ตอนที่ 7 ร่วมหอลงโรง(1)

2925 Words
      ตอนที่ 7 ร่วมหอลงโรง(1)     การกระทำของเว่ยฉือหลี่หมิงทำให้ใต้เท้าเซียวหน้าตึงขึ้นมาในทันใด บุตรสาวของเขากลับมาที่จวนได้แค่ปีเดียวก็ถูกคนผู้นี้คว้าไปครอบครองแล้ว การกระทำอันบัดสีต่อหน้าผู้คนมากมายในห้องโถงแห่งนี้ หากเล่าลือออกไปข้างนอก อย่างไรเซียวม่านหลิวก็ไม่สามารถแต่งให้คนอื่นอีกต่อไปแล้ว เขาจึงทำได้เพียงสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้นทำเสียงฮึ่มๆ ในลำคอ กระทั่งบุตรสาวของเขาดันใบหน้าของชายไร้ยางอายผู้นั้นออกห่าง จึงทำใจพูดออกมาได้ “กลับไปเตรียมสามหนังสือให้พร้อม บุตรสาวขุนนางใหญ่แต่งออกไปให้ใต้เท้าหลี่ พิธีการทั้งหกห้ามขาดตกบกพร่อง มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าใจจืดใจดำแยกคู่รัก ฮึ!” พูดจบเขาก็เดินสะบัดชายอาภรณ์จากไปโดยไม่สนใจจะทำความเคารพผู้ใดทั้งสิ้น บุตรสาวที่เขารักยิ่งกว่าชีวิตกำลังจะแต่งงานกับคนหน้าด้านเช่นนี้ หากไม่กลัวว่าเซียวม่านหลิวจะท้องไม่มีพ่อจนถูกผู้คนติฉินนินทา เขาไม่มีทางปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่ายๆ เด็ดขาด หึ…พ่อตาอย่างข้ามิใช่ตาแก่ไร้พิษสง คอยดูเถอะ! “ท่านพ่อ!” เซียวม่านหนิงวิ่งตามบิดาไป นางหันมามองน้องสาวของตนแวบหนึ่งโดยที่ไม่ได้มองหน้าเว่ยฉืออวี่หยางแม้แต่น้อย เว่ยฉืออวี่หยางไหนเลยจะมีกะจิตกะใจสนใจผู้อื่น ภาพบาดตาเกิดขึ้นตรงหน้า เขาได้แต่เก็บความรุ่มร้อนไว้ในใจจนอัดแน่น ดวงตาแดงก่ำจวนเจียนจะระเบิดโทสะอยู่รอมร่อ เว่ยฉือหลี่หมิงกระตุกยิ้ม มองหน้าผีแม่ม่ายของเขาที่ใช้มือเช็ดถูริมฝีปากของตัวเองพลางบ่นงึมงำ ในใจพลันนึกถึงสิ่งที่ใต้เท้าเซียวกล่าว สามหนังสือหกพิธีการ[1]…ผ่านมาจะร้อยปีแล้ว ยังคงรูปแบบเดิมอยู่หรือ พิธีการครั้งนั้นเขาไม่มีทางลืมง่ายๆ อย่างแน่นอน กาลเวลาเปลี่ยน…เจ้าสาวเปลี่ยน… “ท่านอ๋องน้อย…ข้าจะส่งเทียบเชิญงานแต่งไปให้ท่านอย่างแน่นอน” เขาพูดยิ้มๆ เว่ยฉืออวี่หยางแค่นเสียงอย่างไม่สบอารมณ์ หันหลังเดินจากไปด้วยแรงโทสะ “กลับ!” ฟูเหรินรองรอจนสบโอกาสจึงก้าวขึ้นหน้า ไต่ถามเว่ยฉือหลี่หมิงด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “คุณชายหลี่ บุตรสาวข้าอีกสองคนก็รูปร่างหน้าตางดงาม ท่านหมายจะสู่ขอพวกนางไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ เป็นบุรุษต้องมีสตรีอ่อนหวานเข้าเรือนให้มากหน่อย อนาคตจะได้มีลูกหลานไว้ใช้สอย อีกอย่างม่านหลิวของพวกเราก็ปัญญาอ่อนท่านอาจจะเบื่อ…” เว่ยฉือหลี่หมิงเลิกคิ้วอย่างสนใจ เขาหันไปสบตากับเซียวม่านหลิว ทว่านางกลับทำเป็นไม่สนใจ สุดท้ายจึงรั้งไหล่ของนางเข้ามาแนบชิด กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มชวนระทวย “ขอบคุณฟูเหรินเป็นอย่างยิ่งที่กลัวว่าหลิวหลิวของข้าจะเหงา แต่สาวใช้ในบ้านข้ามีมากพอแล้ว อีกอย่างหากหลิวหลิวปัญญาอ่อนได้ก็ยิ่งดี ข้าต้องการสตรีที่ทำตัวเป็นแม่หมู กินนอนแล้วมีลูกให้ข้าก็พอ เรื่องในเรือนก็ให้พ่อบ้านจัดการไป ฟูเหรินไม่ต้องกังวล” สิ้นเสียงของเขา ฟูเหรินรองก็หน้าม้าน นางปากคอสั่นเทา ใบหน้าบิดเบี้ยวจนแป้งที่ทาอยู่หลุดลอก พลันลากบุตรสาวที่ยืนกระมิดกระเมี้ยนออกจากห้องโถงไปอย่างรวดเร็ว เซียวม่านหลิวเห็นว่าคนในบ้านนางออกไปจนหมดแล้ว จึงหันมาเหยียบเท้าชายหนุ่มแรงๆ คราหนึ่ง บอกกับเขาว่า “ข้าจะหาแม่หมูมาให้ท่านสมสู่อย่างแน่นอน”   หนึ่งวันหลังจากที่เขากลับมายังลั่วหยาง เว่ยฉือหลี่หมิงตรงดิ่งเข้าวังในกลางดึก อำนาจที่เขามีเพียงพอให้ผู้คนไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ในมือของเขาก็คือกล่องใส่ปิ่นหยกหงส์ขาวประกาย องค์จักรพรรดิทรงตื่นบรรทมกลางดึก ครั้นเห็นชายแปลกหน้าก็ตื่นตะลึงจนตาค้าง “จะ…เจ้าเป็นใคร?” ชายหนุ่มคนนั้นจุดตะเกียงในห้องบรรทม แสงสีทองอาบร่างของทั้งสอง องค์จักรพรรดิทรงทอดพระเนตรใบหน้าของชายคนนั้นให้ชัดเจน พลันตื่นตะลึงจนไม่อาจตรัสอะไรออกมาได้ “ฝ่าบาท…ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหน้าห้องร้องถาม “ไม่มีอะไร เราแค่ตื่นมาเขียนอะไรสักหน่อย” “พ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าของคนที่ถูกสั่งสอนให้จดจำมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ไหนเลยจะลืมเลือน พลันทอดพระเนตรเห็นของในมือของชายหนุ่มคนนั้น ปิ่นหยกที่เป็นของสำคัญในราชวงศ์ซึ่งหายสาบสูญมานานนับร้อยปี ประกายแสงสีทองในเนื้อหยกกำลังเต้นระริกราวกับมีชีวิต รางสูงศักดิ์ของจักรพรรดิองค์ปัจจุบันทรงทรุดลงบนพื้น อากัปกิริยาคล้ายจะก้มลงถวายความเคารพ ทว่าชายหนุ่มรีบประคองพระวรกายพลันพูดขึ้น “ท่านเป็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน อย่าทำตนให้เสื่อมเกียรติด้วยการกระทำเช่นนี้” พระเนตรคมกริบขององค์จักรพรรดิทรงไหวระริก ความรู้สึกมากมายประดังประเดเข้ามาจนกระทำตัวไม่ถูก “ระ…รัชทายาท ไม่สิ องค์ไท่หมิง ละ…หลานต้องทำความเคารพพระองค์ในฐานะทายาทสิพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยฉือหลี่หมิงส่ายหน้า รีบประคองพระวรกายขององค์จักรพรรดิให้นั่งลงบนแท่นบรรทม “ด้วยเกียรติของโอรสสวรรค์ พระองค์ไม่จำเป็นต้องกระทำตนเช่นนี้” “แต่เสด็จปู่และเสด็จพ่อของข้าได้บอกเอาไว้ว่าหากพบพระองค์ ต้องให้ความเคารพเสมือนเป็นอดีตจักรพรรดิ” “แทนตัวเองว่าเราดังเช่นตอนพูดคุยกับคนอื่นเถิด ข้าเป็นแค่คนที่ตายไปแล้ว กลับมาครั้งนี้มิได้หมายกลับมาครองบัลลังก์ สิ่งใดที่ตกเป็นของผู้อื่นไปแล้ว ข้าไม่คิดชิงมาเป็นของตัวเอง” องค์จักรพรรดิถูกอดีตจักรพรรดิและเสด็จปู่พร่ำสอนมาตั้งแต่ยังเล็ก วีรกรรมกำราบโจรสลัดที่ครอบครองน่านน้ำทะเลตงไห่ขององค์ไท่หมิงสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งแปดทิศ แม้ว่าองค์ไท่หมิงจะสิ้นพระชนม์ก่อนจะได้เถลิงราชสมบัติ ทว่าวีรกรรมที่ได้สร้างเอาไว้กลับเป็นที่เลื่อมใสของผู้คนและเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชน มีเพียงกษัตริย์ของต้าถังเท่านั้นที่รู้ว่าองค์รัชทายาทไท่หมิงเพียงรอวันกลับมา ครั้นได้พบตัวจริง กลับไม่สามารถตรัสอะไรได้อีก จนเว่ยฉือหลี่หมิงต้องบอกว่า “ฝ่าบาท ข้าในตอนนี้เป็นเพียงคนไร้ยศศักดิ์ อย่างมากก็มีฐานะแค่ทายาทสายตรงของอดีตรัชทายาท ยศศักดิ์ในอดีตเป็นเพียงภาพมายา อีกอย่างอาณาประชาราษฎร์ในรัชสมัยของพระองค์เองก็มีความสุขเป็นอย่างมาก ยุคทองแห่งราชวงศ์เช่นนี้กลับทำให้ข้าเลื่อมใสนัก” องค์จักรพรรดิหลังทรงได้รับคำชื่นชมก็พลันตื้นตันพระทัย ทอดพระเนตรใบหน้าที่ละม้ายพระองค์อย่างยิ่งแล้วพลันคิดถึงเสด็จปู่ ทว่าก็ไม่อาจจาบจ้วงเว่ยฉือหลี่หมิงได้ บุคคลที่เป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตของพระองค์ เว่ยฉือหลี่หมิงไม่คุ้นชินนักที่บุคคลที่มีใบหน้าแก่กว่าตนเองจะมาเรียกเขาด้วยความเคารพ พลันพูดกับองค์จักรพรรดิด้วยท่าทางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เอ่อ…ฝ่าบาท ข้าเองอายุในตอนนี้ก็แค่ยี่สิบสาม ก็ถือว่าข้าเป็นลูกหลานของพระองค์คนหนึ่งเถิดนะ แม้ว่าจะหลับใหลมานานเป็นร้อยปี แต่ระหว่างร้อยปีกลับมิได้มีประสบการณ์โชกโชนเช่นพระองค์ เทียบตามคุณวุฒิแล้วข้าก็ยังเป็นเพียงคนหนุ่มไฟแรงคนหนึ่งก็เท่านั้น” องค์จักรพรรดิพลันมีสีพระพักตร์แข็งทื่อ ไม่รู้จะวางองค์เองอย่างไรเช่นกัน บรรพบุรุษก็ส่วนบรรพบุรุษ แต่การกระทำด้วยความเคารพต่อหน้าผู้อื่นล้วนแล้วแต่จะนำข้อครหามาให้ เรื่องราวความลับของกษัตริย์มิได้มีผู้ใดล่วงรู้ พระองค์เองก็ตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะให้เรื่องเหล่านี้ค่อยๆ สืบทอดหลังจากตั้งรัชทายาท ทว่าในเมื่อองค์ไท่หมิงปรากฏอยู่เบื้องหน้า ตามคำสั่งเสียของเสด็จพ่อและเสด็จปู่ เพียงข้อเดียวที่มีก็คือ “เขาต้องการอะไรก็ยกให้ แม้แต่บัลลังก์ก็ให้ได้ ของที่ไม่ใช่ของเรามาตั้งแต่ต้น หากเจ้าของมิได้อยากจะให้ ความผาสุกในชีวิตและประเทศชาติจะถึงกาลอวสาน” “เช่นนั้นท่านต้องการอะไร” เว่ยฉือหลี่หมิงพลันอมยิ้ม “เรื่องนี้ไม่ยาก” เขายื่นกล่องบรรจุปิ่นหยกหงส์ขาวประกายให้องค์จักรพรรดิทอดพระเนตร “สู่ขอสตรีนางหนึ่งให้ข้า และมอบตำแหน่งขุนนางชั่วให้ข้า…หลี่หมิงด้วย” “อะไรนะ!”   