หลังจากได้งานพิเศษทำทั้งสองคนพี่น้อง ในลักษณะรับเป็นโปรเจ็กต์มาทำที่บ้าน ส่งงานตามระยะเวลาที่กำหนด
วิชัยจึงลงทุนจัดโซนบ้านใหม่ด้วยการเพิ่มสัดส่วนห้องทำงานที่โถงชั้นล่างแบบโล่งโปร่งสะดวกสบายให้พี่น้องชายหญิง ทั้งยังเพิ่มจำนวนมุมทำงาน เสริมบรรยากาศ เติมเครื่องอำนวยความสะดวกในการทำงานต่าง ๆ นานา ชนิดที่ไม่ต้องเรียกหาให้เสียเวลา ถึงขนาดสร้างมุมทำงานที่ส่วนหย่อมริมสระว่ายน้ำอีกด้วย
“สีเขียวของต้นไม้ สีฟ้าของสระว่ายน้ำ และอากาศที่ถ่ายเทได้ดีตลอดทั้งวันจะเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน”
วิชัยกล่าวยิ้ม ๆ กับนิรัชและณภัทร โดยมีลินดาพยักหน้าเห็นด้วยทุกอย่างอยู่ข้างๆ
ภายในใจบิดามารดาของหนุ่มสาวทั้งสอง เหตุผลเหล่านี้เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีที่สุดในการทำงานสำหรับลูกๆ เพื่อผลงานที่ทำออกมาจะได้เปี่ยมคุณภาพ ไม่เปิดโอกาสให้ผู้ว่าจ้างตำหนิเอาได้
ผู้ใหญ่ทั้งสองของบ้านกำลังคิดการณ์รอบคอบอย่างที่สุด เพื่อรักษาสถาบันครอบครัวให้ดีตลอดไป
วิชัยกับลินดาส่งยิ้มละไมให้นิรัชและณภัทร แล้วพากันเดินไปนั่งเล่นในห้องพักผ่อนอย่างสบายอกสบายใจที่ลูก ๆ อยู่ติดบ้านช่วงวันหยุด ไม่คิดไปเที่ยวเตร็ดเตร่ไกลหูไกลตาเหมือนลูกบ้านอื่น
สภาพแวดล้อมห้องทำงานทั้งหมดทำใบหน้าของณภัทรบานออกไปถึงไหนต่อไหน เธอฉีกยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว
สองตากลมโตใสแจ๋วยังกวาดมองไปทั่วทิศอย่างดีอกดีใจจนแทบจะบินได้ ทุกมุมแสนจะถูกใจให้นั่งทำงาน นั่งอ่านนิยาย อ่านหนังสือเรียน เยี่ยมที่สุด
ชั่วขณะนั้นหญิงสาวยังคิดพลอตนิยายได้หลายเรื่องอีกด้วย ต้องเริ่มเขียนเลยประเดี๋ยวจะลืม มีโซนทำงานดีเลิศขนาดนี้ซะอย่าง อย่าให้เสียของเป็นอันขาด
เมื่อคิดได้ก็รีบหอบคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเดินลิ่วไปจับจองมุมทำงานตรงสวนหย่อมริมสระว่ายน้ำ พิมพ์ไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
ระหว่างรอโปรเจ็กต์งานแปลภาษาจากผู้จัดการโหดคนนั้น เธอคงแต่งนิยายพลอตสนุก ๆ ได้หลายหน้ากระดาษเอสี่เชียวล่ะ
ณภัทรหัวเราะคิกคักคนเดียวจนแทบจะกลายเป็นบ้า
ในขณะที่ณภัทรกำลังมีความสุขอยู่คนเดียว กลับมีอีกคนที่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
เขาคือนิรัช
ชายหนุ่มนั่งมองห้องทำงานที่โล่งโปร่งไร้กำแพงกางกั้นอย่างไม่ชอบใจ ยิ่งเห็นน้องสาวเดินไปนั่งกลางสวนหย่อมก็แทบบ้า
อุตส่าห์ได้งานพิเศษทำร่วมกัน กลับหาโอกาสอยู่ตามลำพังสองต่อสองในห้องหับมิดชิดได้ยากเหมือนเดิม
งานแปลภาษาชิ้นหนึ่งถูกส่งมาวัดความสามารถแรกเริ่มของสองพี่น้องถึงสามเล่มหนาในบ่ายของวันต่อมา เป็นนวนิยายต่างประเทศจำนวนสามเล่มจบ
เพราะณภัทรติดเรียนช่วงบ่ายส่วนนิรัชมีเรียนแค่ช่วงเช้า คนที่ต้องขับรถไปรับงานย่อมต้องเป็นนิรัช ก่อนจะเวียนรถกลับมารับณภัทรที่มหาวิทยาลัยหลังเลิกเรียน
เมื่อณภัทรได้เห็นงานในมือของนิรัชก็ไม่รอช้า เธอรีบรับมันมากอดไว้แนบอกเอียงคอเงยหน้ามองนิรัชตาแป๋ว
คนถูกมองด้วยสองตากลมใส รู้ความนัยที่สื่อออกมาชัดว่า ‘น้องอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้ พี่เข้าใจไหม?’
