นอกจากของใช้ส่วนตัวจำพวกลิปกลอส แป้งฝุ่น แป้งตลับ ผ้าอนามัย ทิชชู โทรศัพท์ ของจุกจิกที่ชอบพกพาเป็นประจำแล้ว เวลานี้เธอยังพกถุงยางอนามัยและยาคุมกำเนิดด้วย
พกพาขนาดนี้หากมีคนเห็นเข้าต้องมองว่าเธอเป็นผู้หญิงกร้านโลกแน่ ๆ
แต่เธอก็ไม่แคร์หรอก
เพราะเธอเคยพลาดกับพี่ชายไปแล้วครั้งหนึ่งจนแอบติดใจอย่างไม่น่าให้อภัย ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก
เธอเองยังไม่สามารถรับประกันกับตนเองได้เลย
พกไว้ก็ไม่เสียหายสักหน่อย ปลอดภัยจากโรคภัยร้ายๆ และที่สำคัญยังไร้กังวลจากการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์
อันที่จริง หากตอนนั้นแม่ของเธอมีความกล้าพอที่จะพกพาสิ่งของเหล่านี้โดยไม่อายแล้วล่ะก็ แม่คงไม่พลาดแน่ ๆ
แต่ก็อย่างว่าแหละ อดีตไม่อาจกลับไปแก้ไขอะไรได้ มีแต่ต้องทำอนาคตให้ดีเท่านั้น
ไม่ต้องทนทรมานกับแรงปรารถนาที่ไม่มีวันเป็นจริงในเรื่องของการกลับไปแก้ไขอะไร
อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าพ่อคนนั้นที่เธอไม่เคยเห็นหน้าเป็นคนเห็นแก่ตัวมากขนาดไหน
ณภัทรเก็บของเสร็จก็สะพายกระเป๋าออกจากห้องส่วนตัว เดินลงมาที่ชั้นล่าง
บ้านหลังนี้ค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ใช้สอยกว้างขวางกว่าจะถึงห้องรับประทานอาหารยังต้องเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาสามสี่รอบ
ระหว่างทางยังมีภาพนายแบบวัยรุ่นคนหนึ่งแปะฝาบ้านให้ดูอย่างเพลิดเพลินจำเริญตา คนในภาพไม่ใช่ใคร เขาคือนิรัชนั่นเอง พี่ชายคนนี้ของณภัทรมักจะมีคนมาติดต่อให้ไปถ่ายแบบอยู่บ่อย ๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้โฆษณาสินค้าแบรนด์ดังหลายตัว
เขาหล่อ เท่ห์ เย็นชา ใช้ได้เลยทีเดียว
ณภัทรคิดว่าผู้ชายหล่อสมาร์ทอย่างนิรัชเป็นดาราได้สบายเป็นพระเอกก็ยังได้ แต่นิสัยเย่อหยิ่งถือตัวขนาดนั้นจะปั้นหน้ายิ้มเวลาออกสื่อได้ยังไง หากถูกสัมภาษณ์จะไม่เย็นชาใส่นักข่าวหรือไง
ยิ่งต้องปรับปรุงตัวเองให้เป็นคนเฟรนลี่กับแฟนคลับด้วยเธอเองก็คิดภาพไม่ออก ในหัวสมองไม่สามารถวาดภาพผู้ชายคนนี้ในอริยาบถหล่อน่ารักหรืออบอุ่นอ่อนโยนได้เลย
หญิงสาวคิดไปเดินไปพลันต้องชะงักเมื่อเลี้ยวเข้าห้องหนึ่งและภาพของผู้ชายหล่อจัดตัวเป็นๆ คนนั้นก็กระแทกม่านตา
เขาสวมชุดนักศึกษาเผยออร่าคุณชายน่าเกรงขามกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตรงมุมห้อง ลักษณะท่าทางคล้ายกับนั่งรอใครสักคน
“วันนี้เจ้ารัชมีเรียนช่วงเช้าพอดี ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้อีกแล้ว พ่อขอสั่งให้แกรอภัทรกินข้าวเสร็จก่อนแล้วพาน้องไปส่งด้วย”
เสียงคำสั่งของวิชัยดังขึ้นที่โต๊ะอาหาร ณภัทรหันมอง จึงเห็นพ่อเลี้ยงกำลังนั่งอ่านเอกสารและกินกาแฟอยู่ที่โต๊ะอาหาร ส่วนมารดาตนกำลังคนหม้อแกงบนเตาไฟที่เคาร์เตอร์ทำอาหาร
เธอจึงหันไปเหลือบมองคนมีเรียนช่วงเช้าบนโซฟาฝั่งตรงกันข้ามอีกแวบหนึ่ง
ในแวบนั้นที่เธอได้สบตากับพี่ชาย ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่เธอแน่ใจว่าสายตาของเขามิใช่คนที่ถูกบังคับให้เธอติดรถไปเรียน
แต่กลับเป็นสายตาเย้ยหยันและท้าทาย...