หลังจากวันนั้น เว่ยฉือหลี่หมิงก็พาผู้ใหญ่ไปสู่ขอเซียวม่านหลิว พิธีการสู่ขอครั้งนี้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินไปทั่วทั้งเมืองลั่วหยาง เมื่อผู้ใหญ่ฝ่ายชายในครานี้ก็คือองค์จักรพรรดิที่เสด็จมาอย่างไม่เป็นทางการ ทว่าหูตาของคนที่สอดรู้สอดเห็นกว้างไกลกว่าที่คิด ไม่นานข่าวลือก็แพร่สะพัด กับพระนัดดาที่องค์จักรพรรดิทรงให้ความเอ็นดูยังไม่เสด็จมาด้วยองค์เอง ทว่ากับขุนนางคู่พระทัยคนใหม่จะสู่ขอหญิงสาว กลับเสด็จมาโดยง่ายดาย หลายคนจึงเริ่มเล่าลือถึงบารมีของเว่ยฉือหลี่หมิงว่ามีดีอะไรนักหนา ใต้เท้าเซียวคราแรกคิดจะเล่นแง่เสียหน่อย ครั้นพบพระพักตร์องค์จักรพรรดิกลับปากคอสั่นเทา ตรัสอะไรมาก็รับคำโดยไม่มีบิดพลิ้วแม้แต่น้อย เซียวม่านหลิวเองระหว่างนี้ก็ถูกขังอยู่แต่ในเรือน บิดาของนางไม่ยอมให้ออกจากประตูเรือนแม้แต่ก้าวเดียว มีเพียงพี่สาวและสาวใช้ที่คอยส่งข่าวเป็นระยะ นางเองก็คาดไม่ถึงมาก่อนว่าเรื่องราวจะใหญ่โตถึงเพียงนี้ องค์จักรพรรดิทรงตรัสว่าเว่ยฉือหลี่หมิงเป็นทายาทของอดีตรัชทายาทไท่หมิงที่สิ้นพระชนม์ไป ต่อมาเปลี่ยนสายสกุลเป็นสกุลหลี่ตามพระนามเดิมของอดีตรัชทายาท หลี่หมิงจึงเปรียบเสมือนพระญาติที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับราชวงศ์พอสมควร การรับรองศักดิ์ฐานะนี้ทำให้ชื่อของหลี่หมิงถูกจัดให้อยู่ในทำเนียบเชื้อพระวงศ์ แม้จะเป็นเรื่องที่น่ากังขา ทว่ากษัตริย์ตรัสแล้วใครจะกล้าทักท้วง อีกอย่างหงส์ขาวประกายที่หลี่หมิงมีในครอบครองก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาเป็นทายาทสายตรงจริงๆ เว่ยฉือหลี่หมิงจึงได้ฤกษ์ใช้ชื่อใหม่ของตนเป็นหลี่หมิงเพื่อลงนามในหนังสือสมรสอย่างเป็นทางการ แน่นอนว่าวันเดือนปีเกิดของเซียวม่านหลิวถูกโหรหลวงนำไปเสี่ยงทายในแท่นบูชาบรรพกษัตริย์ ทว่ามีคนเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้ หลังจากผ่านการเสี่ยงทายแล้วองค์จักรพรรดิเองจึงให้คนที่ดูแลทรัพย์สินส่วนพระองค์มาจัดการเรื่องสินสอดให้กับเซียวม่านหลิวในวังเทียนมิ่ง ข้าวของโบราณล้ำค่าหลักร้อยปีจึงถูกนำมาจัดเป็นรายการสินสอด ส่งผลให้บรรดาหญิงสาวมากมายต่างก็เกิดความริษยา อยากเห็นแล้วว่าหลี่หมิงผู้นี้หน้าตาเป็นอย่างไร เล่ากันว่าผู้ที่ตำแหน่งสูงเทียบเท่ามหาเสนาบดี ย่อมอายุอานามมากโข ทว่าเมื่อได้ฤกษ์ยามที่เหมาะสมในอีกหนึ่งเดือนต่อมา สตรีมากหน้าหลายตาก็พลันเกิดอาการตาร้อนจนอยากจะร่ำไห้ อายุอานามมากโขอะไรกัน ใต้เท้าหลี่หมิงถึงกับยังหนุ่มแน่น ทั้งยังรูปงามนามเพราะ สง่าราศียังเหนือล้ำกว่าท่านอ๋องน้อยอยู่หลายส่วน