เขาจึงรีบจับอีกฝ่ายยัดใส่รถหรูแล้วหมุนพวงมาลัยขับออกไปทันที แผนการที่คิดเอาไว้ว่าจะพาคนไปเดินเล่นหาอะไรกินสองต่อสองก็ต้องหยุดลง
เมื่อกลับถึงบ้าน ณภัทรก็ไม่สนใจอะไรแล้ว เธอรีบหมกมุ่นกับนวนิยายโดยไม่เงยหน้า นั่งอ่านไปแปลไปอย่างมีความสุขสุดๆ
คนถูกลืมอย่างนิรัชจึงทำได้แค่นั่งมองอยู่ห่างๆ อย่างเงียบๆ แต่หงุดหงิดหนักมาก
ชายหนุ่มยังคงจำได้ดีเมื่อครั้งแรกที่ได้เจอกับณภัทร
วันนั้นเธอก็เอาแต่นั่งอ่านนิยายแล้วยังแอบหัวเราะคิกคักมีความสุขอยู่คนเดียวแบบนี้เช่นกัน ทั้งๆ ที่วันนั้นเธอควรจะทำให้เขาพึงพอใจเพื่อที่ว่าแม่ของเธอจะได้คบกับพ่อของเขาได้อย่างราบรื่น
และเพราะเหตุนี้ วันนั้นการนัดเดทของพ่อกับว่าที่แม่เลี้ยงจึงล้มเหลวจนเกือบจะต้องยุติความสัมพันธ์ลง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะพ่อจะทำอะไรหรือคบกับใครมักจะมองสีหน้าของเขาเสมอ ทุกครั้งที่พ่อคบกับผู้หญิงคนไหนจะต้องถามความเห็นของเขาก่อน
ตั้งแต่เขาจำความได้ก็เสียแม่ไปตลอดกาล พ่อจึงเป็นทุกสิ่งสำหรับเขา ดูแลและตามใจ ชี้นกเป็นนกชี้ฟ้าเป็นฟ้าตลอดเวลา
แม้แต่เรื่องผู้หญิงที่พ่อพาเข้าบ้าน ยังต้องถามความเห็นของเขาเป็นหลัก
ที่ผ่านมาตั้งแต่เขาเป็นเด็กตัวเล็กอายุไม่กี่ขวบ พ่อของเขามักจะพาว่าที่แม่เลี้ยงมาให้ดูตัวก่อนเสมอเพื่อที่ว่ายามตกลงปลงใจจะได้ไม่มีปัญหาครอบครัวภายหลัง
และทุกครั้งเขาจะทำตัวเย่อหยิ่งเอาแต่ใจ ไล่พวกเธอออกไปอย่างไม่ไว้หน้า
แต่เมื่อโตขึ้น กระทั่งเป็นหนุ่มน้อยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เขาถึงได้เริ่มเข้าใจความต้องการโดยธรรมชาติของผู้ชาย
แน่นอนว่าเขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นพ่อโดดเดี่ยวเดียวดาย ต้องไปซื้อกินข้างนอก เสี่ยงติดโรคร้าย
สุดท้ายเขาจึงยอมให้พ่อมีความรักครั้งใหม่อย่างเต็มใจ และไม่นานพ่อก็พาว่าที่แม่เลี้ยงที่ชื่อลินดาเข้าบ้านมาให้เขาดูตัว
เขานึกว่าคราวนี้คงเหมือนผู้หญิงทุกคน คือสวย โฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวและมีท่าทางไฮโซ พร้อมเป็นคุณนายของเสี่ยใหญ่วิชัย
