หลายสัปดาห์มานี้นลินญาคิดไม่ตกเลยว่าสิ่งที่เธอทำมันผิดหรือถูกเพียงแต่ว่าเธอก็ยังคงใช้ชีวิตในทุก ๆ วัน เพราะเวลาไม่เคยเดินถอยหลังเฉกเช่นเดียวกันกับชีวิตที่ต้องเดินต่อไปข้างหน้าไม่ว่าวันนี้เธอจะเศร้าเสียใจร้องไห้เจ็บช้ำน้ำใจหรือมีความสุขทุกความรู้สึกเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นแรงผลักดันให้นลินญาต้องเดินต่อไปข้างหน้าให้จงได้
“เอ๋ยจบ ม.6 แล้วแกจะไปต่อที่ไหน” ตะลิงปิงตั้งใจว่าจะชวนเพื่อนรักไปเรียนต่อด้วยกันแต่คำตอบของเพื่อนรักกลับทำให้เธอรู้สึกเสียใจแต่ก็เพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น เธอถือว่าให้เพื่อนไปมีอนาคตที่ดีกว่าเธอย่อมรู้สึกยินดีให้เพื่อนไปอยู่แล้ว เธอจะไม่รั้งให้เพื่อนอยู่เพราะเธอคิดว่าการไปในที่ที่เพื่อนอยากไปย่อมดีกว่าอยู่ในที่ที่ไม่อยากอยู่
“ฉันว่า จะไปต่อเมืองนอกนะ” นลินญาพูดขึ้นเธอหมายความอย่างนั้นจริง ๆ เหตุผลเพราะว่าเธออยากจะหนีพาริชแล้วไปเริ่มต้นใหม่กับตัวเธอเอง เคลียร์หัวใจตัวเองให้เป็นศูนย์แล้วเมื่อไหร่ที่เธอทำใจจากเขาได้แล้วเธอก็คงจะกลับมาได้โดยสามารถมองหน้าเขาได้เหมือนเดิม เขาไม่ผิดที่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ เธอไม่ผิดที่เธอชอบเขา แต่ในเมื่อทั้งสองอย่างไม่สามารถลงเอยกันได้เธอก็คงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
“เหรอ” น้ำเสียงของตะลิงปิงบ่งบอกว่าเธอค่อนข้างเศร้าใจเล็กน้อยแต่เมื่อเงยหน้ามองเห็นใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของนลินญา ตะลิงปิงก็รู้สึกว่าเธอไม่อยากรั้งให้เพื่อนเธออยู่ ยุคสมัยนี้การสื่อสารมันติดต่อกันได้อย่างง่ายดาย การที่นลินญาจะไปเรียนต่อต่างประเทศก็คงไม่เกินความสามารถที่เธอกับเพื่อนจะติดต่อกันหรอก
“เสียใจรึไง”
“เสียใจสิ ฉันมีแกเป็นเพื่อนคนเดียวนะเอ๋ย”
“ฉันก็มีแกเป็นเพื่อนคนเดียวนะปิง แต่ไม่ต้องห่วงฉันจะติดต่อแกอย่างแน่นอนไม่หายไป” สองเพื่อนรักโอบกอดกันอย่างลึกซึ้งต่างคนต่างก็มอบแต่สิ่งดี ๆ ให้กันเสมอมา ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือกันอยู่ตลอดเวลาจนเคยได้ฉายาว่าเพื่อนรักปาท่องโก๋เลยทีเดียวเพราะนอกจากจะตัวติดกันมากขนาดนั้นแล้วความน่ารักความสามารถของทั้งคู่ก็ยังคงโดดเด่นเหนือใคร
“แล้วแกจะไปต่อที่ไหน”
“ยังไม่รู้เลย ว่าสอบเข้าโรงเรียนรัฐบาลแกว่าดีไหม” ไม่ใช่ไม่มีเงินแต่เพราะเธออยากรู้ว่าเธอจะทำได้หรือเปล่าต่างหาก
