หญิงเล็กใบหน้างอง้ำอยู่ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์จ้องหน้าชายหนุ่มไม่หยุดอารมณ์เสียเป็นอย่างมากที่เขาคุยสนุกอยู่กับพวกคุณครูโดยเฉพาะครูที่ชื่อต่ายดูจะคุยกันเยอะเป็นพิเศษ เขาหันมามองเธอกวักมือเรียกอยู่พักใหญ่แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะมองไม่เห็น
“ทำไมไม่มานะ”
เขาพยายามกวักมือเรียกหญิงสาวเพราะว่าอยากจะให้มานั่งคุยกับคุณครูและคนอื่นๆอีกหลายคน ก็แค่อยากให้เธอมีเพื่อนบ้างไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียว ส่วนอดีตมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วไม่มีใครเก็บมาคิดหรอก
“แล้วผู้กองดนัยมีชื่อเรียกแบบอื่นอีกมั้ยคะ เรียกแบบนี้มันยาวไปดูไม่สนิทกันเลย”
“ชื่อไฟท์ครับเรียกชื่อเล่นก็ได้”
“งั้นต่ายขอเรียกว่าพี่ไฟท์นะคะ สั้นๆแบบนี้แหละเรียกง่ายที่สุด”
“ได้ครับตามสบายเลย”
เขายิ้มออกมาก่อนจะกินพิซซ่าตรงหน้าต่อ อร่อยมากเลยนะพิซซ่าที่หญิงเล็กทำและคนที่นั่งทานด้วยกันก็เอ่ยชมไม่ขาดปากว่ามันอร่อยมาก เขาแค่อยากจะช่วยเธอโปรโมทเมนูเผื่อจะทำขายจะได้มีลูกค้ามาอุดหนุนเยอะๆ แต่หญิงสาวไม่คิดแบบนั้นเธอไม่ชอบใจเลยที่เขาเอาแต่คุยกับคนอื่นทั้งที่เธอกำลังงอนอยู่ตรงนี้
“คุณหญิงเล็กครับโต๊ะนั้นเรียกเก็บเงินครับ”
ลูกน้องของเขาสะกิดเจ้านายให้สนใจคนอื่นบ้าง เอาแต่จ้องหน้าโต๊ะนายตำรวจจนไม่สนใจลูกค้าในร้านคนอื่นเลย เธอเหมือนจะได้สติหันไปมองพนักงานก่อนจะเอ่ยถาม
“ว่าไงนะ”
“โต๊ะงั้นเรียกเก็บเงินครับ”
“อ่อ จ๊ะๆ”
เธอหันไปกดหน้าจอก่อนจะปริ้นจำนวนเงินส่งไปให้พนักงานชาย เขาถือกระดาษเดินไปหาลูกค้าก่อนจะรับเงินมาให้หญิงสาวคิดเงิน เธอยังมีความเหม่อมองไปตรงนั้นบ่อยๆแต่ว่ายังดีที่พอสนใจเขาอยู่บ้าง
“เรียบร้อยจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินหนีเข้าไปในครัวเพราะไม่อยากเห็นภาพอะไรแบบนั้นอีก ถ้าเขาจะสนใจคนอื่นเธอก็จะไม่สนใจเขาบ้างแฟร์ๆดี
ทางด้านของชายหนุ่มเมื่อทุกคนในโต๊ะแยกย้ายกันหมดเขาก็เดินมาตามหาหญิงสาวและเธอก็เพิ่งเดินออกมาจากห้องครัวมายังเคาน์เตอร์แคชเชียร์
“หญิงเล็กทำอะไรอยู่ พี่เรียกตั้งหลายรอบทำไมถึงไม่มาหา”
หญิงสาวทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก้มหน้าลงกดดูยอดขายของวันนี้จนเป็นที่ผิดสังเกตของชายหนุ่ม
“เป็นอะไรรึเปล่าดูเหมือนโกรธพี่นะ”
“เปล่านี่คะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเบาก่อนจะหันไปเรียกพนักงานมาถามเรื่องเมนูอาหารในรายการ เขามองหญิงสาวก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ท่าทางจะโกรธจริงจังแต่ไม่เป็นไรยังไงเราสองคนก็นอนด้วยกันทุกคืนอยู่แล้วเพราะฉะนั้นคืนนี้ค่อยง้อก็ได้
“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ เย็นนี้เจอกันที่บ้านนะให้พี่มารับมั้ย”
หญิงสาวไม่ตอบอะไรทำเหมือนไม่ได้ยินที่ชายหนุ่มพูด เขาขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะอาศัยช่วยเวลาที่ไม่มีใครเห็นขโมยหอมแก้มเธออย่างแรงจนหญิงสาวสะดุ้ง แต่เธอก็ไม่ดุด่าว่าเขาซึ่งดูก็รู้แล้วว่างอนหนักมากจริงๆ
“ไปนะคะ”
เขาอมยิ้มแก้มปริก่อนจะเดินผิวปากออกไปอย่างอารมณ์ดีสุดๆ หญิงเล็กมองตามชายหนุ่มไปก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นบึ้งบูดทันที
“เย็นนี้เจอกันอย่างนั้นเหรอ หึ!”
เธอยกยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยก่อนจะโทรศัพท์ไปจองโรงแรมสวยๆเอาไว้นอนพักผ่อนสักคืนหนึ่ง จะให้กลับไปนอนที่บ้านมันก็ยังรู้สึกเสียวสันหลังอยู่เพราะฉะนั้นไปค้างที่โรงแรมดีๆสักคืนดีกว่า จากนั้นเธอก็ฝากพนักงานดูแลจนปิดร้านก่อนจะเดินทางกลับมาที่บ้านเอาชุดว่ายน้ำและชุดเปลี่ยนติดตัวไปด้วยอีกสองชุด จากนั้นเธอก็เดินทางไปยังโรงแรมที่จองไว้ เป็นสถานที่ที่เธอมาอาศัยอยู่เกือบสองอาทิตย์ในช่วงที่มาอยู่ใหม่กับพี่ชาย
“ยินดีต้อนรับค่ะคุณลูกค้า”
“จองไว้ในชื่อรดาค่ะ”
“สักครู่นะคะ”
พนักงานต้อนรับเช็คชื่อสักครู่ก่อนจะส่งคีย์การ์ดไปให้หญิงสาวจากนั้นก็เดินไปห้องที่จองไว้เป็นสระว่ายน้ำแบบส่วนตัวอยู่ภายในห้องไม่ต้องบอกราคาหรอกว่าแพงขนาดไหนแต่ว่าเธอมีเงินมีทองมากมายถึงบอกแล้วไงว่าไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้
“ฮ้า น่านอนจัง”
เธอยิ้มกว้างออกมาเล็กน้อยก่อนจะนอนคว่ำลงบนเตียงนอนมองออกไปนอกกระจกเห็นสระว่ายน้ำและวิวธรรมชาติแสนสวยก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“คนใจร้ายไหนบอกว่าหญิงเล็กสำคัญที่สุดไง”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเศร้าหมองก่อนจะกระพริบตาปริบๆเช็ดน้ำตาที่มันไหลออกมาเลอะขอบตาก่อนจะเอาหน้าซุกกับหมอนร้องไห้ออกมาคนเดียว เอาจริงเธอไม่ได้อยากโดดเดี่ยวแบบนี้เลยนะ อยากจะกอดใครสักคนแล้วงอแงใส่บ้างมันคงดีไม่น้อย เธอเคยคิดว่าจะปิดประตูหัวใจของตัวเองให้อยู่คนเดียวแบบนี้ไปจนตายและเลือกที่จะไม่คบใครเพราะคิดว่าพวกเขาไม่มีทางจริงใจกับเธอแน่นอนจนได้กลับมาเจอกับผู้กองดนัยอีกครั้งเธอแอบหวังเล็กๆว่าเขาจะเป็นพื้นที่ปลอดภัยแต่ดูเหมือนว่าเขาจะดีกับทุกคนเหมือนที่ทำดีกับเธอเพราะฉะนั้นเธอควรจะทำใจไว้เลยว่าเขาไม่ใช่ของเธอคนเดียว
ทางด้านของผู้กองดนัยเขากลับมาเคลียร์งานที่โรงพักไม่ลืมที่โทรศัพท์ไปหาหญิงสาวแต่ดูเหมือนว่าเธอจะโกรธมากโทรศัพท์ก็ไม่รับข้อความก็ไม่ยอมตอบ และเมื่อถึงเวลาเลิกงานเขาก็ไปหาเธอที่ร้านแต่พนักงานบอกว่าออกไปตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้ว ไปที่บ้านเธอก็ไม่มีใครอยู้กลับมารอที่บ้านพักจนถึงค่ำเธอก็ไม่ยอมมาสักที เขาจึงตัดสินใจไปหาหลวงพี่ที่วัดขอความช่วยเหลือหน่อยเพราะเป็นคนเดียวที่ช่วยเขาได้ในเวลานี้
“หลวงพี่ช่วยผมหน่อยนะ”
“ไม่อยากจะยุ่งเลยนะเอาจริง ไม่ใช่กิจของสงฆ์เลย”
หลวงพี่เอ่ยออกมาอย่างลำบากใจ ผู้กองดนัยจึงตัดสินใจเล่าเรื่องทุกอย่างของหญิงเล็กให้ท่านฟัง เล่าว่าเธอเผชิญกับอะไรมาบ้างและปิดกั้นตัวเองจากทุกอย่างมากขนาดไหน และเมื่อหลวงพี่ได้ฟังก็เริ่มเป็นห่วงน้องสาว หรือเพราะเขาหนีมาบวชน้องถึงไร้ที่พึ่งพาแบบนี้รู้สึกผิดจริงๆ
“ที่พูดไม่ได้อยากให้หลวงพี่รู้สึกผิด แต่หญิงเล็กไม่ควรอยู่คนเดียวมันอันตราย”
“ได้หลวงพี่จะช่วย”
หลวงพี่กดโทรศัพท์ไปหาน้องสาวและถามว่าตอนนี้เธอสบายดีมั้ยอยู่ที่ไหน และหญิงเล็กผู้ที่ไม่โกหกอยู่แล้วก็บอกตามตรงว่ามาพักอยู่โรงแรมอีกอำเภอหนึ่งซึ่งเปิดGPSไปแป๊บเดียวเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะครับหลวงพี่ ไม่ต้องกังวลเรื่องน้องสาวผมสัญญาว่าจะดูแลให้อย่างดีที่สุด”
“ฝากด้วยนะผู้กอง”
และเขาใช้เวลาเดินทางไม่นานก็มาถึงที่หมายในเวลาต่อมา ชายหนุ่มเอ่ยถามพนักงานต้อนรับถามหาหญิงสาวและแจ้งกับทางพนักงานว่าเขาเป็นสามีเดินทางมาเซอร์ไพรส์เธอโดยพนักงานให้ความร่วมมือร่วมเป็นอย่างดี และเมื่อมาถึงในห้องพนักงานก็เปิดประตูให้ก่อนจะอวยพรให้เขาเซอร์ไพรส์ภรรยาได้สำเร็จ
ชายหนุ่มค่อยๆเปิดประตูเข้ามาข้างในภาพที่เห็นคือหญิงเล็กในชุดว่ายน้ำกำลังดีดเท้าเล่นน้ำอยู่ในสระ เขายิ้มมุมปากออกมาทันทีอย่างเจ้าเล่ห์อยู่เฉยๆก็มีนางเหงือกมาเล่นน้ำให้ดู เขาเดินไปในสระยืนกอดอกมองหญิงสาวอย่างเพลิดเพลิน เธอดำน้ำเล่นก่อนจะผุดขึ้นมาจากในน้ำสะบัดผมไปมาก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆมองเห็นรอยยิ้มของผู้กองดนัยก็เบิกตากว้างอย่างตกใจสุดขีด
“พะ…พี่ไฟท์! มาได้ยังไง!”
“ไง… หนีเก่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ หึ”