โซนทำงานเฉพาะกิจของบ้านปัญจรักษ์ของเสี่ยวิชัย
ณภัทรนั่งอ่านแล้วแปลบทความก่อนเรียบเรียงประโยค เกลาสำนวนเสร็จก็ทวนอีกสามรอบ
เธอทำตามสเต็ปนี้ทีละบท เพื่อส่งต่อให้นิรัชพิมพ์ด้วยความเร็วสูง
จะโทษที่นิรัชพิมพ์เร็วเกินไปก็ไม่ได้ เพราะเขาพิมพ์เสร็จบทแรกแล้วแต่ณภัทรยังอ่านบทที่สองไม่จบด้วยซ้ำ
ดังนั้น ห้องทำงานที่ควรมีภาพของพี่น้องทั้งสองคนร่วมแรงร่วมใจทำงานด้วยกันอย่างสามัคคีปรองดองจึงไม่เกิดขึ้น
เพราะนิรัชพิมพ์เสร็จแค่บทแรกก็ทิ้งณภัทรเอาไว้คนเดียว ส่วนตัวเขาเดินหายไปทางโซนห้องฟิตเนสส่วนตัวซึ่งอยู่ทางหลังบ้าน แล้วไม่ออกมาอีกเลย
กระทั่งวิชัยกับลินดาที่ลอบมองอยู่ถึงกับขมวดคิ้วงุนงง
เพราะมาดขณะทำงานของนิรัชดูคล้ายท่านประธานบริษัทที่ไม่เคยมีพนักงานสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งอยู่ในสายตา
ทั้งห่างเหินและเย็นชาขนาดนั้น
ชั่วขณะหนึ่งผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็ให้รู้สึกไม่ใคร่จะดีนักที่พี่น้องไม่ค่อยรักกันดั่งที่ควรจะเป็น
“คุณคิดว่าพวกเขาควรปรองดองกันให้มากกว่านี้ดีกว่าไหม สายตาคมกริบของเจ้ารัชจะตัดคอยัยภัทรได้อยู่แล้ว”
วิชัยเอ่ยขึ้นกับลินดาขณะนั่งจิบกาแฟดูทีวียามบ่าย แล้วแอบมองสองพี่น้องอยู่ตรงมุมพักผ่อนของโถงกลาง เขาเอ่ยอีก “ดูสิ! ยัยภัทรถูกทิ้งให้นั่งทำงานอยู่นอกระเบียงคนเดียวแล้วน่ะ”
วิชัยยังคงบ่นไม่หยุด เขาผิดเองที่เลี้ยงลูกชายตามใจเกินไป ตั้งแต่อดีตภรรยาตายจากไปก่อนวัยอันควร เขาก็ทั้งรักและทุ่มเทให้นิรัชจนไม่ลืมหูลืมตา คิดแต่ว่าเด็กขาดแม่ไปคนหนึ่งแล้ว คนเป็นพ่อควรชดเชยเข้าไว้ พอรู้ตัวอีกทีเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็เสียนิสัย
“เมื่อไหร่นิสัยเอาแต่ใจตนเองของเจ้ารัชจะหมดไปเสียที การดูแลน้องสาวสักคนมันยากนักหรือไง?”
วิชัยบ่นยาวเหยียดอย่างไม่ชอบใจ
ลินดาวางแปลนร้านอาหารที่กำลังจะเปิดใหม่ร่วมกับสามี แล้วนั่งปอกผลไม้โดยไม่พูดอะไร
เธอก็เป็นกังวลเหมือนกัน หากพี่น้องไม่รักใคร่กลมเกลียว คนที่ลำบากใจก็ไม่พ้นพ่อกับแม่
ขณะกำลังคิดไม่ตก สายเรียกเข้าจากเลขาส่วนตัวก็ดังขึ้น วิชัยกดรับก่อนเปิดสปีกเกอร์โฟน
“ว่าไงคุณฝน”
“วันนี้มีนัดเดินทางไปร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานลูกสาวของคุณหญิงศจีที่โรงแรมคิงปาร์คบริดจ์เวลาหกโมงเย็นค่ะท่าน”
“อืม...”