“แกทำได้อยู่แล้วปิง แกไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ แกเก่งมาก ด้วยหัวสมองแกนี่ ไอน์สไตน์ต้องอายเลยนะจริง ๆ” การอวยเพื่อนไม่ได้ทำให้นลินญาต้องอายเลยแต่คนที่อายก็คือคนที่ถูกอวยต่างหาก
“พอแล้วเขินจะตายอยู่แล้วเนี่ย”
“ปิงเดี๋ยวฉันต้องกลับก่อนนะแล้วเดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้” นลินญาก้มมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาที่พาริชน่าจะมารับเธอแล้วแต่เธอไม่อยากกลับกับเขาเธอกลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนแล้ววนกลับไปชอบเขาอีก เธอจึงต้องหลบหลีกหน้าเขาแล้วกลับไปก่อนเพื่อไม่ให้เจอเขา
“เออ ๆ เดินทางดี ๆ”
หลังจากที่นลินญากลับไปแล้วตะลิงปิงก็ตั้งใจจะเดินไปหาซื้ออะไรกินที่หน้ามหาวิทยาลัยนิดหน่อยแต่เดินไปได้สักพักเธอก็เห็นรถของพาริชขับเข้ามาจอดในที่ที่เคยมารอนลินญาอยู่บ่อยครั้ง เธอรู้สึกว่าสองคนพี่น้องนี่อาจจะมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าเพราะพักหลังมานี้เธอเองก็รู้สึกว่านลินญามาโรงเรียนเช้ากว่าปกติมาก และกลับบ้านเร็วกว่ามากหรือบางทีก็กลับค่ำไปเลย
“สวัสดีครับน้องปิง” ตะลิงปิงกำลังจะเดินผ่านรถของพาริช เขาก็ลดกระจกลงแล้วกล่าวทักทายเพื่อนของคนที่เขาคิดว่าเป็นน้องสาว
“สวัสดีค่ะพี่พ้อยต์”
“ทำไมเดินคนเดียวล่ะครับ น้องเอ๋ยไปไหน” เพื่อนนะเพื่อนทะเลาะกับพี่ยังต้องให้เพื่อนอย่างเธอเคลียร์ให้ด้วยหรือไง
“เอ๋ยกลับไปก่อนแล้วค่ะ”
“อ้อ ขอบคุณมากครับ” พูดจบแล้วพาริชก็กดเลื่อนกระจกรถขึ้นปิดก่อนจะถอยรถออกแล้วขับออกไปจากโรงเรียนมัธยมในทันที โดยที่ปล่อยให้ตะลิงปิงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น
ไปเร็วมาเร็วมาก จริง ๆ
บ้านนลินญา
วันนี้นลินญาตั้งใจว่าจะไม่กลับคอนโดเพราะเธออยากที่จะอยู่ให้ห่างจากพาริชเข้าไว้ เมื่อยามที่เธอจะต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเธอจะได้รู้สึกไม่ทรมานมากนักเมื่อเธอเข้ามาถึงเธอก็เห็นว่าฮันเตอร์อยู่ด้วยกันกับจ๊ะจ๋าเธอจึงเดินเข้าไปทักทาย
“พี่จ๋า พี่เขยสวัสดีค่ะ”
“อ้าว ทำไมวันนี้กลับบ้านล่ะ”
“แล้วทำไมเอ๋ยจะกลับไม่ได้ล่ะ นี่ก็บ้านเอ่ยเหมือนกันไม่ใช่รึไง”
“เดี๋ยวเขกหัวเลย ยอกย้อนพี่นะเดี๋ยวนี้” นลินญาทำสีหน้าล้อเลียนจ๊ะจ๋าก่อนจะเดินตรงไปนั่งฝั่งตรงข้ามจ๊ะจ๋าที่นั่งอยู่ที่ห้องรับประทานอาหาร
