แกร๊ก
เสียงประตูห้องทำงานของพาริชถูกเปิดออกราวกับว่าคนที่เปิดไม่อยากให้เกิดเสียงดังขึ้นจึงค่อย ๆ เปิดมันออกอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าคนที่นอนอยู่บนโซฟาจะตื่นขึ้นมาเสียก่อน
เมื่อเดินเข้ามาในห้องถึงได้มั่นใจว่าคนที่นอนอยู่บนโซฟาหลับสนิทชนิดที่ว่าต่อให้ทำอะไรเสียงดังก็คงจะไม่ตื่นขึ้นมา หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสด เธอสวมรองเท้าส้นเข็มขนาด 5 นิ้ว เดินไปยืนอยู่ตรงหน้าของเด็กสาวคนนั้น เธอก้มหน้าลงมองเด็กสาวที่กำลังนอนหลับพลางแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยันเพราะเธอได้เห็นการกระทำเพ้อฝันของเด็กคนนี้แล้วรู้สึกรังเกียจสะอิดสะเอียนเต็มทน
เด็กคนนี้ถือได้ว่าเป็นคนสำคัญกับ ‘คู่ขา’ ของเธออย่างมากเพราะไม่ว่าเธอกับคู่ขาจะทำอะไรกันอยู่ หรือยุ่งกันมากแค่ไหน เมื่อเด็กคนนี้โทรเข้ามาคู่ขาของเธอก็จะหยุดทุกการกระทำแล้วรีบวิ่งหางจุกตูดไปหาเด็กคนนี้ทันที หลายครั้งเข้าเธอจึงรู้สึกว่าคู่ขาของเธอมีน้องสาว หรือว่ามีลูกสาวกันแน่และเมื่อเหตุการณ์เป็นแบบนี้บ่อยครั้งเข้าเธอจึงเริ่มอยากที่จะเห็นหน้า ‘น้องสาว’ ของคู่ขาของเธอมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในตอนแรกที่เธอมาที่นี่เธอเข้าใจว่าเธอจะได้เจอกับคู่ขาของเธอ เธอแอบอยู่นานถึงได้เห็นว่าคู่ขาของเธอเพิ่งจะเดินเข้ามาได้สักพักใหญ่ ๆ จากนั้นแม่เลขาตัวดีที่คอยกันท่าเธอเสมอก็กุลีกุจอต้อนรับนังเด็กคนนี้ทำให้เธอนึกสงสัยว่าคนที่โทรมาก่อกวนเธอกับคู่ขาของเธอบ่อยครั้งจะใช่เด็กคนนี้หรือเปล่า ทันทีที่คู่ขาของเธอ และเลขาจอมขัดขวางหายเข้าไปในห้องประชุมทำให้เธอได้รู้ว่าในตอนนี้ที่ห้องทำงานของเขาเหลือใครที่ยังอยู่บ้าง
“หึ ทุเรศ! เพ้อฝัน แอบรักพี่ชายของตัวเอง ช่าง... น่ารังเกียจ”
เธอยืนกอดอกแขนสองข้างดันหน้าอกขึ้นจนแทบจะทะลุออกมาสายตามองเหยียดเด็กสาวที่กำลังนอนหลับแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าใบหน้าของเด็กสาวคนนี้ดูไร้เดียงสา น่ารักจนเธอที่เป็นผู้หญิงหากไม่อคติก็คงจะหลงเคลิบเคลิ้ม และเอ็นดูไปกับหน้าตาน่ารักนี้
“ฉันจะแฉแก ให้พ้อยต์รู้ว่าแกคิดไม่ซื่อกับพี่ชายตัวเอง”
เธอยื่นมือไปหาคนที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ว่ายังไม่ทันได้สัมผัสถูกตัวเสียงประตูห้องทำงานของ ผอ. หนุ่มก็ดังขึ้นพร้อมกับสีหน้าเข้มขรึมของชายหนุ่มแสดงออกมาอย่างไม่ปิดบัง พาริชมีท่าทีไม่ชอบอย่างชัดเจนทำให้หญิงสาวที่เป็นคู่ขาของเขายืนจนตัวสั่นเธอรู้สึกกลัวในสายตาคู่นั้นที่มองมาถึงเธอ
“คุณพ้อยต์!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่” พาริชถามคู่ขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่แผ่วเบาเพราะกลัวว่าคนที่หลับอยู่จะตื่นขึ้นมาเห็นภาพเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้อยากจะให้เธอเห็น
“ฉะ ฉัน ฉันมาหาคุณค่ะ ฉันคิดถึงคุณ”
“หึ คิดถึง?”