ทว่าลินดากลับมีรูปลักษณ์เรียบง่าย ท่าทางเรียบร้อย แต่งตัวสมถะ และที่สำคัญเธอมีลูกติดมาด้วยหนึ่งคน
ซึ่งถือว่าแปลกมาก เพราะผู้หญิงของพ่อแต่ละคนโปรไฟล์ดีไม่มีรอยตำหนิ หรือต่อให้ใครมีลูกติดก็ไม่แน่ว่าเธอจะกล้าพามาด้วยในเดทแรกอย่างนี้
เด็กหญิงคนนั้นมีดวงตากลมโต ผมหน้าม้าถักเปียผูกโบขาว ท่าทางสุภาพเรียบร้อย แต่งชุดนักเรียนมัธยมต้นมากับแม่ของเธอ
หลังจากกล่าวทักทายสวัสดีตามมารยาทและแนะนำตัว เธอก็ได้แต่เบิกตาคู่งามมองเขา สองแก้มขาวมีสีแดงเรื่อแตะแต้มตลอดเวลา และเมื่อเธอยิ้มก็จะมีลักยิ้มน่ารักปรากฏขึ้นมา
สาวน้อยวัยแรกแย้มที่มาพร้อมกับดวงตากระจ่างใสคนนั้น ทำให้ใครบางคนต้องจ้องมองอย่างกับไม่เคยเห็นคน
คำว่ารักแรกพบคือเรื่องที่ไร้สาระ มันไม่เคยมีอยู่จริงในความคิดของเขา แต่กลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะพาใจของตนให้ตกบ่วงเตลิดอยู่ในภาวะจำยอมกับคำว่าอยากมี puppy love ในช่วงเรียนมัธยมกับใครสักคน
เขาเองก็ไม่เว้น...
ในขณะที่พ่อบอกเขาให้พาน้องไปเดินเล่นที่สวนหย่อมเพื่อที่พ่อจะได้คุยกับว่าที่แม่เลี้ยงที่ชื่อลินดาได้สะดวก
เขาพยักหน้ารับอย่างที่ไม่เคยทำแล้วพาเธอไปเดินเล่นตามคำสั่งของพ่อ
ทว่าเมื่อเขาและเธอได้นั่งลงที่โต๊ะหินอ่อนท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกในความคิดของเขาคนเดียว
เขามองเธอเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร คิดแค่ว่าควรเป็นเธอที่ต้องทำหน้าที่ชวนเขาคุย เพราะฝ่ายหนึ่งต้องสร้างความประทับใจ กับอีกฝ่ายเป็นผู้ประเมินผล คนที่ต้องชวนคุยควรเป็นฝ่ายแรกเสมอ
และเธอตรงหน้าคือฝ่ายนั้น
แต่เธอกลับล้วงมือเข้ากระเป๋าผ้า หยิบหนังสือนิยายขึ้นมา แล้วก็ก้มหน้าก้มตาอ่าน
อ่านแบบจมจ่อม จากนั้นยังหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
เขาคือคนที่เธอผลักให้อยู่บนโลกความจริงอันน่าเบื่อ ในขณะที่เธอกำลังโลดแล่นอยู่ในโลกแห่งจินตนาการอย่างสุขสันต์
เขาผู้ที่ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าละเลย มีแต่อยากเข้าใกล้
ยิ่งเขาโตเป็นหนุ่มขึ้นมัธยมปลาย พวกผู้หญิงทั้งหลายมีแต่อยากทำความรู้จัก อยากมีตัวตนในสายตาเขา
แต่ณภัทร...
