หลายวันต่อมา
"อ๊ากกกกก ยะ ป้ากกกก ป้ากกกกกก" เสียงของดาบไม้ที่กระทบกันอย่างหนักหน่วง ในการฝึกซ้อมดาบของเด็กสาว กับพี่ชายของเธออย่างฟ่งเทียน ทำเอาคนเป็นปู่ปลื้มไม่น้อย เพราะเด็กสาวที่ไม่มีใจฝึก ตอนนี้กลับมาฝึกดาบอย่างตั้งใจ
"อากง น้ำชาค่ะ" เหม่เหมเสิร์ฟน้ำชาให้คนเป็นปู่ และแขกที่มาเยือนอย่างอาคุนและครอบครัว
"โหดได้พ่อมาจริง ๆ เลยนะคะเจ็กไป๋ ฟันซะฟ่งเทียนถอยกรูเลย" อามู่ที่มายืนดูการซ้อมของเด็กสาว เอ่ยชมแรงที่ไม่มีตก
"ใช่ที่ไหนล่ะที่รัก ฟ่งเทียนอ่อนให้ต่างหา ดาบที่ควรจะง้างแขนมากกว่านี้ ฟ่งเทียนก็ง้างแค่ครึ่งเดียว" อาซาคนเป็นสามี บอกคนเป็นภรรยาถึงเชิงดาบของทั้งคู่
"อุตส่าห์เชิญอาคุนมาเจอน้อง ฟ่งเทียนก็เอาแต่ให้น้องซ้อมดาบ ไม่ได้แต่งตัวสวย ๆ มาเจอเลย อามู่อาโกวเนี่ย อยากให้เราดองกัน อาโกวสัญญากับอาหม๊าของลื้อเอาไว้แล้ว" ไป๋จูถอดถอนใจกับสิ่งที่ไม่เป็นดั่งหวัง
"ก็ให้อาคุนมาอยู่นี่ซะเลยเป็นไง จะได้ใกล้ชิดผิงผิง" ไป๋ชิงเหอเอ่ยขึ้น ทำเอาคนที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างเหม่เหมตกใจ
"อากงคะ เฮียฟ่งคงไม่ยอม ที่จะให้มีสมาชิกใหม่ในบ้านแน่ ๆ "
"ไปบอกมันด้วย มีดีอะไรก็งัดออกมา" ไป๋ชิงเหอใช่จะดูหลานชายหัวแก้วหัวแหวนตัวเองไม่ออก ว่ารู้สึกเกินพี่น้องกับผิงผิงแค่ไหน แต่คนเราต้องพิสูจน์ ไม่ใช่แค่งอแงแล้วจะได้มา
"กระผมคิดว่าไม่เป็นการดี ยังไงอาคุนก็เป็นเด็กผู้ชาย" อาซารีบออกตัวแทนลูก
"ผมก็คิดว่าแบบนั้นครับ ผมมาอยู่นี่เลย มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติคุณเหม่เหมและน้องผิงผิงมากเกินไป ผมหวังว่าท่านไป๋จะเข้าใจ"
"ตุ๊ดรึเปล่า ผู้หญิงเค้ายังไม่เอ่ยปากค้านสักแอะ กลัวเด็กบ้านฉันงั้นเหรอ ไม่เจ๋งพอต่อไปทำธุรกิจยากนะ ฉันฝึกเด็กบ้านฉันมาโหดนะจะบอกให้" ไป๋ชิงเหอแกล้งลองเชิงอาคุณ ดูวุฒิภาวะ และความคิด ของเด็กหนุ่ม ที่ตอนนี้ก็ยังนิ่งสงบดี ไม่มีอารมณ์ร้อนหรือของขึ้น