“น้องจ๋า เดี๋ยวพี่กลับก่อนก็แล้วกันนาน ๆ น้องจ๋าจะได้อยู่กับน้องเอ๋ย สองพี่น้องเจอกันก็คุยกันดี ๆ อย่าทะเลาะกันล่ะ”
“อ้าวจะกลับแล้วเหรอพี่เขย”
“ใช่ครับ”
“ขับรถดี ๆ นะเตอร์” เมื่อร่ำลาฮันเตอร์แล้วนลินญากับจ๊ะจ๋าก็นั่งมองหน้ากันพักหนึ่งก่อนที่จ๊ะจ๋าจะทนไม่ไหวกับการนิ่งของสาวเธอจึงได้พูดขึ้นเพื่อให้น้องสาวหันมาสนใจเธอบ้างไม่ใช่เอาแต่นั่งมือก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
“เป็นอะไรของแก”
“เปล่านี่”
“อกหักรึไง” นลินญาส่ายหน้าพัลวันเธอไม่อยากให้พี่สาวได้รู้ว่าเธอรู้สึกอะไรกับใคร และเธอก็กำลังผิดหวังกับใคร
“ไม่ใช่สักหน่อยอย่ามามั่ว”
“ไหน ๆ ก็มาแล้วทำน้ำส้มคั้นให้พี่กินหน่อยสิ อยากกินน้ำส้มคั้นน่ะ”
“แม่บ้านก็มีเอ๋ยไม่ใช่แม่บ้านของพี่จ๋านะ” ถึงจะพูดออกมาอย่างนั้นแต่จ๊ะจ๋ารู้ดีว่านลินญาแค่พูดเฉย ๆ เพราะนลินญาเป็นคนที่ปากบ่นแต่ก็ทำ และก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิดเพราะหลังจากที่นลินญาบ่นเธอเสร็จก็ลุกเข้าไปในครัวแล้วเธอก็ได้ยินเสียงก้อง ๆ แก๊ง ๆ เธอถึงได้ระบายยิ้มออกมาเธอไม่เถียงน้องสาวให้เมื่อยปากหรอกเพราะถึงอย่างไรนลินญาก็ทำอยู่ดี
“มาแล้ว”
“พี่ไม่เคยกินน้ำส้มที่ไหนอร่อยเท่าเอ๋ยกับป่าปี๊ทำเลย”
“แน่นอน อนาคตเอ๋ยต้องเป็นเชฟอย่างป่าปี๊แน่ ๆ” เมื่อเอาน้ำส้มให้พี่สาวดื่มแล้วนลินญานั่งเหลือบสายตามองพี่สาวที่กำลังกินน้ำส้มที่เธอทำอย่างอารมณ์ดีจากนั้นเธอจึงค่อย ๆ ลองหย่อนคำพูดดูว่าพี่สาวของเธอจะสงสัยในคำถามของเธอหรือเปล่า
“พี่จ๋า”
“ว่าไง”
“พี่พ้อยต์เขามีแฟนแล้วเหรอ” จ๊ะจ๋าเงยหน้าขึ้นมองนลินญาเธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่น้องสาวถามขึ้นแบบนี้ และเธอคาดเดาเอาว่าน้องสาวของเธออาจจะมีความรู้สึกอะไรบางอย่างให้กับพาริชก็ได้
“ไม่มีนะ แต่งานพี่พ้อยต์เขาเครียดน่ะ เขาอาจจะต้องหาที่ระบายบ้าง” ระบายทางอื่นได้ไหมอย่างเช่นเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายระบายที่ไม่ใช่การทำกับผู้หญิงน่ะ
เธอรู้สึกหวงอย่างไรก็ไม่รู้
“แกเป็นอะไรของแกเนี่ยเอ๋ย หรือแกชอบพี่พ้อยต์? หรือแค่ห่วงพี่ชายว่ะ”
“เอ๋ยไม่ได้ชอบพี่พ้อยต์สักหน่อย เอ๋ยแค่เห็นว่าพักหลัง ๆ มานี้มีผู้หญิงไปหาพี่พ้อยต์บ่อยเอ๋ยเลยสงสัย” อ้อที่แท้น้องสาวของเธอก็แค่อยากรู้อยากเห็นไปตามประสาเท่านั้นเอง