เธอได้แต่นึกตำหนิตัวเองในใจ ที่ลืมคิดไปว่าคนที่เพิ่งสูญเสียคงไม่อยากเอ่ยถึงเหตุการณ์ที่พรากภรรยาสุดที่รักไปจากเขา
“อินขอโทษค่ะ”
หางตาคมตวัดมองมาปราดหนึ่งก่อนกลับไปมองถนน
“ขอโทษเรื่องอะไร”
เสียงห้าวมีกังวานทุ้มนุ่มน่าฟัง ถามมาราบเรียบ
“ก็ที่อิน... พูดถึงพี่อัญทั้งๆ ที่ น่าจะน่าจะรู้ว่าพี่ณัทคงไม่อยากพูดถึงเพราะยังเศร้าใจ”
อนิลทิตาไม่แน่ใจนัก ว่าได้ยินเสียงถอนใจคล้ายจะเหนื่อยหน่ายจากจริงๆ หรือคิดไปเอง เพราะเมื่อพูดขึ้นกังวานหางเสียงของชายหนุ่มเรียบสนิท
“อินไม่ต้องขอโทษพี่หรอก สักวันอินอาจจะมีโอกาสได้รู้ก็ได้ ว่าทำไมพี่ถึงไม่อยากพูดถึงพี่สาวของอินในตอนนี้”
ณัทธรชะลอความเร็วลงเมื่อใกล้ปากทางเข้าไร่
“อย่างที่พี่บอกอินไปนั่นแหละ อยากรู้อะไรเกี่ยวกับพี่สาว อินก็ถามเอาจากคุณอาละกัน”
อนิลทิตาไม่ได้ถามมารดาในทันทีที่กลับมาเจอกันที่วัดอีกครั้ง รออยู่กระทั่งงานศพผ่านไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเธอจะต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะที่มานี้ก็ลางานมากะทันหัน หลังฌาปนกิจเสร็จสิ้นจึงคิดจะอยู่อีกแค่วันเดียว
แต่พอบอกมารดา ฝ่ายนั้นก็มีปฏิกิริยาทันที
“อะไรกัน? อินจะทิ้งแม่ทิ้งหลานไปแล้วหรือ น่าจะอยู่ต่ออีกหน่อย”
“อินต้องกลับไปทำงานนะคะแม่ นี่ก็ลาเขามาหลายวันเต็มที”
ดวงทิพย์มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่นานก่อนตัดสินใจพูดขึ้น
“อินจะลาออกจากงานแล้วกลับมาอยู่บ้านเราไม่ได้หรือลูก”
“กลับมาอยู่บ้าน? แม่จะให้อินกลับมาทำมาหากินอะไรที่นี่คะ?”
“ก็... ที่ไร่พ่อณัทน่าจะมีตำแหน่งงานว่าง อินก็ไปช่วยพี่เขาดูแลเรื่องบัญน้ำบัญชีก็ได้นี่จ๊ะ”
อนิลทิตาส่ายหน้า
“ม่ายยล่ะค่ะ งานที่อินทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว แล้วอินก็ได้งานนี้มาด้วยความสามารถของตัวเอง ขืนไปของานที่ไร่ทำ คนที่เขาทำอยู่ก่อนอาจเดือดร้อนต้องหางานทำใหม่ จะเป็นบาปแก่ตัวซะเปล่าๆ”
“คนที่เคยทำ ลาออกไปสักพักแล้วล่ะ” ดวงทิพย์พูดไม่มองหน้าบุตรสาว “พ่อณัทเขายังไม่มีเวลาหาคนใหม่มาแทน ก็พอดีมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน”
“แม่พูดขึ้นมาพอดี อินว่าจะถามตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว แต่เห็นท่าทางแม่ดูเพลียๆ ก็เลยไม่อยากกวน”
“ถามเรื่องอะไร”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่อัญขับรถไปประสบอุบัติเหตุตามลำพัง อินเคยถาม...พี่ณัท แต่เขาบอกให้มาถามแม่จะดีกว่า”
ดวงทิพย์ถอนใจ
“น่าเห็นใจพ่อณัท”
“ที่ต้องกลายเป็นพ่อม่ายกะทันหันนะหรือคะ?”
“ที่ต้องมาแต่งงานกับยายอัญ”
“อะไรกันคะ?”
“แม่พูดจริง คนดีๆ อย่างพ่อณัทควรได้เมียดีกว่านี้ แม่ก็ไม่อยากว่าพี่สาวเราหรอก ไหนๆ ยายอัญก็จากไปแล้ว เรื่องราวอะไรต่างๆ ก็ควรปล่อยให้จบๆ จะดีกว่า แต่จะให้แม่กลับความรู้สึกจากที่เคยเห็นไม่ดีไม่งาม เป็นเห็นดีเห็นงามเพียงเพราะคนๆ นั้นตายไปแล้ว แม่ก็ทำไม่ได้”
“แม่พูดเหมือนกับว่ามีอะไรที่อินไม่เคยรู้?”