"ขอโทษนะครับ ผมคิดว่า เราต่างมีหน้าที่ ผมเองก็มี ผมไม่สามารถทิ้งสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ได้ แต่ถ้าผมว่าง ผมสัญญาจะมาหาเธอบ่อย ๆ " คุนแอบมองหญิงสาวที่มีผิวขาวราวเจ้าหญิง กิริยามารยาทงดงาม ก่อนจะดึงสายตากลับ เพราะรู้ตัวเองว่าเสียมารยาท แม้หญิงสาวจะยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตร
"ยินดีต้อนรับนะคะ"
"ต้อนรับอะไร ไม่ต้อนรับ บ้านนี้มีน้องสาวแค่สองคน แกอยากลองแต่งกับน้องชายบ้างไหม ฉันยกให้เลย บ้านนี้น้องสาวเยอะเกินไปไม่จรรโลงใจเลย แกก็เลิกมองได้แล้ว น้องสาวฉันจะละลายก็เพราะแกมองเนี่ย" ฟ่งเทียนที่ซ้อมดาบเสร็จเดินเอามือมาปิดตาคุน ที่เอาแต่มองน้องสาวเขาเอาไว้ เสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ทำให้คุนมีอาการขวยเขิน
"ขอโทษครับ"
"อากงขาาาาา ผิงผิงเก่งขึ้นบ้างไหมคะ" เสียงใสแจ๋วของเด็กสาววิ่งมาเกาะขาของคนเป็นปู่ แม้ใบหน้าของเธอจะยังมีรอยฟกช้ำ จนตาของคนเป็นปู่เหลือบไปเห็นรอยแดงที่คอของหญิง จึงเกิดอาการสงสัย แต่จะให้ถามต่อหน้าคนมากมายก็คงไม่ดี เลยได้แต่กระชับคอเสื้อของคนเป็นหลานสาวเพื่อปกปิดรอย
"ไม่เลยสักนิด เพราะเฮียของหนูเอาแต่อ่อนให้แบบนี้หนูจะเก่งได้ยังไง ไอ้คนที่มันทำหนูมันควรจะไปลงนรก มาทำร้ายกระต่ายน้อย ๆ ของอากงได้ยังไง ผิงผิง เฮียคุนทักทายรึยัง" คนเป็นปู่เอ่ยบอก
"สวัสดีค่ะ เฮียคุน" ผิงผิงทักทายสั้น ๆ
"สั้นจังล่ะลูก" ไป๋จูกุมขมับเพราะหลานสาวที่หมายมั่น ทักทายคนที่เธอหมายใจได้สั้นเหลือเกิน แม้เธอจะเข้าใจว่าผิงผิงสังคมต่ำ แต่ตามมารยาทก็ไม่ควรจะสั้นแบบนี้
"หนูไม่รู้จะถามอะไรค่ะอาม่า งั้นหนูขอแก้ตัวใหม่ เฮียคุนช่วยชวนฉันคุยหน่อยได้ไหม แบบฉันไม่ค่อยชอบคุยกับคนแปลกหน้า แต่ฉันพร้อมจะตอบนะคะ" ตาใสมองคุน ทำให้ชายหนุ่มต้องหัวเราะออกมากับความพยายามของเด็กสาว
"ผิงผิง พาเฮียเค้าไปเดินเล่นหน่อย จะได้คุยกันแบบไม่ต้องเกรงใจผู้ใหญ่" คำสั่งของคนเป็นปู่ทำให้ผิงผิงพยักหน้า แล้วพาคุนเดินออกไปจากโรงฝึก
ฟ่งเทียนที่จะวิ่งตามออกไป กลับถูกมือของคนเป็นปู่ดึงเอาไว้ ต่อหน้าพ่อและแม่ของคุน และคนอื่น ๆ ด้วย
"ในโลกของการแข่งขัน คนที่ชนะ ถึงจะได้รางวัล" คนเป็นปู่บอกฟ่งเทียน ทำให้ฟ่งเทียนต้องจำใจและนั่งลง แต่นั่งได้ไม่นาน ก็ลุกขึ้น แต่ก็โดนคนเป็นปู่ดึงให้นั่งลง
.
.