หลายคนจึงเล่าลือกันว่าเป็นเพราะหลี่หมิงเพียบพร้อมทั้งรูปและทรัพย์ ศักดิ์ตามสายเลือดก็มิใช่คนไร้หัวนอนปลายเท้า เซียวม่านหลิวเจ้าสาวของงานจึงเลือกเขาแทนที่จะเป็นท่านอ๋องน้อยเว่ยฉืออวี่หยาง แต่งกับอนาคตอ๋องคนต่อไปย่อมลำบากใจเรื่องการครองเรือน ทว่าหากแต่งสามีผู้เก่งกล้าสามารถแต่เป็นเพียงขุนนาง อย่างน้อยเรื่องการแต่งงานก็ยังมีสิทธิ์มีเสียงบ้าง ครั้นเกี้ยวขนาดสิบแปดคนหามจอดเทียบหน้าประตูจวนตระกูลเซียว ใต้เท้าเซียวก็ยืนรออยู่ก่อนแล้ว หลี่หมิงก้าวขึ้นหน้าพลางคารวะพ่อตาแม่ยายตามธรรมเนียม ด้านหลังมีคนของเขาจำนวนหนึ่งตามเข้ามาด้วย ใต้เท้าเซียวพาหลี่หมิงและบุตรสาวที่สวมชุดแต่งงานสีแดงเข้าไปในศาลบรรพชน หลังจากไหว้บรรพชนตามธรรมเนียมแล้วจึงได้ฤกษ์ส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวเพื่อไปทำพิธีที่วังเทียนมิ่ง ใต้เท้าเซียวแม้คราแรกจะไม่พอใจนัก ทว่าเมื่อนึกได้ว่าบุตรสาวของตนเองกำลังจะแต่งงานโดยมีองค์จักรพรรดิทรงเป็นองค์ประธานก็ได้แต่ตื้นตันอยู่ในใจ หากแต่เป็นเพราะยังไว้ท่าอยู่บ้าง ใบหน้าจึงคล้ายไม่แสดงความกระตือรือร้นนัก เกี้ยวเจ้าสาวเคลื่อนออกจากจวนตระกูลเซียวเพื่อมุ่งไปยังวังเทียนมิ่งที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของลั่วหยาง จวนตระกูลเซียวสาดน้ำ[2]หน้าบ้านเพื่อเป็นการส่งเจ้าสาวครั้งสุดท้าย เสียงเครื่องดนตรีแห่ประโคมดังคลอเคล้าตลอดทางจนถึงวังเทียนมิ่ง งานแต่งคล้ายชื่นมื่น โดยเฉพาะองค์จักรพรรดิที่เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี ครั้นเห็นคนที่เคยถูกความรักทำร้ายเช่นองค์ไท่หมิงได้ตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝา ก็ปลาบปลื้มพระทัยยิ่งกว่าโอรสของพระองค์อภิเษกสมรสเสียอีก หลี่หมิงประคองร่างของเซียวม่านหลิวลงจากเกี้ยว เดินผ่านประตูวังที่ติดอักษรมงคลคู่และญาติที่โผล่มาโดยมิได้นัดหมาย ญาติผู้ใหญ่ของบ่าวสาวนั่งประจำที่เพื่อรอทำพิธี ใต้เท้าเซียวเองก็อดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อได้นั่งใกล้พระวรกายขององค์จักรพรรดิ พิธีการคำนับฟ้าดินนับว่าผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น   “ได้ฤกษ์ส่งตัวเข้าหอแล้ว…” ใครสักคนประกาศ หลังจากที่องค์จักรพรรดิทรงร่วมดื่มสุรามงคลเสร็จก็เสด็จกลับวังหลวง ใต้เท้าเซียวเองครั้นเสร็จสิ้นพิธีการต่างๆ ก็คิดจะกลับแล้วเช่นกัน แม้ว่าจะหวงบุตรสาวมาก กระนั้นแล้วบุตรสาวที่แต่งออกไปก็เสมือนน้ำที่สาดออกไป นางได้กลายเป็นคนของตระกูลอื่นไปแล้ว เขากุมมือบุตรสาวที่สวมชุดหงส์สีแดง แม้นางจะคลุมใบหน้า ทว่าก็อดมองผ้าคลุมสีแดงอย่างอาลัยอาวรณ์ไม่ได้ “หลิวหลิว…ต่อไปเจ้าต้องเชื่อฟังสามีนะ สามีคือฟ้าภรรยาคือดิน แต่ถ้าหากเขาคิดร้ายกับเจ้า อย่าลืมว่าจวนตระกูลเซียวเปิดต้อนรับเจ้าเสมอ” เขาหันไปเขม่นเจ้าบ่าวที่ทำหน้าทำตาชื่นมื่น พลันตบหลังมือเล็กๆ ของบุตรสาวเบาๆ “หลิวหลิว…พ่อจะไปแล้วนะ” เซียวม่านหลิวสะท้อนในอก นางกุมมือของบิดาแน่น รับรู้ถึงไออุ่นของเขา พลันรู้สึกร้อนวาบที่หัวตา “ท่านพ่อ…หลิวหลิวจะกลับไปเยี่ยมท่านบ่อยๆ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” “หลิวหลิว เจ้าอย่าซนให้มากนะ” เซียวม่านหนิงกล่าวย้ำ นางเองก็รู้สึกตื้นตันแทนน้องสาวไม่ได้ที่ได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที “อื้อ…พี่หนิง ท่านต้องเข้มแข็งให้มาก ข้าอยากเห็นท่านแต่งงานไวๆ นะ” เซียวม่านหนิงยิ้มบางๆ “จริงสิ…พี่ใหญ่จะกลับจากชายแดนแล้ว รอจนเขากลับมา เจ้าอย่าลืมกลับไปที่บ้านนะ” เซียวม่านหนิงเอ่ยถึงเซียวม่านถง บุตรชายคนโตของใต้เท้าเซียว ตั้งแต่เซียวม่านหลิวไปอยู่เฉินตู พี่ใหญ่ก็ประจำการในกองทัพ ครั้งนี้เป็นการกลับบ้านในรอบหกปี “อื้ม…” เซียวม่านหลิวรู้สึกแสบร้อนจมูก “พวกท่านกลับบ้านดีๆ นะ” ใต้เท้าเซียวมิอาจทนเห็นบุตรสาวเข้าห้องหอไปกับบุรุษอื่น จึงตัดใจกลับบ้านก่อนจะเสียฤกษ์ “พ่อไปละนะ” “รักษาสุขภาพด้วย”   “ส่งตัวเข้าหอ…!” สิ้นเสียงประกาศ หลี่หมิงก็ประคองเซียวม่านหลิวตามแม่สื่อไปยังเรือนหอของทั้งสอง ทว่าระหว่างทางนางพลันชะงักกึก ใจเริ่มประหวั่นขึ้นมาจึงกระซิบกับเขาว่า “ท่านเคยพูดว่าอะไรจำได้หรือไม่” หลี่หมิงเลิกคิ้ว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลันปรากฏ ทว่านางมิอาจมองเห็น “ที่ว่าข้าจะไม่แตะต้องสตรีที่ไม่ได้รักอย่างนั้นหรือ” “อื้อ…” “นั่นย่อมแน่นอน” เขาพูด แต่ไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าจะไม่ทำอย่างอื่น หึหึ เพียงแค่คิดใบหูของชายหนุ่มก็แดงซ่านโดยไม่รู้ตัว คนทั้งสองต่างก็จมสู่ความเงียบงัน มีเพียงแม่สื่อที่หันมองเป็นระยะแล้วอมยิ้ม จบตอน(๑)       [1] พิธีการแต่งงานที่เริ่มมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์โจว สามหนังสือได้แก่ หนังสือหมั้นหมาย หนังสือแสดงสินสอด และหนังสือรับตัวเจ้าสาว หกพิธีการได้แก่ สู่ขอ ขอวันเดือนปีเกิด เสี่ยงทาย มอบสินสอด ขอฤกษ์ รับเจ้าสาว [2] ขณะส่งตัวเจ้าสาวออกเดินทางครอบครัวฝ่ายหญิงบางครอบครัวจะนำน้ำสะอาดสาดตามหลังเกี้ยว หมายถึง ลูกสาวแต่งงานไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นสมาชิกของครอบครัวฝ่ายชายเหมือนน้ำที่สาดออกไป -------------------------------------------
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD