ตอนที่6 ทำงานร่วมกัน

900 Words
โซนทำงานเฉพาะกิจของบ้านปัญจรักษ์ของเสี่ยวิชัย ณภัทรนั่งอ่านแล้วแปลบทความก่อนเรียบเรียงประโยค เกลาสำนวนเสร็จก็ทวนอีกสามรอบ เธอทำตามสเต็ปนี้ทีละบท เพื่อส่งต่อให้นิรัชพิมพ์ด้วยความเร็วสูง จะโทษที่นิรัชพิมพ์เร็วเกินไปก็ไม่ได้ เพราะเขาพิมพ์เสร็จบทแรกแล้วแต่ณภัทรยังอ่านบทที่สองไม่จบด้วยซ้ำ ดังนั้น ห้องทำงานที่ควรมีภาพของพี่น้องทั้งสองคนร่วมแรงร่วมใจทำงานด้วยกันอย่างสามัคคีปรองดองจึงไม่เกิดขึ้น เพราะนิรัชพิมพ์เสร็จแค่บทแรกก็ทิ้งณภัทรเอาไว้คนเดียว ส่วนตัวเขาเดินหายไปทางโซนห้องฟิตเนสส่วนตัวซึ่งอยู่ทางหลังบ้าน แล้วไม่ออกมาอีกเลย กระทั่งวิชัยกับลินดาที่ลอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วงุนงง เพราะมาดขณะทำงานของนิรัชดูคล้ายท่านประธานบริษัทที่ไม่เคยมีพนักงานสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในสายตา ทั้งห่างเหินและเย็นชาขนาดนั้น ชั่วขณะหนึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ให้รู้สึกไม่ใคร่จะดีนักที่พี่น้องไม่ค่อยรักกันดั่งที่ควรจะเป็น “คุณคิดว่าพวกเขาควรปรองดองกันให้มากกว่านี้ดีกว่าไหม สายตาคมกริบของเจ้ารัชจะตัดคอยัยภัทรได้อยู่แล้ว” วิชัยเอ่ยขึ้นกับลินดาขณะนั่งจิบกาแฟดูทีวียามบ่าย แล้วแอบมองสองพี่น้องอยู่ตรงมุมพักผ่อนของโถงกลาง เขาเอ่ยอีก “ดูสิ! ยัยภัทรถูกทิ้งให้นั่งทำงานอยู่นอกระเบียงคนเดียวแล้วน่ะ” วิชัยยังคงบ่นไม่หยุด เขาผิดเองที่เลี้ยงลูกชายตามใจเกินไป ตั้งแต่อดีตภรรยาตายจากไปก่อนวัยอันควร เขาก็ทั้งรักและทุ่มเทให้นิรัชจนไม่ลืมหูลืมตา คิดแต่ว่าเด็กขาดแม่ไปคนหนึ่งแล้ว คนเป็นพ่อควรชดเชยเข้าไว้ พอรู้ตัวอีกทีเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เสียนิสัย “เมื่อไหร่นิสัยเอาแต่ใจตนเองของเจ้ารัชจะหมดไปเสียที การดูแลน้องสาวสักคนมันยากนักหรือไง?” วิชัยบ่นยาวเหยียดอย่างไม่ชอบใจ ลินดาวางแปลนร้านอาหารที่กำลังจะเปิดใหม่ร่วมกับสามี แล้วนั่งปอกผลไม้โดยไม่พูดอะไร เธอก็เป็นกังวลเหมือนกัน หากพี่น้องไม่รักใคร่กลมเกลียว คนที่ลำบากใจก็ไม่พ้นพ่อกับแม่ ขณะกำลังคิดไม่ตก สายเรียกเข้าจากเลขาส่วนตัวก็ดังขึ้น วิชัยกดรับก่อนเปิดสปีกเกอร์โฟน “ว่าไงคุณฝน” “วันนี้มีนัดเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานลูกสาวของคุณหญิงศจีที่โรงแรมคิงปาร์คบริดจ์เวลาหกโมงเย็นค่ะท่าน” “อืม...” หลังวางสายจึงหันมาบอกลินดา “ศจีเป็นเพื่อนสมัยเรียนของผม ลูกสาวของเธอแต่งงาน เดี๋ยวเราไปกันทั้งครอบครัวเลยนะ” ลินดาเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง “ใกล้เวลามากแล้ว เดี๋ยวดาไปบอกยัยภัทรกับตารัชให้เตรียมตัวเลยแล้วกันค่ะ” ทว่าเมื่อเดินไปหาลูกสาวกลับเห็นอีกฝ่ายกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานจนมีสีหน้าเคร่งเครียด “ยัยภัทรไปเตรียมตัวร่วมงานเลี้ยงกับแม่” ณภัทรขมวดคิ้วเผยสีหน้าไม่อยากไป “ภัทรไม่ค่อยชอบงานเลี้ยง แม่ก็รู้ ยิ่งถ้าหากเป็นงานของกลุ่มไฮโซภัทรยิ่งไม่ชอบเลย อีกอย่างภัทรจะรีบแปลงานนี้ด้วยค่ะ กลัวเสร็จไม่ทันกำหนดส่งงาน ให้พี่รัชไปคนเดียวแล้วกันค่ะ อืม...แต่ก็ดีเหมือนกันค่ะ แม่พาพี่รัชไปไกลๆ ทีเถอะ ขืนยังอยู่ ภัทรถูกพี่รัชกินหัวแหว่งหน้าเหวอะแน่” หญิงสาวพูดพลางทำท่าหวาดผวาขนลุกขนพองสั่นไปทั้งตัว ลินดาถึงกับถอนหายใจส่ายหน้า “ตามใจ...” ว่าพลางเดินไปทางนิรัชที่บังเอิญเดินกลับมานั่งที่ห้องทำงานพอดี “ค่ำนี้ผมมีนัดกับเพื่อนแล้วครับ ต้องขอโทษจริงๆ” ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยน้ำเสียงขออภัย ก่อนเอ่ยต่ออย่างหงุดหงิด “ใกล้เวลานัดแล้วด้วย แต่ยัยภัทรยังส่งงานให้ผมไม่ได้เลย สมควรพาไปลาออกจากงานแล้วครับ” ณภัทรได้ยินก็ถึงกับยกกำปั้นขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้ อยากจะชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายอย่างหยาบคายเสียจริง คนอะไรอารมณ์ร้ายสุด ๆ นิรัชตวัดตามองแวบหนึ่ง แค่แวบเดียวณภัทรก็รีบลดมือลงก้มหน้าทำงานต่อทันทีโดยไม่เงยขึ้นมาอีก ลินดาที่หันไปเห็นท่าทางซุกซนไม่สุภาพของณภัทรที่ปฏิบัติต่อพี่ชายเข้าพอดี เธอก็แทบจะกุมขมับ ลินดาเดินกลับมาหาสามี “ยัยภัทรยังทำงานไม่เสร็จค่ะ ขออยู่บ้าน ส่วนรัชมีนัดกับเพื่อนค่ะคุณ ไม่ไปเหมือนกัน” วิชัยลุกขึ้นเอื้อมแขนโอบไหล่ของภรรยาพลางเอ่ยยิ้มๆ “อืม...ไม่เป็นไร เราไปแค่สองคนก็ดี จะได้มีเวลาสวีทหวาน” “หืม...คุณนี่ พูดอะไร?” “อายอะไรล่ะคุณ เรารักกันให้ลูกๆ เห็นเป็นแบบอย่าง พวกเขาจะได้ไม่ทะเลาะกัน” เป็นอันตกลงว่า วิชัยต้องไปงานเลี้ยงกับลินดาแค่สองคน ส่วนนิรัชออกไปข้างนอกเจอเพื่อนๆ และณภัทรอยู่เฝ้าบ้าน เมื่อรถหรูของพ่อแม่แล่นออกจากประตูใหญ่ของบ้านไป นาทีทองพลันบังเกิด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD