คุณหญิงเพ็ญแขได้แต่ระบายลมหายใจหนักๆ นางเข้าใจการเสียสละของลูกชาย แต่นางก็หวังให้ลูกอยู่ใกล้ๆ ในช่วงบั่นปลายชีวิต หากใครจะมองว่านางเห็นแก่ตัวก็ช่างเถอะ มีใครบ้างเล่าอยากเห็นลูกตัวเองไปลำบากลำบนแห่งหนใดก็ไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมาเห็นหน้ากับนับชั่วโมงได้เลยทีเดียว
“คุณแม่ต้องรักษาตามที่คุณหมอแนะนำนะครับ” ธันวายืนกรานประโยคเดิม
คุณหญิงเพ็ญแขมองหน้าลูกชายคนเล็กแล้วยิ้มที่มุมปาก “ฉันผ่าตัดก็ได้แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรครับคุณแม่” ลูกชายคนโตขมวดคิ้ว เวลาอย่างนี้คุณแม่จะมีเงื่อนไขอะไรอีก
“แกต้องแต่งงานกับหนูมิ้นต์”
“อะไรนะครับ” คราวนี้เป็นธันวาที่นิ่งไป ไม่คิดว่าคุณแม่จะจู่โจมด้วยวิธีนี้
“ได้ยินชัดแล้วนี่” มารดาแสร้งไอแห้งๆ “ถ้าแกแต่งงานกับหนูมิ้นต์ แม่ถึงจะยอมผ่าตัด”
“คุณแม่ค่ะ” ดารัณไม่คิดว่าท่านจะพูดแบบนี้ เธอแทบไม่กล้ามองหน้าพี่ธันวาของเธอเลย เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบเธอแต่การทำแบบนี้เขาจะยิ่งเกลียดเธอหนักขึ้นไปอีก
“ถ้างั้นฉันก็ไม่ผ่าตัด” คุณหญิงเพ็ญแขโบกมือไล่ทุกคน “ออกไปได้แล้ว ฉันอยากพักผ่อน ถ้าแกทำให้แม่ไม่ได้นะธันวาแกก็กลับไปใช้ชีวิตของแกแล้วปล่อยแม่ไว้แบบนี้แหละ”
ในเมื่อคุณหญิงเพ็ญแขทำท่าไม่ต้องการสนทนากับใครอีก ทั้งหมดจึงออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบๆ และเมื่อประตูห้องปิดลง สายตาทุกคู่ล้วนจ้องมองที่ธันวาเพราะเขาคือคำตอบของเงื่อนไขที่มารดาได้ตั้งไว้ ธันวาเสยผมขึ้นอย่างหงุดหงิด กรกฎรู้นิสัยน้องชายคนเล็กดีเขาได้แต่ตบไหล่น้องเบาๆ ก่อนจะดึงมือภรรยาให้เดินจากมาเหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่ต้องตัดสินใจชีวิตกันเอง
“พี่ธันคะ” น้ำเสียงสั่นเครือและดวงตาคู่สวยมีน้ำตาเอ่อคลอ “มิ้นต์ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”
“พูดตอนนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว” เขาถอนแว่นตาแล้วยกมือกดหัวคิ้วบรรเทาความตึงเครียดแล้วทำท่าจะหมุนตัวเดินจากไป แต่มือเรียวเล็กของดารัณดึงชายเสื้อของเขาไว้ก่อนจนชายหนุ่มต้องหันกลับมามอง
“แต่งงานกับมิ้นต์นะคะพี่ธัน”
ชายหนุ่มตะลึงงันไปกับคำพูดของหญิงสาว
“พูดอะไรออกมา” เขาทำน้ำเสียงดุ “มันต้องมีวิธีอื่นซิ”
“มิ้นต์ไม่รู้” หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตา “ตั้งแต่คุณแม่ของมิ้นต์เสีย มิ้นต์ก็มีแต่คุณหญิงเพ็ญแขที่คอยดูแลมิ้นต์มาตลอด มิ้นต์ทำได้ทุกอย่างค่ะ ขอเพียงให้ท่านปลอดภัย”
ชายหนุ่มอยากเช็ดน้ำตาให้แต่มือของเขาหนักเกินกว่าจะยกขึ้นได้ เขาเป็นลูกแท้ๆ ยังไม่คิดจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาเหมือนหญิงสาวตรงหน้า ก็อาจเป็นไปได้เพราะช่วงสิบปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่ได้อยู่บ้านเลยด้วยซ้ำ คงมีแต่ดารัณที่คอยดูแลมารดาของเขาแทนเขานั้นแหละ แต่ก็เขาแทบไม่รู้จักผู้หญิงตรงหน้าเอาเสียเลย ซ้ำยังเพิ่งบอกขอเลิกกับเธอไปหมาดๆ มารดาของเขาคงรักผู้หญิงคนนี้มากถึงกับยอมเอาการแต่งงานมาเป็นเงื่อนไขในการรักษาตัวเช่นนี้