เธอปล่อยเขาให้นั่งเบื้อใบ้เป็นสากกะเบือ!
วันนั้นเขาจึงบอกพ่อว่าไม่ชอบลินดา
และนั่นก็ทำให้ณภัทรที่ไม่สนใจเขาเท่าที่ควรเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง
เธอเดินขึ้นหน้าปกป้องแม่ตัวเองเต็มที่ ส่งเสียงเล็กหวานกังวานใสใส่หน้าเขาว่า “แม่ของภัทรเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในโลก ผู้ชายที่ไม่ชอบแม่ของภัทรต้องมีปัญหาชีวิตแน่ๆ”
เมื่อเขาได้เห็นใบหน้าจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตาเผยอาการแง่งอน พวงแก้มขาวผ่องเริ่มขึ้นสีแดงก่ำ น้ำตาปริ่มๆ อยู่ตรงขอบตากลมโต นัดเดทของพ่อที่ล้มเหลวในครั้งแรกจนเกือบจะต้องยุติความสัมพันธ์จึงได้รับการเยียวยาด้วยนัดเดทครั้งที่สองครั้งที่สามและครั้งต่อๆมา
ทว่าทุกครั้งนั้น เขากลับไม่เคยได้เจอณภัทรอีกเลย...
พ่อกับน้าลินดาคบหากันนานเป็นปีๆ ถึงตัดสินใจแต่งงาน
วันที่จัดงานฉลองมงคลสมรส เขาจึงได้เจอณภัทรอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้เจอกันแสนนานในความรู้สึก
เธอสวมชุดขาวสะอาดฟูฟ่องมีระบายสีชมพูพองๆ รอบตัวเหมือนตุ๊กตาเจ้าหญิงเดินได้
ณภัทรโตขึ้นมากและเป็นสาวมากแล้ว อะไรไม่มีก็เริ่มมี อะไรที่ยังเล็กตอนนั้นในตอนนี้เริ่มกลมโตเต็มที่ ตัวสูงเพรียวมากขึ้น รูปหน้าที่เคยกลมออกไปทางจิ้มลิ้มเปลี่ยนแปลงเยอะพอควร
เธอมีคางมนเรียวยาวขึ้นมาเล็กน้อย โครงหน้ารูปไข่ชัดเจนมากกว่าเดิม มีแก้มนิดๆ ปากเล็กจมูกหน่อย ใต้แพขนตายาวงอนมีนัยน์ตาสีดำขลับ ทรงเสน่ห์อย่างประหลาด
ณภัทรเผยเค้าความสวยของผู้หญิงที่โดดเด่นมาแต่ไกล
ดวงตากลมโตที่ดึงดูดคนได้คู่นั้นกับรอยยิ้มที่มีลักยิ้มน่ารักยังคงกระจ่างใสเหมือนดั่งวันวาน
เธอเดินตรงมาทักทายเขาพร้อมรอยยิ้มน่าเอ็นดูไร้พิษภัย เห็นได้ชัดว่าณภัทรคงหายโกรธเขาแล้ว
“สวัสดีค่ะ พี่รัช ไม่เจอกันนานเลย พี่รัชสบายดีนะคะ”
เพราะเธอโกรธเขานานเป็นปี ตั้งแต่พ่อของเขาคบกับแม่ของเธอกระทั่งแต่งงานกัน มันออกจะนานเกินไป เขาจึงไม่แม้แต่จะพยักหน้าตอบรับ เพียงมองเธอเงียบๆ
ดวงตาเผยความดุร้ายอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่รู้ตัว
แม้ภายนอกดูสงบนิ่งอย่างมาก ทว่าภายในใจจะมีใครรู้บ้างว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหนที่ได้เจอเธอ...