“มากมายหลายอย่าง ส่วนใหญ่ก็วีรกรรมของพี่สาวเรานั่นแหละ”
“อินไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย?”
“ถ้าแม่ไม่เล่า เราจะไปรู้ได้ไงล่ะ”
“เท่าที่พี่อัญเคยโทรไปบ่นกับอิน ฟังว่าพี่ณัทไม่ค่อยมีเวลาให้ไม่ใช่หรือคะ”
“ก็แค่นั้นแหละที่ยายอัญพอจะยกขึ้นมาอ้างได้ ในเมื่อพ่อณัทได้พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด”
“พี่อัญมีปัญหาอะไรกับพี่ณัทอย่างนั้นหรือคะ แล้วที่ขับรถไปประสบอุบัติเหตุ...”
“พี่สาวเราเขาตั้งใจจะเข้ากรุงเทพฯ ไปทัวร์ต่างประเทศกับกลุ่มเพื่อนไม่เป็นโล้เป็นพายของเขาที่อยู่กันที่กรุงเทพฯ นั่นแหละ บอกตามตรงนะ แม่ยังเสียใจจนทุกวันนี้ ที่ยอมให้ยายอัญได้เข้าไปใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ ห่างหูไกลตาพ่อแม่กระทั่งกลายเป็นว่าวขาดลอยรั้งไม่อยู่กู่ไม่กลับ”
“แม่โทษตัวเองก็ไม่ถูกนะคะ” อนิลทิตาไม่เห็นด้วย
“อย่าลืมว่าไม่ใช่แค่พี่อัญที่อยากเข้าไปเรียนต่อในกรุงเทพฯ จะว่าไปแล้ว อินต่างหากที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้ แล้วตลอดเวลาเราก็มีคุณป้าคอยดูแล ไม่ใช่ไม่มีญาติผู้ใหญ่ให้คำปรึกษาเสียเมื่อไหร่กัน”
‘คุณป้า’ ที่อนิลทิตาพูดถึง คือพี่สาวคนเดียวของมารดา
ดวงแก้ว เตชะคุปต์ ออกเรือนไปกับนักธุรกิจใหญ่ชาวกรุง เมื่อสามีจากไปด้วยโรคมะเร็ง ในปีเดียวกับที่หลานสาวคนเล็กเรียนจบมหาวิทยาลัย หลังจัดงานศพสามีเรียบร้อยก็ตัดสินใจไปอยู่กับบุตรสาวที่ไปตั้งรกรากอยู่ต่างประเทศ
“แล้วแม่ก็อย่าไปโทษป้าดวงล่ะว่าดูแลหลานไม่ดี” อนิลทิตาพูดต่อ
“ไม่หรอก แม่รู้ว่าเขาได้ทำหน้าที่ผู้ปกครองของหลานๆ อย่างดีแล้ว ถึงแม้บางทีแม่อดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าป้าดวงของเราอาจจะเกรงใจแม่กับพ่อ เลยไม่กล้าดุกล้าว่ากล่าวหลานมากมาย ยายอัญถึงได้... โตมาเป็นคนแบบนั้น”
“ไม่จริงค่ะ” อนิลทิตาค้านมารดาเสียงแข็ง “ป้าดวงอบรมอินกับพี่อัญอย่างเห็นเป็นลูก ไม่ใช่แค่หลานเท่าๆ กัน ถ้าผลจะออกมาดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ก็เห็นจะขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า”
“ก็จริงนะ ไม่อย่างนั้นอินก็คงเสียผู้เสียคนไปแล้ว แทนที่จะเรียนจนได้ใบปริญญาให้พ่อแม่ชื่นใจ”
“เรื่องเก่าๆ นั่นช่างเถอะค่ะ”
“มันช่างไม่ได้นะซี ถ้าแม่ไม่เพิกเฉย หลังจากรู้นิสัยพี่สาวเราเป็นยังไง เวลานี้ยายอัญก็อาจจะยังมีชีวิตอยู่”
“แม่กำลังโทษตัวเองอีกแล้วนะคะ”
ดวงทิพย์ถอนใจ หลายเรื่องหลายราวนักที่อัดสุมในอกใจผู้เป็นแม่ โดยที่อาจจะไม่มีวันได้เล่า ได้ระบายให้ใครสักคนฟังถึงความอึดอัดขัดข้องเกี่ยวกับบุตรสาวที่วายชนม์
“ตกลง อินเลยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“ก็อย่างที่แม่บอก ยายอัญทิ้งลูกทิ้งภาระหน้าที่ของตัวเองจะไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แต่มาเกิดเหตุเสียก่อน... เรื่องทัวร์ยุโรป อเมริกาอะไรนี่เขาหวังไว้มาก เคยฝันไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วจะต้องไปฮันนีมูนต่างประเทศให้ได้ เอาจริงเข้ามันมีหลายเรื่องเข้ามาช่วงนั้น ทำให้ไม่ได้ไปกัน ทีแรกก็...”
ดวงทิพย์หยุดมองหน้าบุตรสาวคนเล็ก
“แม่คงต้องบอกความจริงอิน”