ผิงผิง Say ::
"ไม่ต้องห่วง เฮียไม่ใช่พวกชอบบังคับหรอกนะ ไม่อยากคุยก็ไม่ต้องคุยก็ได้" เฮียคุนเดินไปข้าง ๆ ฉันเงียบ ๆ พร้อมกับมองนู่นมองนี่ไปเรื่อย
"คุยเถอะค่ะ ฉันอาจจะสังคมต่ำไปหน่อย แต่ไม่ได้หยิ่งหรอกค่ะ"
"งั้นเหรอ คุยอะไรดีนะ งั้นผิงผิงชอบกินอะไร"
"ทุกอย่างเลยที่เป็นขนม และไม่ชอบเลยคือผัก ฮ่ะ ๆ เจ้เหม่เหมบอกฉันว่า ใครที่จะเป็นสามีฉันได้ ต้องกินผักแทนฉันไปตลอดชีวิต" ฉันหัวเราะคิกคักกับเฮียคุน ที่จริงเขาก็ไม่ได้ดูแย่ ก็น่ารักดี อายุห่างกับฉันไม่เท่าไหร่ แต่ก็ดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าฉันเป็นไหน ๆ
"งั้นเหรอ งั้นไว้คราวหน้าเฮียจะซื้อขนมมาฝากนะ เอาเยอะ ๆ เลยดีไหม" คนตัวสูงกว่าคุยกับฉันด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับหลอกล่อเด็กอย่างฉันด้วยขนม คิดว่าฉันจะหลงกลไหม
"อื้ออออ" หลงกลแบบไม่ต้องถามเลย อยากกินขนมฟรีอะ บ้านฉันไม่ค่อยมีขนมเพราะเฮียริวบอกมันไร้ประโยชน์
"ผิงผิง ถามหน่อยได้ไหม เจ้เหม่เหมของเธอมีแฟนไหม หรือมีใครที่คุย ๆ ด้วยรึเปล่า"
"ไม่มีหรอกค่ะ เจ้เหม่เหมไม่เคยมีแฟนเลย ชอบเจ้เหม่เหมเหรอคะ" ฉันถามเฮียคุนด้วยความตื่นเต้น
"อื้ม เก็บไว้เป็นความลับหน่อยได้ไหม เฮียอยากให้มันค่อย ๆ เป็นค่อยไป ช่วงนี้เฮียมีทั้งงานทั้งเรียน หาเวลามาเจอยากมาก ถ้ามาแล้วยังไงผิงผิงช่วยเฮียหน่อยได้ไหม" อ๋ออออ เมื่อกี้ติดสินบนฉันด้วยขนมสินะ ร้ายกาจนัก
"ถ้าเจ้เหม่เหมโอเค ฉันจะช่วยก็ได้ แต่ถ้าเจ้เหม่เหมไม่ชอบเฮียฉันก็ไม่เอาด้วยหรอกน้า เฮียคิดว่าตัวเองเป็นคนดีแค่ไหน" ฉันถามคำถามเด็กๆ กับเฮียคุน
"ที่สุดในโลกเลย"
"คนอะไรชมตัวเอง น่าเกลียดจัง อ่อ เฮีย 14 เดือนหน้าวันเกิดครบ 21 ปี เจ้เหม่เหม ลองหาของขวัญดูไหม เจ้เหม่เหมชอบเย็บชุดค่ะ ชุดที่เธอใส่ล้วนแต่เย็บเอง หุ่นลองชุดเป็นไง เอาแบบที่มันขยับได้แบบนี้ แบบนี้" ฉันโพสต์ท่าเป็นตัวอย่าง ทำให้เฮียคุนหัวเราะร่วนออกมา
"อะได้ ๆ ช่วยได้มากเลย"
"เราจะจัดกันที่บ้านหลังกลาง เป็นบ้านของพวกเรา แขกต้องมาเยอะมากแน่ ๆ อย่าลืมมานะคะ ฉันเชิญ ฉันเชิญ" ฉันเชิญเฮียคุนมางานวันเกิดเจ้เหม่เหมด้วย เผื่อจะช่วยอะไรเขาได้มากขึ้น
บทเรียนที่ 4 การเข้าสังคมมันก็ไม่ได้ยาก มันยากตรงที่ใครจะเป็นคนเริ่มก่อน
.
.
หลังจากส่งเฮียคุณ เจ็กซาและอาโกวมู่ ฉันก็กลับบ้านมาเพื่ออาบน้ำ หลังจากฝึกเหงื่อออกเต็มตัวไปหมด แต่พอจะขึ้นไปชั้นบน ก็ได้ยินเสียงที่ทะเลาะกัน แม้จะไม่ดัง ก็พอรู้ว่าเป็นเสียงของเจ้เหม่เหม
"เค้ามาอีกแล้วนะ เค้าแสดงออกชัดเจนว่าชอบฉัน ไม่ได้ชอบผิงผิง"
"คิดมากไปรึเปล่า วันนี้ก็เห็นหัวเราะคิกคักกับผิงผิง เธออาจจะคิดมากไป" เสียงนี้เฮียริวรึเปล่า