“ฉันจะถามอีกครั้ง เธอมาที่นี่ได้ยังไง”
ทำไมจะมาไม่ได้ก็คราวก่อนที่พาริชนอนค้างห้องของเธอเขาทำนามบัตรหล่นเอาไว้ทำให้เธอได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นใคร และอยู่ที่ไหน ก่อนหน้านี้เธอกับเขาเจอกันหลายครั้งถึงกับขนาดที่ว่าเป็นคู่ขากันเลยทีเดียวแต่ก็ไม่เคยนอนค้างอ้างแรมด้วยกันส่วนใหญ่จะจบลงอยู่ที่ห้องน้ำสาธารณะและในรถเสียมากกว่าหลังจากพาริชสุขสมแล้วเขาก็ไล่เธอไปพร้อมกับบอกว่าฉันว่ามีธุระต้องทำต่อไว้เขาจะทักหาใหม่ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้เสมอ
เมื่อเขาพอใจแล้วเขาก็จะให้เงินเธอไว้ก้อนหนึ่งแล้วก็จากไปโดยไม่เคยบอกชื่อของเขาให้เธอรู้มาก่อนกระทั่งวันนั้นที่พาริชเมา เธอพาเขากลับห้องของเธอทำให้เธอได้รู้ว่าเขาเป็นใคร ด้วยรสสวาทของเขาที่ทำให้เธอติดใจเพราะไม่เคยมีใครทำกับเธอได้ถึงขนาดนั้นแม้เขาจะไม่เคยเล่นกับร่างกายเธอแต่เขาก็เก่งมากที่นำพาเธอไปสู้ปลายทางได้สำเร็จในทุกครั้ง เมื่อเธอได้รู้ว่าเขาเป็นใครขึ้นมาเธอก็ถูกความโลภครอบงำเพราะผู้ชายคนนี้นอกจากรสสวาทจะถึงอกถึงใจก็ยังมีข้าวของเงินทอง ฐานะ หน้าตาทางสังคมที่ทำให้เธอตาโตได้เลยทีเดียว
แต่น่าเสียดาย…
ที่เขาฉลาดมากเกินไป...
“ผอ. คะ ดิฉันตามรปภ. ให้แล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ” พาริชไม่สนใจคู่ขาที่เพิ่งเดินเข้ามาแม้แต่น้อยแต่เขากลับเดินผ่านหน้าเธอไปแล้วอุ้มเด็กสาวที่นอนหลับอยู่ที่โซฟาขึ้นมาในท่าเจ้าหญิง จากนั้นก็พาเธอเดินออกมาโดยก่อนที่จะผ่านหน้าของคู่ขาไปอีกครั้งเขาทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยว่า
“ต่อไปนี้ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเธออีก”
นลินญาหลับได้นานแค่ไหนเธอไม่สามารถคำนวณเวลาได้ แต่เธอรู้ตัวอีกทีก่อนตอนที่ร่างกายของเธอกำลังโคลงเคลงเล็กน้อย เธอค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นดูสิ่งแรกที่เห็นก็คือใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายที่เธอแอบชอบใบหน้าของเขาใกล้เธอเพียงแค่คืบเท่านั้นจนเธอรีบหลับตาปี๋อีกครั้งเพราะคิดว่าเขาอาจจะทำอะไรเธอหรือเปล่า แต่ก็ไม่ใช่เมื่อเธอรับรู้ได้ว่าแผ่นหลังของเธอกำลังสัมผัสกับฟูกนอน ชายหนุ่มดึงผ้าห่มนวมผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างบางเอาไว้ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างเธอใช้มือใหญ่ของเขาลูบไล้ใบหน้าใสของเธอแล้วก้มลงมาหอมเธอแผ่วเบาที่หน้าผาก
“ฝันดีนะคะ เด็กดีของพี่”
ทิ้งคำพูดเอาไว้แค่นั้นแล้วเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ทันทีที่ประตูห้องนอนของเธอปิดลงนลินญาก็รีบเด้งตัวขึ้นมา สัมผัสร้อนจากริมฝีปากของเขายังคงอยู่ที่หน้าผากของเธอไม่จางหาย นลินญายกมือขึ้นแตะเบา ๆ ที่หน้าผากเธอ ตรงที่เขาใช้ปากสัมผัสก่อนที่ใบหน้าสวยจะแดงซ่านไปทั่วทั้งใบหน้า หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างสั่นไหว นลินญากลัวเหลือเกินว่าในตอนที่เขาจุมพิตหน้าผากเธอเขาจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอหรือเปล่า หรือเขาจะรู้หรือไม่ว่าในตอนนั้นเธอกำลังกลั้นหายใจเพราะว่าเธอตื่นเต้น และไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะจุมพิตเธอแบบนั้น
“คนใจร้าย มาอ่อยกันรึไงเนี่ย”
หากจะบอกว่าเธอคิดเข้าข้างตัวเอง เธอก็ปฏิเสธไม่ลงเพราะว่าเธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ จะไม่ให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองได้อย่างไร เขาทั้งอ่อนโยน น่ารักกับเธอ ใส่ใจเธอเสมอ ก่อนหน้านี้ในห้องทำงานเธอหลับ ๆ ตื่น ๆ เหมือนกับว่าได้ยินเสียงเขากำลังดุใครบางคนอยู่ แต่เพราะความง่วงเลยทำให้เธอนอนหลับต่อโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าเขากำลังดุใครเพราะเธอคิดไปเองว่า เขาเป็นถึงเจ้าของมหาวิทยาลัยอย่างไรเสียก็เป็นหัวหน้าคนอาจมีบ้างที่ลูกน้องทำไม่ถูกต้องทำให้เขาต้องดุลูกน้องไปบ้างนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอยอมที่จะนอนหลับต่อโดยไม่รับรู้เรื่องราวใด
หลังจากที่เพ้อฝันได้สักครู่นลินญาก็เดินออกมาจากห้องนอนเธอตั้งใจว่าเธอจะทำซุปร้อนเอาไปเสิร์ฟให้เขาถึงที่ห้อง เธอจึงอาบน้ำแต่งตัวแล้วตั้งใจเดินไปที่ห้องครัวเพื่อทำซุปร้อนให้เขากินในตอนกลางคืน เธอเข้าใจว่าเขาอยู่ในวัยทำงานแล้วอาจจะทำงานหนักจึงไม่ได้พักผ่อนหลังจากที่ทำซุปเสร็จเรียบร้อยแล้วนลินญาก็ถือถ้วยซุปอย่างระมัดระวังเธอเปิดประตูห้องพักอย่างแผ่วเบา ขณะเดียวกันสายตาของเธอก็เห็นภาพบางอย่างจากห้องฝั่งตรงข้าม
“ใครน่ะ”
เพราะภาพที่เธอเห็นเป็นภาพหญิงสาวใส่ชุดเดรสสีดำกระโปรงสั้นจนเห็นแก้มก้นกำลังเดินเข้าไปในห้องของคนที่เธอจะเอาซุปไปให้เขา จากนั้นประตูของห้องฝั่งตรงข้ามก็ค่อย ๆ ปิดลงมือเรียวของเด็กน้อยกำถาดอาหารเอาไว้จนแน่น หัวใจของเธอสั่นระรัวด้วยความเสียใจนลินญาตัดสินใจกลับเข้าห้องพักของเธอและปิดประตูอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าห้องฝั่งตรงข้ามจะได้ยิน
เธอคิดว่าเขาอาจจะทำงานหนัก แต่ที่ไหนได้กลับนัดหญิงสาวมาหาถึงที่ห้อง นลินญาทำอะไรไม่ถูกเธอเดินเอาถ้วยซุปไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าวก่อนจะปล่อยน้ำตาใสออกมาด้วยความเสียใจ
เททิ้งดีไหมฮะ!
คนอุตส่าห์ตั้งใจทำให้!
แต่ด้วยความเสียดายเธอจึงตักซุปที่ตั้งใจจะทำให้เขากินขึ้นมากินเสียเองด้วยความโมโห ซุปไม่มีความผิด! แล้วทำไมเธอต้องทิ้งด้วย
“เราก็อุตส่าห์เป็นห่วง กลัวจะทำงานหนักจนท้องหิว” พูดจบก็ตักซุปเข้าปากหนึ่งคำ
“ที่ไหนได้พาใครก็ไม่รู้มา” ตักซุปเข้าปากอีกหนึ่งคำ
“คอยดูเถอะครั้งหน้าฉันจะไม่เป็นห่วงแล้ว! ปล่อยให้อดตาย หิวตายไปเลย!” วางช้อนตักเอาไว้กับโต๊ะแล้วยกถ้วยซุปที่ตัวเองเป็นคนทำขึ้นกระดกดื่มจนหมดถ้วยด้วยความโมโห จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง หยิบเอาตุ๊กตาที่เขาเคยให้ไว้เป็นของขวัญวันเกิดขึ้นมาแล้วซบใบหน้าสวยลงกับท้องนุ่มของตุ๊กตาแล้วร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ
เธอชอบเขา
เธอชอบเขามากจนแทบบ้าอยู่แล้ว แต่ว่าเขากลับไม่เคยมีความรู้สึกให้เธอมากว่าคำว่า ‘พี่น้อง’ เลย