“เราแต่งกันเงียบๆ ไม่ต้องจัดงานอะไรก็ได้ ขอแค่ให้คุณแม่สบายใจและเข้ารับการผ่าตัด” ดารัณกลั้นเสียงสะอื้นไว้ “หลังจากนั้นแล้ว พี่ธันจะหย่ากับมิ้นต์ก็ได้ค่ะ”
“หย่า?” แค่แต่งงานเขายังไม่คิดแต่เธอคนนี้คิดเรื่องหย่าให้เขาซะแล้ว
“ถ้าคุณแม่ดีขึ้นแล้ว มิ้นต์...มิ้นต์จะเป็นฝ่ายขอเลิกเองค่ะ คุณแม่จะได้ไม่ตำหนิพี่ธันและคิดว่าที่เราไปกันไม่ได้จริงๆ เพราะมิ้นต์เองไม่ใช่พี่ธัน”
ธันวาโคลงศีรษะไปมา เอาซิ ดูคู่หมั้นของเขาใจกล้าขนาดจะปกป้องเขาเสียเหลือเกิน พูดจาให้เขากลายเป็นคนอื่นของครอบครัวไปแล้ว เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วเขาเพิ่งจะบอกเลิกกับเธอแต่ตอนนี้เธอกลับมาขอเขาแต่งงานเสียนี่ แถมเป็นการแต่งเพื่อมารดาของเขาอีกด้วย
“ไม่ต้องมีพิธี ไม่ต้องเชิญแขก เอาแค่คนในครอบครัวของเรา และที่สำคัญแต่งงานให้เงียบที่สุด”
“คะ?” ดารัณเงยหน้าจ้องมองริมฝีปากของเขาราวกับว่าตนเองหูแว่วไป
“เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด” ธันวาเชยคางหญิงสาวขึ้น “มันเป็นเพียงเงื่อนไขที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะฉะนั้นอย่าคาดหวังจะเอาอะไรกับผม”
ดารัณเม้มปากแน่น ทำไมเขาเรียกตัวเองแบบนั้น ‘ผม’ ฟังดูช่างแสนห่างเหิน แต่เขาก็บอกแล้วว่าอยากเรียกร้องเอาอะไรกับเขา หัวใจทีเคยเปี่ยมไปด้วยความรักกลับแตกสลายอย่างปวดร้าว หากการบอกลาอาจเจ็บเพียงครั้งเดียวแล้วค่อยๆ ด้วยการรักษาแผลใจ ทว่าการเจ็บป่วยของญาติผู้ใหญ่ที่เธอรักและเคารพทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้ “ค่ะ มิ้นต์ทราบดี”
หญิงสาวถอยห่างออกมาครึ่งก้าวก็พ้นมือของเขา “พี่ธันเข้าไปคุยกับคุณหมอเรื่องการรักษาเถอะค่ะ มิ้นต์จะกลับบ้านไปเรียนให้คุณพ่อทราบก่อน ส่วนเรื่องที่เหลือมิ้นต์จัดการเองค่ะ”
ดารัณหมุนตัวแล้วก้าวเร็วๆ ออกมา รถของเธออยู่บ้านของคุณหญิงเพ็ญแข ตอนออกมาออกมาพร้อมกับคนอื่นๆ แต่จะให้เข้าบ้านเขาไปเอารถคงไม่ใช่ตอนนี้ หญิงสาวเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์โทรบอกคนขับรถที่บ้านให้มารับเธอก่อนจะไปรับรถที่อยู่บ้านคุณหญิงเพ็ญแข
“คุณหนูมิ้นต์หน้าตาซีดเซียวเชียวครับ คุณหญิงไม่สบายหรือคุณหนูไม่สบายครับเนี้ย”
ลุงชัยคนขับรถเก่าแก่ชวนคุยหลังจากรีบเอารถมารับคุณหนูของบ้าน ซึ่งบังเอิญว่าคุณผู้ชายใช้ให้เขามาทำธุระนอกบ้านพอดีจึงมาถึงเร็วในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะลุง” ดารัณส่ายหน้าไปมา “ลุงไปเอารถให้หนูมิ้นต์หน่อยนะคะ เดี๋ยวมิ้นต์เอารถคันนี้กลับไปใช้ก่อน”
“ครับคุณหนู”