่นางทางนี้ขอรับ” หนิงลู่ซือเดินตามไปยังโต๊ะด้านในร้าน หลังโต๊ะมีชายอายุน่าจะใกล้ 50 ปีนั่งอยู่ “คารวะเถ้าแก่เจ้าค่ะ” “ข้าฮุ่ยเหอเป็นเจ้าของร้านนี้ขอรับ” ฮุ่ยเหอ เจ้าของร้านรับเหมาก่อสร้างกล่าวทักทายแม่นางน้อย ด้านข้างมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักในชุดสีม่วงยืนอยู่ด้วย “ข้าหนิงลู่ซือ นี่น้องสาวข้าหนิงลี่อินเจ้าค่ะ ข้าต้องการจะสร้างบ้ากติแล้วบ้านหลังหนึ่งท่านคิดราคาเท่าใดเจ้าคะ” “บ้านแต่ละหลังราคาจะไม่เท่ากันขอรับ ชึ้นอยู่กับขนาด วัสดุ และความซับซ้อนของการสร้างขอรับ ไม่ทราบแม่นางหนิงอยากได้บ้านแบบใดขอรับ” “ข้าขอกระดาษกับหมึกได้หรือไม่เจ้าคะ เดี๋ยวข้าจะวาดให้ท่านดู” หนิงลู่ซือขอ ฮุ่ยเหอก็ยื่นของที่นางต้องการให้ เมื่อได้ของมาแล้ว หนิงลู่ซือก็ลงมือวาดแบบบ้าน และโรงเพาะที่จะใช้ในการเพาะปลูกสมุนไพร ความตั้งใจแรกนางอยากสร้างบ้านหลังใหญ่แต่เมื่อคิดดูแล้ว บ้านหลังใหญ่แต่ถ้าอยู่ 2 คนก็ออกจะดูเหงาๆ เกินไปหน่อย สุดท้ายนางก็วาดแบบบ้านที่เรียกกันว่าแนวมินิมอล มี 3 ห้องนอน 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว 1 ห้องอาบน้ำ 1 ห้องส้วม ที่แยกออกจากกัน ข้างบ้านทางฝั่งขวาหนิงลู่ซือวาดโรงเพาะจำนวน 10 โรง “นี่เจ้าค่ะ แบบบ้านและโรงเพาะที่ข้าต้องการ เถ้าแก่บอกราคาแก่ข้าได้เลยเจ้าค่ะ” ฮุ่ยเหอรับแบบบ้านและโรงเพาะมาดู สวยงามมาก! เขาไม่เคยเห็นบ้านแบบนี้มาก่อนเลย เขาอยากซื้อแบบบ้านนี้เสียแล้ว “จริงสิ ไม่ทราบว่าที่ร้านของท่านรับทำพวกโต๊ะ เตียง ไหมเจ้าค่ะ” “รับๆ” ฮุ่ยเหอตอบโดยไม่เงยหน้ามองคนถามด้วยซ้ำ เขากำลังพิจารณาบ้านและโรงเพาะที่อยู่ในแผ่นกระดาษด้วยความสนใจ หนิงลู่ซือไม่ได้สนใจท่าทางนั้น นางหยิบพู่กันมาวาด โต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน ตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นให้ฮุ่ยเหออีกครั้ง “ข้าอยากได้ของพวกนี้ด้วยเจ้าคะ กองนี้ต้องการ 1 ชุด ส่วนกองนี้ต้องการอย่างละ 3 ชุดเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือยื่นกองกระดาษไปตรงหน้าฮุ่ยเหอ กองแรกจะเป็น โต๊ะ เก้าอี้ สำหรับกินข้าง และรับแขก รวมถึงชั้นวางของต่างๆ ทั้งในบ้านและในครัว กองที่สอง จะเป็น เตียง โต๊ะหัวเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ฮุ่ยเหอหยิบกระดาษทั้ง 2 กองมาดูบางอย่างเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปแต่กลับดูน่าสนใจกว่ามาก แต่สิ่งที่สะดุดตาเขา อย่างแรกคือโต๊ะกินข้าวทรงสี่เหลี่ยมที่มีเก้าอี้ทั้ง 4 ด้าน อย่างที่สองคือโต๊ะเครื่องแป้งที่มีลิ้นชักเปิดออกได้ อีกทั้งด้านข้างทั้ง 2 ด้านยังมีช่องเล็กๆ สำหรับตั้งสิ่งของได้อีกด้วย “ทำได้หรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถาม “ได้ๆ ข้าจะจัดการให้” ฮุ่ยเหอรีบตอบ “ท่านคำนวณราคาได้เลยนะเจ้าคะ” “บ้าน โรงเพาะ และเครื่องใช้ข้าคิดทั้งหมด 3,000 ตำลึง ราคานี้รวมทุกอย่างแล้ว ข้าขอมัดจำ 1,000 ตำลึง อีก 3 วันข้าจะเริ่มงาน” ถือว่าเป็นราคาที่พอรับได้เพราะนางต้องการให้เขาใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เมื่อวัสดุมีคุณภาพราคาก็ย่อมแพงขึ้นเป็นธรรมดา “ได้เจ้าค่ะ นี่เจ้าค่ะ 1,000 ตำลึง อ๋อ ข้าอยากให้ท่านสร้างเล้าไก่ และคอกเลี้ยงสัตว์ให้ข้าด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าวาดแบบให้” หนิงลู่ซือยื่นตั๋วแลกเงินให้กับฮุ่ยเหอ ก่อนจะลงมือวาดแบบเล้าไก่และคอกสำหรับเจ้าตัวป่วนยื่นไปฮุ่ยเหอด้วย “ขอบคุณขอรับ สำหรับเล้าไก่และคอกไก่ข้าไม่คิดเงินเพิ่มขอรับ” “ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” “เอ่อ แม่นางท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะขอซื้อแบบโต๊ะกินข้าว และโต๊ะเครื่องแป้งของท่าน” หนิงลู่ซือได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจไม่น้อย เพราะแบบที่นางวาดคือแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในยุคที่นางจากมา แต่กลับแปลกใหม่ในยุคนี้ “เอาแบบนี้ดีหรือไม่เจ้าคะเถ้าแก่ เปลี่ยนจากการขายขาดเป็นหุ้นส่วนกัน ข้าขอเงิน 2 ส่วนจากการขายโต๊ะกินข้าว และโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นระยะเวลา 10 ปีเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือเสนอทางเลือก การขายขาดมันก็ดีที่จะได้เงินเป็นก้อน แต่การเป็นหุ้นส่วนเช่นนี้ทำให้นางมีรายได้ในระยะยาว เมื่อลองคิดคำนวณดูแล้วแบบหลังย่อมได้เงินมากกว่าแบบแรก “ได้ๆ ถ้าอย่างนั้นข้าขอแบบเครื่องใช้ทั้งหมดของแม่นางหนิงนำเสนอลูกค้าเพื่อเป็นทางเลือก และทุกครั้งที่ขายได้ข้าจะให้ท่าน 2 ส่วน ส่วนบ้านข้าจะให้เ 4 ส่วน โรงเพาะข้าให้ 3 ส่วน เช่นนี้ดีหรือไม่” “ดีที่สุดเจ้าค่ะ เช่นนั้นเรารีบมาทำสัญญากันเถิดเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือรีบกล่าวก่อนที่ฮุ่ยเหอจะเปลี่ยนใจ ต่อไปนี้นางจะมีรายได้เพิ่มมาอีกทางแล้ว หนิงลู่ซือเดินออกจากร้านพร้อมสัญญาการเป็นหุ้นส่วนกันระหว่างนางกับฮุ่ยเหอเป็นระยะเวลา 10 ปี ขอให้แบบทุกอย่างบนแผ่นที่นางวาดวันนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าด้วยเถิด สาธุ “พี่ใหญ่ท่านยิ้มจนปากจะฉีกแล้วนะเจ้าคะ” หนิงลี่อินที่เดินอยู่ข้างๆ มองพี่สาวตนอย่างโง่งม “อาอินเรากำลังจะมีรายได้อีก 1 ทาง ถ้าแบบที่พี่ใหญ่วาดวันนี้ขายได้เราก็จะได้ส่วนแบ่งจากกำไรโดยที่เราไม่ต้องทำอันใดเลย” “จริงหรือเจ้าคะ” “จริงสิ พี่ใหญ่ว่าวันนี้เราไปซื้อของเพื่อฉลองกับการค้าครั้งนี้กันดีกว่า” แน่นอนว่าเจ้าต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าที่อยู่ในตะกร้าบนรถเข็นย่อมได้เนื้อแบบจัดเต็มชุดใหญ่ตามที่หนิงลู่ซือได้พูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ด้วย “ไอหยา อาซือเจ้าซื้ออะไรมาเยอะแยะจนเต็มรถเข็นเช่นนี้” หลินจูกำลังช่วยแจกจ่ายข้าวมื้อเที่ยงให้กับคนงานอยู่หันมามอง แปะ แปะ “ทุกท่านเจ้าคะ” หนิงลู่ซือปรบมือให้ทุกคนหันมาที่ตน “วันนี้ช่วงเย็นข้าจะเลี้ยงอาหารทุกท่านอีก 1 มื้อ พวกท่านสามารถมาตักกลับไปกินที่บ้านได้เลยเจ้าค่ะ” “อาซือเจ้าเลี้ยงเนื่องในโอกาสอะไร” หลินจูถามขึ้นซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสงสัยและอยากรู้เช่นกัน “เนื่องในโอกาสที่วันนี้ข้าได้ทำการค้าใหญ่เจ้าค่ะ” “แค่เจ้าเลี้ยงมื้อเที่ยงพวกเราก็ดีมากแล้ว ไม่ต้องเลี้ยงอะไรอีกก็ได้” ท่านลุงคนหนึ่งที่กำลังเข้าแถวเพื่อรับข้าวเที่ยงพูดขึ้น แค่มีข้าวเที่ยงเลี้ยงแค่นี้ก็ดีมากแล้วจริงๆ “ใช่ๆ เจ้าทั้งจ้างพวกข้า ทั้งมีข้าวให้ 1 มื้อแค่นี้ก็ดีมากแล้ว” “ข้าตั้งใจเลี้ยงฉลองจริงๆ เจ้าค่ะ ขอพวกท่านจงรับน้ำใจจากข้า” เมื่อหนิงลู่ซือพูดเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขัดนางอีก “เดี๋ยวข้าขอสตรีมาช่วยกันทำมื้อเย็นด้วยนะเจ้าคะ” หนิงลู่ซือไม่อยู่ฟังคำพูดของผู้ใดทั้งนั้น นางเดินเข้าครัวไปจัดการข้าวของที่ซื้อมาแบ่งให้ทุกคนช่วยกันทำ ส่วนนางไปจัดการถังหูลู่ ตกเย็นคนในหมู่บ้านซานต่างก็มารวมตัวอยู่ที่ลานบ้านของสองพี่น้องตระกูลหนิง ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ต่างก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย บางครอบครัวก็ขอตักไปกินที่บ้าน บางครอบครัวก็กินกันที่บ้านหนิง เด็กๆ ยังถือถังหูลู่คนละไม้ สองไม้ วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน หนิงลี่อินที่ปกติจะมีแค่พี่ใหญ่ ตอนนี้มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอยู่หลายคน นางก็ไปวิ่งเล่นกับพวกเขาด้วยความสนุกสนาน หนิงลู่ซือนั่งมองคนในหมู่บ้านด้วยรอยยิ้ม นางไม่เสียดายเงินที่เสียไปเลยสักนิด นางอยากให้ทุกคนในหมู่บ้านได้กินอาหารดีๆ เด็กๆ ได้กินขนมอร่อยๆ มันอาจจะฟังดูเพ้อฝันที่จะทำให้ทุกคนในหมู่บ้านอยู่ดีกินดี แต่นางจะพยายาม!!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD