เสบียงของกองทัพมีเพียงเนื้อแห้งแข็งๆและข้าวสาร อ้ายฉิงมองมันและมองคนเจ็บ ก่อนจะถามหาเครื่องปรุงต่างๆออกไป
"ในเสบียงมีเครื่องตุ๋นข้าวต้มหรือไม่ นำเนื้อไปฉีกแล้วตุ๋นข้าวต้มให้ท่านอ๋องเถิด เช่นนี้คนป่วยกินไม่ได้แน่ อาการจะทรุดลง ถ้าคนป่วยกินอะไรไม่ได้เลย "
เส้าจิ่นกวางแสร้งหลับตาฟัง แล้วครางอืออาให้คนหันมอง ร่างแกร่งครางขึ้นมาเบาๆ
"ตึงแผล...ข้าเจ็บ..."
อ้ายฉิงเดินไปใกล้ๆเอามือวัดไข้ รู้สึกว่าตัวร้อนมากถ้าเทียบกับตัวเธอ แต่ว่าคนๆนี้ปกติก็ตัวร้อนเป็นไฟ เลยวัดไข้ยากหน่อย อ้ายฉิงเอ่ยเบาๆออกมาอีกครั้ง
"ฉันจะให้คนต้มข้าวต้มให้นะจิ่นกวาง ข้างนอกมีคนป่วยหลายคน ถ้ากินเนื้อแข็งๆ คนป่วยหนักมาก อากาศตอนนี้ก็ยังหนาว คงต้องกินอะไรอุ่นๆก่อน"
"อรือ อยากกิน.....หิวววว "
อ้ายฉิงจับมือตอบเบาๆและขยับไปให้คนตัวโตนอนหนุนตัก
"อดทนหน่อยนะคะ ไม่นานก็หาย กินข้าวต้มอ่อนๆก่อนแล้วหายดีค่อยกินอย่างอื่นที่ดีกว่านี้ "
"อืม...อยากกินอย่างอื่นที่ดีกว่านี้...."
ร่างหนาต่อปากยาวยืด ลากเสียงแหบพร่า อ้ายฉิงขนลุกขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ รู้สึกแปลกๆแต่บอกไม่ถูกว่าแปลกที่ไหนกัน คนรับใช้ตั้งหม้อข้าวต้มของทหารขนาดใหญ่ เคี่ยวข้าวลงไปจนกลิ่นหอม อ้ายฉิงออกมาช่วย มือหยิบใส่โหย่วกุยและปาเจี่ยวลงไป ตามด้วยเนื้อหมูฉีกและกระดูกหมูทอดตามความเคยชิน ที่เป็นลูกมือแม่ครัวที่ร้านอาหาร สาวรับใช้มองอย่างสนใจนัก สตรีชั้นสูงจะมีตำรับอาหารเฉพาะติดตัวมา สตรีไร้สกุลจะมิค่อยได้ร่ำเรียนมากมายนัก ทำได้เพียงลักมอง กลิ่นหอมลอยไกลจนทหารทั้งหลายท้องร้องโครกคราก ท่านอ๋องเก้าออกมาดูตามกลิ่นอาหาร สั่งตั้งหม้อให้ครบค่าย ยามนี้อากาศเย็น อาหารเช่นนี้ย่อมดีกว่าเนื้อแข็งเป็นไหนๆ
ทหารไปหาสมุนไพรและเนื้อมาได้แล้ว เมืองก็ไม่เสียหายมาก ผู้คนกลับเข้าเมืองไปแล้ว รอเพียงคนเจ็บฟื้นตัวจึงค่อยถอนค่ายทัพ กลิ่นอาหารล่องลอยไปจนท่านอ๋องแปดลุกขึ้นนั่ง กุมท้องอยากเดินออกไปรับอาหาร คนรับใช้ชายจึงขยับเข้ามาใกล้ๆ
"ท่านอ๋องหิวแล้วหรือขอรับ ข้าน้อยจะไปลัดคิวมาให้นะขอรับ "