บ่งบอกว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธเขาได้ต่างหาก
ลินดาไม่เคยปิดบังเรื่องราวเหลวไหลของตนในอดีต
วิชัยจึงรู้เรื่องทั้งหมดแต่ไม่เคยนึกรังเกียจ หลังจากแต่งงาน วิชัยจึงไม่ยอมให้ลินดาต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยอีก ลินดาจึงกลายเป็นคุณนายอยู่บ้านสวยๆ ไปวันๆ
ทว่าเธอกลับไม่ยอมอยู่นิ่งๆ มักจะตื่นก่อนนอนทีหลังเสมอ
บ้านทุกซอกทุกมุมเป็นระเบียบเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว อาหารทุกจานที่ลินดาเป็นคนลงมือทำด้วยตัวเองยังอร่อยทุกอย่าง
ไม่ใช่เพียงวิชัยที่เหมือนน้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น นิรัชเองก็ดูเหมือนจะมีน้ำมีนวลขึ้นมาเช่นกัน เพียงแต่เขาตัวสูงจึงดูไม่ค่อยออก
เมื่อคุณนายเป็นแบบนี้ แม่บ้านสองคนที่พักอยู่เรือนเล็กด้านหลังจึงตื่นตั้งแต่ไก่โห่มาทำงานบ้านอย่างขยันขันแข็งมากยิ่งขึ้น เนื่องจากคิดมาก กลัวจะถูกไล่ออก
ลินดาจึงต้องคอยปลอบใจแม่บ้านบ่อย ๆ “ป้าแหวนพี่แววอย่าคิดมากเลย ดาแค่อยู่เฉยไม่เป็นเท่านั้นไม่ได้คิดแย่งงานเลยนะ”
แม่บ้านทั้งสองได้หัวเราะขัดเขินเก้อกระดากแต่ก็ยังรีบตื่นแต่เช้าทำงานให้หนักเข้าไว้เหมือนเดิม
ณภัทรนั่งกินข้าวอย่างอร่อยพลางมองแม่บ้านสองคนที่เป็นลูกมือก้นครัวให้แม่ เธอเห็นแม่บ้านทั้งสองแย่งกันหั่นต้นหอมผักชีเพื่อเอาหน้ากันยกใหญ่
หญิงสาวยิ้มขัน ในใจนึกภาคภูมิอย่างที่สุด
แม่ของเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและเก่ง ที่สำคัญจิตใจดีมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นที่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าแต่ทิ้งไปตั้งแต่เธออยู่ในครรภ์จะรู้หรือเปล่าว่าได้ทำเพชรน้ำงามหลุดมือ
หญิงสาวหมกมุ่นกับความคิดพร้อมกับรับประทานอาหารที่มีเต็มจานอย่างตั้งใจ เมื่อข้าวหมดเธอยังยื่นจานให้มารดาตักเพิ่ม
เสียงเพียะดังขึ้น ณภัทรถูกลินดาตีมือเบาๆ หนึ่งที
“พอแล้ว เดี๋ยวอ้วน”
อืม...จริงด้วย
ณภัทรย่นคิ้วยกจานกลับแต่โดยดี
เธอลืมไปว่าตัวเองได้ทำตารางการควบคุมน้ำหนักที่เขียนขึ้นเองแล้วกำชับให้แม่คอยเตือน เพราะเมื่อก่อนเธอกินแบบตามใจตามปากมากไปหน่อย เธอก็เลยอ้วน
พอเริ่มเป็นสาวถึงได้ตระหนักและเป็นกังวลกับน้ำหนักตัว กลัวว่าต้องเสียเงินรักษาโรคอ้วนไม่จบไม่สิ้น
แน่นอนว่านิสัยเดิมที่มีนั้นต่อให้ได้พ่อเลี้ยงร่ำรวยก็ไม่เคยเปลี่ยนไป เธอกับแม่ยังคง ‘งก’ เหมือนเดิมไม่แปรผัน
วิชัยมองสองแม่ลูกด้วยรอยยิ้ม แววตาอบอุ่นอ่อนโยน
มีเพียงนิรัชที่มองนิ่งๆ ด้วยสายตาอ่านยาก
ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
หลังจากจบมื้อเช้า ณภัทรก็เดินมาที่รถพร้อมนิรัช
โรงรถอยู่ด้านข้างของตัวบ้านห่างออกมาเล็กน้อย มีหลังคาและเสาขนาดใหญ่ติดกับตัวบ้าน มีรถยุโรปสุดหรูจอดอยู่หลายคัน เป็นรถชนิดต่างกันแล้วแต่วัตถุประสงค์การใช้งาน
ลินดากับณภัทรขับรถไม่เป็นจึงได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตาไม่เคยขับเอง วิชัยคะยั้นคะยอให้ลินดาไปเรียนขับรถได้สำเร็จแค่ไม่นาน ตอนนี้จึงกำลังอยู่ในช่วงหัดขับกับบริษัทสอนขับรถเท่านั้น
ส่วนณภัทรเพิ่งอายุสิบแปดย่อมไม่รีบร้อน
เมื่อเดินมาถึงรถยุโรปคันสีขาวสองประตู ทั้งคู่ก็ต่างคนต่างขึ้นไปนั่งในรถโดยไม่พูดอะไร
ทว่าจังหวะที่ณภัทรนั่งลงแล้วปิดประตูก่อนจัดกระโปรงให้เรียบร้อย จู่ ๆ นิรัชก็โน้มตัวเข้ามาแล้วโอบเธอทั้งตัว กลิ่นกรุ่นไออุ่นจากกายเขาโอบล้อมไปทั่วร่างของเธอ
หญิงสาวตกใจจนตาโตหลบไม่ทัน ทำได้เพียงชักสีหน้าใส่
“พี่ทำอะไรน่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่มาเห็นนะ”
ตอนนี้ยังเช้าอยู่มาก แสงสว่างสาดส่องไปทั่ว กระจกรถยังใสแจ๋วขนาดนี้
นิรัชยังคงมีสีหน้านิ่งเฉย เขาเอ่ยเสียงเรียบ “คาดเข็มขัด”
ณภัทรอึ้งเล็กน้อย ใบหน้าขึ้นสีอมชมพูเรื่อเพราะอายขึ้นมา
“ภัทรลืมไป” เธอนิ่วหน้า “คนไม่เคยมีรถก็แบบนี้แหละ”
นิรัชเลิกคิ้ว “ไม่เป็นไร พี่คอยดูแลคาดให้เธอได้ตลอด”
“หือ...”
นี่คือประโยคที่หลุดจากปากของผู้ชายหน้านิ่งซึ่งถูกฉาบด้วยปูนซีเมนต์ตลอดเวลางั้นหรือ?
ณภัทรยิ่งหน้าแดงเปล่งปลั่ง นึกขัดเขินไม่น้อย
แต่เมื่อเห็นอีกคนยังคงโน้มแผงอกลงมาจนใบหน้าหล่อๆ อยู่ใกล้เกินไป ลมหายใจยังผสานกันขนาดนี้ แนบชิดเสียจนใจสั่น ทั้งยังทำให้เธอตกอยู่ในวงแขนอบอุ่นของเขาไม่คลาย
เธอจึงย่นคิ้วนิ่วหน้า บ่นอุบอิบเสียงเบา
“พี่รัชคาดเข็มขัดนานเกินไปแล้วค่ะ”
นอกจากไม่ปล่อยมือจากเข็มขัดนิรภัย นิรัชยังมองเธอด้วยรอยยิ้มร้ายๆ ที่อาจทำให้หัวใจของเด็กสาวต้องละลายหรือไม่ก็อาจทำให้ผู้หญิงมีอายุหัวใจวายตายได้ เขายิ้มแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?
สองตาของณภัทรเบิกโตคล้ายกำลังเจอสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดจากมิติเร้นลับ ผู้ชายหน้านิ่งตาดุเวลายิ้มทีคือมีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมากเกินไปแล้วจริงๆ
จังหวะนั้นชายหนุ่มเปี่ยมเสน่ห์ผู้แผ่ออร่าสังหารยังก้มหน้าหล่อเหลาลงมาจูบเร็วๆ ที่เรียวปากเธอหนึ่งที ก่อนจะสตาร์จรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว ณภัทรได้แต่ตัวเกร็งแข็งทื่อไปทั้งร่าง
พ่อกับแม่ยังนั่งอยู่ในบ้านคงไม่เห็นหรอกนะ
หญิงสาวเกาะกระจกรถแน่น...