"โหดร้ายจังเลยนะ เฮียก็รู้ว่าฉันรู้สึกยังไง เฮียไม่ตอบรับก็ไม่ควรจะใจร้าย" เจ้เหม่เหมกำลังร้องไห้เหรอ เสียงวิ่งตึงตังนี่คืออะไร
"เหม่เหม จูบมันต้องเอาไว้ทำกับคนที่รัก"
"แล้วครั้งที่แลัว เฮียไม่ได้รู้สึกอะไรเลยเหรอ"
"นั่นฉันแค่เมา เหม่เหม ไม่เอา ชู่ว ๆ เธอยังต้องเจอคนดี ๆ ไม่เอาไม่ร้อง"
การที่ฉันไม่เห็น มีเพียงการได้ยินที่ทำให้ฉันพอจะเดาสถานการณ์ออก ว่าฉันไม่ควรจะขึ้นไปตอนนี้ เจ้เหม่เหมชอบเฮียริว ยุ่งแล้วสิ
"เฮียชอบผิงผิงรึเปล่า" คำถามของเจ้เหม่เหมทำเอาฉันชะงักกึก
"บ้าไปกันใหญ่นั่นน้องนะ เฮียไม่ได้คิดอะไร ถ้ายังเป็นแบบนี้เฮียไม่คุยด้วยแล้ว เพราะเธอเองพาล พาลไปหมด" ปึงงงง!! เสียงปิดประตูทำให้ฉันรู้ว่ามีใครคนหนึ่งเข้าห้องไปแล้ว
ฟูวววววววว~* ลมที่เป่ามาที่หูทำให้ฉันสะดุ้ง จนหงายหลังเกือบจะตกบันได ดีที่ถูกรับไว้ได้ก่อน เฮียฟ่งใช้มือปิดปากฉันเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฉันพูด เสียงของเจ้เหม่เหมที่ร้องไห้ ยังดังไม่หยุดเลย
"เราควรจะไปปลอบไหม" ฉันกระซิบข้างหูถามเฮียฟ่ง
"รอก่อน นี่ยังไม่ใช่เวลา"
เราทั้งคู่ยืนอยู่ที่บันได รอจนเสียงปิดประตูอีกครั้งดังขึ้น เราถึงได้ขึ้นไปชั้นบน เฮียฟ่งขอคุยเรื่องที่ฉันได้ยิน โดยชวนฉันไปที่ห้อง ฉันเองก็อยากจะพูดให้ใครคนนึงฟัง ฉันเลยไปที่ห้องของเฮียฟ่งฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าเจ้เหม่เหมชอบเฮียริว
"ขอให้มันเป็นความลับได้ไหม เหม่เหมชอบริวอันนี้ชัดเจน แต่ไอ้ริวนั้นคิดยังไงไม่มีใครรู้ เหม่เหมไม่อยากให้ใครรู้ หนูกระต่ายของเฮียช่วยเก็บเป็นความลับได้ไหม"
"ได้ค่ะ" ฉันตอบเสียงอ่อย ๆ สงสารเจ้เหม่เหมจัง ฉันทิ้งตัวนั่งลงบนขอบเตียงของเฮียฟ่งด้วยตัวหนัก ๆ
"เก่งมาก" เฮียฟ่งลูบหัวฉันเบา ๆ เป็นการชมเชย
"เฮียคิดว่าเจ้เหม่เหมจะเสียใจมากไหม"
"มากมั้ง แต่มันเป็นทางเดินที่ทั้งสองคนต้องเลือก สักวันหนึ่งตัวเธอหรือตัวเฮียเองก็ต้องเลือก นี่เป็นครั้งแรกที่เหม่เหมพูดออกมา เรื่องบางเรื่องยิ่งพูด เราก็ยิ่งห่างไกล เราทุกคนเลยเลือกที่จะเก็บมันไว้ เพื่อรักษาเราไว้ ครอบครัวก็แบบนี้" เฮียฟ่งฉีกยิ้มบาง ๆ แต่ตาของเขากลับเศร้า
"เราจะห่างกันไหมคะ ไม่สิ ฉันหมายถึงเราทุกคน"
"เมื่อเราโต เราก็ต้องห่าง บ้านหลังนี้ก็จะเป็นบ้านของลูกเรา แม้จะห่างกันแค่ไหนเราทุกคนก็ยังต้องเป็นพี่น้องกัน" เฮียฟ่งนั่งลงข้างฉันที่ขอบเตียง แล้วพูดเรื่องที่ช่างเข้าใจยาก ถ้าฉันต้องไปอยู่ในบ้านที่ป๊าหม๊าทำงานอยู่ตลอดเวลา มันจะเหงาแค่ไหนนะ
"เศร้าจัง" ฉันไม่เคยคิดภาพที่จะไม่ได้อยู่ในบ้านที่วุ่นวายนี้เลย
"อาบน้ำดีกว่าอย่าไปเศร้าเลย อีกหลายปี อาบน้ำด้วยกันไหม"
"บ้าฉันโตแล้วนะ ไม่เอา ใครจะไปอาบน้ำกับเฮีย ฉะ......" ฉันยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างของฉันก็ถูกหิ้วเข้าห้องน้ำเลย แม้จะดิ้นยังไงก็ไม่หลุด
ทำไมเฮียชอบแกล้งฉ้านนนนนนนนัก ชุดฮากามะของฉันถูกคนเป็นพี่ชายกระตุกทีเดียว เชือกของกางเกงก็หลุดออก เอาจริงดิ
"เฮียยยยยย ฉันไม่เล่น"
"เอาจริงทุกอย่าง" เพียงแค่สิ้นเสียง กิโมโนท่อนบนก็ถูกดึงจนตัวฉันหมุน จนหลุดจากเสื้อ อ๊าาาาาาา แบบนี้ไม่เล่นจริงด้วย กางเกงก็หลุด ตอนนี้เสื้อก็หลุด ม้ายยยยยยยย โกนขนรักแร้ยังวะ เออโกนแล้ว นี่มันใช่เวลามากังวลเรื่องนี้ไหม ร่างของฉันถูกโยนลงอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีน้ำ ทั้ง ๆ ที่ฉันใส่ชุดชั้นในอยู่
น้ำอุ่น ๆ ถูกเปิดใส่อ่างอาบน้ำ ที่มีฉันนั่งกอดตัวเองด้วยความอายอยู่ข้างใน สบู่ถูกเทลงบนตัวฉันแทนที่จะเป็นน้ำ เพื่อไม่ให้ฉันหนี เมื่อน้ำอุ่นค่อย ๆ ไล่สูงขึ้น พอที่จะบดบังร่างกายฉันได้บ้าง ฉันก็ตีฟองทันที เอ๊ะ!!!! ฉันควรมานั่งตีฟองไหม เฮียฟ่งถอดชุดที่ใส่ออกช้า ๆ แต่เค้าไม่ได้ใส่ชุดชั้นในแบบฉันไง เค้าเปลือยโหดลงมาเลย ทำเอาฉันปิดตาแทบไม่ทัน
"ปิดตาทำไม เมื่อก่อนก็อาบด้วยกันบ่อย ๆ "
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ เล่นอะไรไม่สนุกด้วยหรอกนะ" ฉันผลักน้ำใส่เฮียฟ่งด้วยความหงุดหงิด
"คุยอะไรกับไอ้คุนอะไรนั่น ทำไมต้องยิ้มหวานให้มันขนาดนั้นด้วย"
"เรื่องอะไรทำไมต้องบอก" คำตอบของฉันทำให้เฮียฟ่งหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
ทำไมเฮียฟ่งเงียบจัง เขามองหน้าฉันแล้วถอนหายใจหลายครั้งแล้ว มีอะไรจะพูดรึเปล่า หรือฉันทำอะไรให้ไม่พอใจรึเปล่า
"ปีนี้เฮียต้องรับตราหงส์แล้ว ช่วงนี้เฮียเข้าบริษัทบ่อย ไม่ได้อยู่เล่นกับเธอเหงาหรือเปล่า" ถึงจะถามออกมาแบบนั้น เฮียเข้าบริษัทแค่ 4 วันเองนะ ทำเหมือนนานเลย
"เฮียต้องทำงานนี่ ฉันอยู่กับเฮียริว หรือไม่ก็ 2แฝดก็ได้" คำตอบของฉันทำให้เฮียฟ่งดึงฉันเข้าไปอ้อมกอด
"อ๋าาาาาาา เฮียเล่นอะไร"
ไม่มีคำตอบอะไรจากเฮียฟ่ง มีเพียงอ้อมกอดอุ่น ที่กอดฉันเอาไว้แน่น กอดฉันแบบนี้ทำไม มีปัญหาอะไรรึเปล่า เฮียฟ่งดูไม่ดีตั้งแต่เข้าห้องมาแล้ว ฉันหันมาหาเฮียฟ่งเพื่อตรวจดูอาการ แววตาเศร้าๆ นี่หมายถึงอะไร
"จูบได้ไหม" เสียงอ่อย ๆ ของเฮียฟ่ง ทำเอาฉันไม่กล้าที่จะปฏิเสธ เลยพยักหน้าเป็นคำตอบแล้วค่อย ๆ หลับตาลง ให้ริมฝีปากของฉันได้ถูกเฮียฟ่งครอบครอง ความเนิบนาบของจูบที่ชวนหลงใหล มันทำให้ฉันต้องขยับเข้าไปชิดเฮียฟ่ง ความลื่นของร่างกายเรามันทำให้บทจูบของเรา ไม่ได้เนิบนาบอีกแล้ว
.
============================