"อรืม เรียกนางมาดูข้าด้วย ข้าจะให้นางเป็นคนป้อนข้าวให้ "
ร่างหนาคว่ำลงไปอีกคราหน้าตาเฉย ลงทุนมิจิบน้ำให้ปากแตกน้อยๆ รอนางมาป้อนน้ำไปจนถึงปากตน
" อ่าาา..ชื่นใจเสียจริงๆ "
ร่างหนาทำหน้าใกล้ตาย ยามที่เสียงเดินนั้นแว่วมา กลิ่นข้าวต้มหอมๆเข้าใกล้จนท้องร้อง ข้ารับใช้มาพยุงขึ้นทั้งสองข้าง ร่างบางนั่งใกล้ๆผูกผ้ากันเปื้อนให้คนตัวโตเหมือนทารกและเป่าข้าวต้มช้าๆ อ้ายฉิงนำข้าวต้มมาสามชาม ของคนเจ็บตัวโตสองชาม คนป้อนอีกหนึ่ง ตั้งเอาไว้รอให้เย็น แต่ผิดคาด คนเจ็บกระเพาะคราก เขมือบลงไปถึงสามชาม ร้องหาชามที่สี่ อ้ายฉิงจึงถลึงตาออกมาใส่ในทันที
"โอ๊ย กินเข้าไปได้อย่างไรเยอะแยะ ข้าวต้มนี่ข้นไม่มีน้ำเลยนะเนี่ย เดี๋ยวก็ท้องแตกตาย"
ร่างหนายิ้มจางๆ ยามนางส่งน้ำให้จิบช้าๆ น้ำต้มรากบัวหอมจับใจ รู้สึกกระปรี่กระเปร่าขึ้นมามิน้อย หันไปบอกนางรับใช้เบาๆ
"ต้มน้ำรากบัวแจกทหารด้วยก็คงดีมิน้อยเลย "
"แจกแล้วเจ้าค่ะ ท่านอ๋องเก้านั้นประสงค์เช่นกันเจ้าค่ะ "
ร่างหนาพยักหน้าเบาๆและเอ่ยถามเสียงเบาหวิวขึ้นมม
"ใครทำอาหารวันนี้ ช่างรสมือดีนัก น้ำรากบัวก็มิหวานมิจืดข้าชื่นชอบยิ่ง"
"เป็นท่านหญิงเจ้าค่ะ ท่านหญิงดูคล่องแคล่ว พวกเราเป็นเพียงลูกมือเจ้าค่ะ "
ริมฝีปากยกยิ้มให้นาง ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา
"เจ้าตัวจ้อย เจ้าเก่งเช่นนั้นเลยหรือ "
อ้ายฉิงหน้าบูด ข้าวยังไม่ตกถึงท้องมาเรียกตัวจ้อย เลยลุกหนีไปเสียดื้อๆ ท่านอ๋องแปดเลยจะรีบลุกตาม จนเผลอเอี้ยวตัวไปผิดท่าร้องครวญดังออกมา
"โอ๊ย แผลข้า "
อ้ายฉิงหันมาในทันที ขยับมาหาและบ่นออกมาเบาๆ
"ลุกขึ้นมาทำไม ฉันแค่จะไปกินข้าว คุณกินข้าวต้มไปตั้งสี่ชาม ฉันยังไม่มีข้าวซักคำลงที่ในท้อง ฮึ น่าหมั่นไส้ที่สุด !!! "
อ่องแปดเข้าใจนางในทันที หน้าแดงเขินนางมิน้อย ลืมคนป้อนข้าวไปเสียสิ้น สาวรับใช้นึกได้จึงเร่งไปนำอาหารมาเพิ่มให้อีกคราหนึ่ง ครานี้ คนรับใช้ก็นั่งกินที่ตรงนั้นเช่นกัน อ้ายฉิงหยิบเนื้อแห้งฝอยที่เพิ่งแอบทำเอาไว้มาโรยให้ คนรับใช้ทั้งสองและของตนเองบ้าง ร่างหนาดวงตาโตขึ้นบ่นอุบออกมา
"ข้าวต้มของข้า ใยมิมีเช่นนี้บ้างเล่า !! "
ร่างบางถลึงตามองค้อนขึ้นมาแรงๆ
"ท่านกินข้าวต้มไปถึงสี่ชามแล้วนะเจ้าคะ "
"ข้าวต้มนักรบมิอิ่มหรอก มินานก็หิวท้องร้องกับครวญคราง พวกเราจึงกำหนดเสบียงเป็นเพียงมื้อหนักเพียงเท่านั้น !!! "
อ้ายฉิงถอนหายใจและตักข้าวของตัวเองป้อนคนตัวโตไปหนึ่งคำ ร่างหนาอ้าปากรับไปโดยดี เอ่ยชมเชยขึ้นมาอีกครั้ง
"เจ้ารสมือดีมิน้อยเลย ข้าเก็บคนครัวมาได้หรือไงนี่ หึ หึ หึ "
ร่างบางกินข้าวจนหมดและออกไปข้างนอกอีกครั้ง
"นางออกไปทำอันใดอีก "
ร่างหนานอนคว่ำ กระซิบกระซาบกับคนรับใช้ชายขึ้นมา
"เอ่อ...มิแน่ใจขอรับ เดี๋ยวข้าไต่ถามหมู่สตรีให้ในหนหลังนะขอรับ "
มินานเกินไป กลิ่นบัวลอยน้ำขิงลอยนั้นล่องลอยมาช่างน่าอร่อยนัก ร่างบางตักมาหนึ่งถ้วยและมาป้อนคนเจ็บก่อนที่ตนเองก็ชิมลงไปเพียงนิดๆ
"อืม หายเจ็บหนนี้ ข้าคงต้องกลิ้งไปในยามที่กลับจวน "
อ้ายฉิงขำเบาๆและส่งถ้วยให้คนรับใช้นำไปเก็บ ทหารภายนอกคึกคักกันขึ้นมาเพราะอาหารในค่ายจืดชืดมาเสียนานแล้ว วันนี้มีของว่าง ช่างเป็นสุขและสบายใจเช่นอยู่ที่บ้านตน ร่างกายกระปรี่กระเปร่าช่วยชาวบ้านหาบน้ำผ่าฟืนอย่างดีใจ ทหารกระจายกันไปในเมือง แยกกันออกไปตั้งค่ายป้องกัน ห่างไปทั้งแปดทิศ
"อาหารอร่อยต้องมีผู้ปรุงรส เมืองสงบผู้คนก็มีอาหารชั้นเลิศ "
ทหารเหล่านี้ ฟังคำเหล่านี้จากอ๋องแปดมานาน มาวันนี้ยิ่งเข้าใจนัก จึงแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ มิมาออกันในค่ายหลัก
ผ่านพ้นเจ็ดวัน ท่านอ๋องแปดก็ร้องกลับจวน คราแรกจะให้ขึ้นไปกับรถม้า มิคาดท่านอ๋องดึงร่างบางขึ้นม้าควบจนตัวปลิว ทั้งเปลือยอกไปเช่นนั้น ม้าวิ่งจนสุดฝีเท้า จนหยุดลงที่หน้าจวนอย่างกระทันหัน อ้ายฉิงหัวแทบชนกับม้าที่ตนนั่งมากับชายผู้คุมบังเ**ยรม้า ร่างหนาลงจากม้าแรงๆและยกมือรออุ้มคนงามลงจากม้า อ้ายฉิงกอดคอเบาๆและร่างหนาก็พาทะยานเข้าไปในจวน
จนถึงห้องนอน ร่างหนาก็เปิดประตูเข้ามาสำรวจตรวจตราข้าวของ พบสิ่งของหายไปมากมายหลายรายการ จึงเร่งตรวจค้นหาสิ่งของสำคัญของตนเอง ก่อนจะตาโตและทุบโต๊ะ ดัง ปังงง !!!
"ตราแม่ทัพหาย !!!! "