หลังวางสายจึงหันมาบอกลินดา “ศจีเป็นเพื่อนสมัยเรียนของผม ลูกสาวของเธอแต่งงาน เดี๋ยวเราไปกันทั้งครอบครัวเลยนะ”
ลินดาเหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง “ใกล้เวลามากแล้ว เดี๋ยวดาไปบอกยัยภัทรกับตารัชให้เตรียมตัวเลยแล้วกันค่ะ”
ทว่าเมื่อเดินไปหาลูกสาวกลับเห็นอีกฝ่ายกำลังคร่ำเคร่งอยู่กับงานจนมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ยัยภัทรไปเตรียมตัวร่วมงานเลี้ยงกับแม่”
ณภัทรขมวดคิ้วเผยสีหน้าไม่อยากไป “ภัทรไม่ค่อยชอบงานเลี้ยง แม่ก็รู้ ยิ่งถ้าหากเป็นงานของกลุ่มไฮโซภัทรยิ่งไม่ชอบเลย อีกอย่างภัทรจะรีบแปลงานนี้ด้วยค่ะ กลัวเสร็จไม่ทันกำหนดส่งงาน ให้พี่รัชไปคนเดียวแล้วกันค่ะ อืม...แต่ก็ดีเหมือนกันค่ะ แม่พาพี่รัชไปไกลๆ ทีเถอะ ขืนยังอยู่ ภัทรถูกพี่รัชกินหัวแหว่งหน้าเหวอะแน่”
หญิงสาวพูดพลางทำท่าหวาดผวาขนลุกขนพองสั่นไปทั้งตัว ลินดาถึงกับถอนหายใจส่ายหน้า
“ตามใจ...” ว่าพลางเดินไปทางนิรัชที่บังเอิญเดินกลับมานั่งที่ห้องทำงานพอดี
“ค่ำนี้ผมมีนัดกับเพื่อนแล้วครับ ต้องขอโทษจริงๆ” ชายหนุ่มปฏิเสธด้วยน้ำเสียงขออภัย ก่อนเอ่ยต่ออย่างหงุดหงิด “ใกล้เวลานัดแล้วด้วย แต่ยัยภัทรยังส่งงานให้ผมไม่ได้เลย สมควรพาไปลาออกจากงานแล้วครับ”
ณภัทรได้ยินก็ถึงกับยกกำปั้นขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าอย่างหมั่นไส้ อยากจะชูนิ้วกลางให้อีกฝ่ายอย่างหยาบคายเสียจริง คนอะไรอารมณ์ร้ายสุด ๆ
นิรัชตวัดตามองแวบหนึ่ง แค่แวบเดียวณภัทรก็รีบลดมือลงก้มหน้าทำงานต่อทันทีโดยไม่เงยขึ้นมาอีก
ลินดาที่หันไปเห็นท่าทางซุกซนไม่สุภาพของณภัทรที่ปฏิบัติต่อพี่ชายเข้าพอดี เธอก็แทบจะกุมขมับ
ลินดาเดินกลับมาหาสามี “ยัยภัทรยังทำงานไม่เสร็จค่ะ ขออยู่บ้าน ส่วนรัชมีนัดกับเพื่อนค่ะคุณ ไม่ไปเหมือนกัน”
วิชัยลุกขึ้นเอื้อมแขนโอบไหล่ของภรรยาพลางเอ่ยยิ้มๆ “อืม...ไม่เป็นไร เราไปแค่สองคนก็ดี จะได้มีเวลาสวีทหวาน”
“หืม...คุณนี่ พูดอะไร?”
“อายอะไรล่ะคุณ เรารักกันให้ลูกๆ เห็นเป็นแบบอย่าง พวกเขาจะได้ไม่ทะเลาะกัน”
เป็นอันตกลงว่า วิชัยต้องไปงานเลี้ยงกับลินดาแค่สองคน ส่วนนิรัชออกไปข้างนอกเจอเพื่อนๆ และณภัทรอยู่เฝ้าบ้าน
เมื่อรถหรูของพ่อแม่แล่นออกจากประตูใหญ่ของบ้านไป นาทีทองพลันบังเกิด