“ไม่จริง!” ร่างเล็กเถียงออกมา เธอสั่นไปหมดทั้งตัวเหมือนลูกนก
“คุณอย่ามาปรักปรำพ่อของฉันจะดีกว่า ถ้าคุณไม่คิดจะช่วยเหลือพวกเราฉันก็จะกลับอเมริกาเดี๋ยวนี้”
“คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แทม!” โคเลสนิกตะเบ็งเสียงพร้อมทั้งก้มหน้าลงไปจนเกือบชิด เขาโกรธจัดและทำให้หญิงสาวถึงกับร้องไห้ออกมา
“คีธ...คุณปล่อยฉันไปนะคะ”
“ไม่!...จนกว่าคุณจะฟังเรื่องที่ผมเล่าให้จบซะก่อน แทม...คุณไม่อยากรู้หรือว่าพ่อของคุณเคยทำอะไรไว้บ้าง แต่ถึงคุณไม่อยากฟังคุณก็ต้องฟังในสิ่งที่ผมพูด...หลังจากที่ผมเป็นข่าว ยาซาโน่พยายามพูดปลอบใจ เขาทำเหมือนไม่โกรธและให้กำลังใจทุกอย่าง แต่มันก็เป็นแค่ละครฉากสั้น ๆ เพราะผมได้มารู้เบื้องหลังก็ตอนที่ผมกลับเข้าไปในค่ายมวยตอนที่ผมคิดว่าไม่มีใครอยู่ที่นั่น ยาซาโน่ตามหลังผมมา เขาคิดว่าไม่มีใคร แต่ผมได้ยินเสียงเขาคุยโทรศัพท์เรื่องที่ผมถูกจับได้ว่าใช้สารกระตุ้น ให้ตาย!...เขาพูดว่า แผนทุกอย่างสำเร็จแล้ว เขาคุยโทรศัพท์อยู่นาน และนั่นถึงทำให้ผมได้รู้ว่าเขาเองที่เป็นคนวางแผนล้มมวยเพื่อรับเงินจากพวกมาเฟียที่อยู่เบื้องหลังเรื่องระยำพวกนี้! ผมกลับรัสเซียและตัดสินใจกลับมาอเมริกาอีกครั้ง ถึงจะต้องแบกความบอบช้ำกลับมาด้วยแต่ผมก็ใช้เวลานั้นสร้างตัวเองเป็นโปรโมเตอร์ผลักดันนักมวยให้มีชื่อเสียงมากกว่านักมวยในสังกัดของยาซาโน่ ไม่มีใครคิดว่าผมจะสร้างอาคิลลาได้สำเร็จ แต่ผมก็ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นแล้วว่าความซื่อสัตย์และมุ่งมั่นมีค่ามากกว่าความพยายามของคนปลิ้นปล้อน!”
“ไม่จริง!...คุณพ่อไม่มีวันทำอย่างนั้น ท่านไม่มีวันขายตัวเองให้พวกมาเฟียหรือใครทั้งนั้น คุณโกหกฉันใช่มั้ยคีธ คุณไม่อยากช่วยพวกเราก็เลยอ้างเรื่องที่ไม่มีวันจะเกิดขึ้นจริง ๆ ”
ทิพชยาร่ำร้องจนลืมตัวดึงคอเสื้อของเขาไว้ หญิงสาวโหยไห้และแทบไม่รู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ โคเลสนิกเหยียดยิ้มอย่างหมิ่นแคลน เขาคาดเดาได้ถูกว่าลูกสาวของยาซาโน่ต้องไม่เชื่อในเรื่องอัปยศที่พ่อเธอทำ
“ฉันจะกลับอเมริกา กลับไปถามเรื่องนี้กับท่านด้วยตัวฉันเอง”
“คิดว่าจะกลับไปได้ง่าย ๆ รึยังไงในเมื่อคุณก็มาถึงที่นี่แล้ว”
ร่างสูงจับไหล่บางทั้งสองไว้ เขารั้งตัวเธอเข้าไปชิด คำพูดนั้นทำให้ทิพชยาตาวาว
“คีธ...คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ในเมื่อคุณก็ไม่คิดที่จะช่วยพวกเราอยู่แล้วและฉันก็มีสิทธิ์ที่จะกลับได้ทุกเมื่อ”
“คุณไม่ควรมาที่นี่ แทม...คุณไม่รู้หรอกว่าผมรอสิ่งนี้มานานแค่ไหน”
“สิ่งนี้...หมายความว่ายังไงคะ คีธ”
โคเลสนิกไม่ตอบแต่กดท้ายทอยให้ใบหน้าหวานแหงนรับจูบหนักที่ประกบปิดลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง คราวนี้รุนแรงกว่าครั้งแรก เรียวปากใสถูกบดขยี้จนรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด
“คีธ!”
“แบบนี้แหละที่เขาเรียกว่าเอาคืน!” ชายหนุ่มคำรามเสียงหนักเมื่อถอนจูบจากปากหญิงสาว ทิพชยาบิดตัวทว่าไม่อาจต้านแรงคนตัวโตและกล้ามเป็นมัดบนท่อนแขนแกร่งที่รัดรึงตัวเธอไว้ได้
“ผมจะเอาทุกอย่างที่พ่อคุณเอาไปจากผมกลับคืน เขาทำลายชื่อเสียงและชีวิตของผมจนย่อยยับป่นปี้ คราวนี้ผมก็จะขอทำลายสิ่งที่เขามีทุกอย่างไม่ให้เหลือเหมือนกัน!”
ดวงตาคู่งามเบิกโพลง ทิพชยาแทบไม่เชื่อหูตัวเองว่าโคเลสนิกจะเจ็บแค้นบิดาของเธอมากถึงขนาดนั้น เธอพลาดเสียแล้วที่มาหาเขาที่นี่ รังของพญาอินทรีซึ่งจะไม่ยอมปล่อยเหยื่อให้หลุดรอด
“คุณทำไม่ได้หรอกค่ะ คีธ...คุณจะกักขังฉันไว้ที่นี่ไม่ได้อย่างเด็ดขาด ถ้าพ่อฉันรู้เขาต้องตามมาแน่ และถึงตอนนั้นคุณจะต้องถูกจับโทษฐานกักขังหน่วงเหนี่ยวฉันเอาไว้”
“ให้เขามา!...ถ้ายาซาโน่มาถึงที่นี่เมื่อไหร่ผมจะฆ่าเขา”
“อย่านะคะ!”
“ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องปกป้องชีวิตพ่อของคุณ”
“คุณจะให้ฉันทำอะไร...คุณมันใจร้าย คีธ...คุณไม่เหมือนคีธที่ฉันเคยรู้จักมาก่อนเลย”
บทที่ 4
ร่างเล็กตัดพ้อ แม้จะผิดหวังหากก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการยอมจำนนต่อพญาอิทรีที่กำลังจะขยี้ชีวิตเธอ โคเลสนิกยกยิ้มอันร้ายกาจ เขากดรัดเธอไว้แนบลำตัวด้วยแขนข้างเดียว ขณะที่อีกข้างล้วงหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาและส่งให้หญิงสาว
“โทรไปหายาซาโน่ บอกพ่อของคุณว่าต้องอยู่ทำความตกลงกับผมที่บรัสเซลส์ต่ออีกสักระยะ”
ทิพชยาเอียงหน้า “อีกระยะหรือคะ...ฉันไม่รู้ว่าจะบอกท่านว่าอีกนานแค่ไหน ที่สำคัญฉันต้องกลับไปเรียนต่อที่ลอนดอนหลังจากนี้”
“มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผม...ไม่ว่าคุณจะบอกพ่อคุณยังไงหรือว่าจะต้องหยุดเรียนอีกนานแค่ไหน”
“คีธ...คุณกำลังจะทำลายอนาคตของฉันนะคะ ถ้าฉันไม่กลับไปมหาวิทยาลัยตอนนี้ต้องมีปัญหาแน่ ๆ “
“ก็เลือกเอาระหว่างอนาคตของคุณกับชีวิตของยาซาโน่ ถ้าอยากได้อนาคตคุณก็กลับไปลอนดอนซะตอนนี้เลย”
คำพูดของเขาเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่หล่นลงบนการตัดสินใจของหญิงสาว เธอกำโทรศัพท์ไว้แน่นทั้งที่อยู่ในอ้อมแขนทรงพลังขณะจ้องดวงตาสีอำพันที่วาววามยามสะท้อนแสงไฟ มันขุ่นข้นและประกายอันกล้าแข็งนั้นกำลังสยบทุกอย่าง ร่างแน่งน้อยไมรู้ว่าจะทำยังไงทว่าสุดท้ายเธอก็กดโทรออก