อดีตที่หวนคืน ตอนที่ 1

3770 Words
หากสถานที่หนึ่งฉาดฉายไปด้วยไออุ่นอบอวลไปด้วยความละมุนละไมเหมือนอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกไม้ยามเช้าที่เผยอแย้มรับไอแดดแรกอรุณ อีกฟากฝั่งหนึ่งคงผิดแผกแตกต่างสิ้นเชิง ทุกอย่างดูน่าร้อนรุ่ม ปวดเสียด มืดราวกับยืนอยู่ในอเวจีนรกก็ไม่ปาน "พี่พอสนะพี่พอส ทำไมไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องบ้าง...เดี๋ยวนี้ชักเอาใหญ่ ขนาดให้คุณแม่โทร.ตาม ตีสองตีสามแล้วก็ยังไม่กลับ" สาวเจ้าในชุดนอนผ้าแพรเนื้อบางเบาเดินวนไปมากระสับกระส่าย สายตาก็เหลือบมองนาฬิกาสลับกับประตูห้อง หัวใจเต้นระส่ำกับการรอคอย เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาเบดอีกครั้งหลังจากที่เพิ่งขว้างมันทิ้งเมื่อสักครู่เพราะไม่ทำประโยชน์อะไรให้เลย "โทร.ไม่ติด...โธ่เอ๊ย! อย่าให้รู้นะว่าซุกอยู่กับนางคนไหน แม่จะเอาให้ตายคาเตียงทั้งคู่เลยคอยดู" ดวงหน้าสวยขึงขังเต็มไปด้วยความโกรธที่กลั่นกรุ่นมาจากจิตใจ น้ำตาเริ่มคลอเบ้าที่แดงก่ำพร้อมจะหลั่งรินความเจ็บช้ำอาบแก้มได้ตลอดเวลา เครื่องมือสื่อสารถูกบีบกำแน่น และเท้าก็ย่างเดินไปมาเหมือนเดิมเมื่อไม่อาจอยู่นิ่งเฉยในช่วงเวลาที่รอคอยอย่างไร้จุดหมาย เสียงเคาะประตูดังขึ้น หยุดเท้าน้อยๆ จากการสาละวนให้อยู่ติดพื้นและหันไปสนใจกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น อาจเป็นการสิ้นสุด หรือบางอย่างมาขัดใจให้ต้องจบการเฝ้ารอเพียงแค่นี้ "เข้ามา..." "คุณซองพลู คุณพอสกลับมาแล้วค่ะ กำลังจอดรถอยู่" สาวใหญ่ร่างผอมในชุดแม่บ้านก้าวเข้ามาและรายงานเรื่องที่ถูกกำชับสั่งไว้ เรียกรอยยิ้มและแววตาเป็นประกายจากผู้เป็นนายสาวทันที "แล้วพี่พอสรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่" "ไม่ทราบแน่ค่ะ ละไมกำชับทุกคนไว้แล้วว่าห้ามบอกค่ะ เดี๋ยวคุณพอสคงขึ้นมา ละไมขอตัวก่อนนะคะ" "ขอบใจมากจ้ะ...ละไมไม่ต้องรอนะ กลับไปนอนกับยัยหนูก่อนได้เลย ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพี่พอส กว่าจะได้เจอตัวยากเย็นกันเหลือเกิน" "ได้ค่ะ..." บ่าวสาวรับปากแล้วก็ลาออกจากห้องไป เหลือทิ้งเจ้านายให้ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่การรอคอยสิ้นสุดลง แต่...ก็หาใช่ว่าจุดประสงค์จะบรรลุเสร็จสิ้น นับเป็นเรื่องที่น่าหนักใจเหลือเกิน ใครไม่ได้เกิดมาเป็นเธอ 'หฤทชนันท์' ไม่ได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ละวินาทีจมอยู่กับการโหยหา รอคอยในสิ่งที่ไม่อาจไขว่คว้า ซ้ำร้ายยังต้องมาตกที่นั่ง 'เมียหลวง' ที่มีแต่เรื่องคาวๆ ของสามีกับหญิงอื่นให้ช้ำใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน คงไม่มีวันเข้าใจหรอกว่า 'ความเจ็บปวด' ที่หยั่งลึกถึงแก่นแท้มันเป็นเช่นไร หญิงสาวหยุดความสับสนทั้งมวล จัดการส่องความเรียบร้อยในกระจก จัดแต่งทรงผมเล็กน้อยเตรียมตัวเองตามความเคยชิน "พี่พอส!" เธออุทานเรียกชื่อสามีเมื่อประตูเปิดและร่างใหญ่แทรกตัวเข้ามาภายในห้อง "ซองพลู! เข้ามาได้ยังไง นี่มันดึกมากแล้วนะ" น้ำเสียงเหมราชคล้ายตำหนิในที เขาพอเดาออกแล้วว่าเหตุใดมารดาจึงโทร.ไปสั่งกำชับให้กลับมานอนที่บ้านตั้งแต่เช้า "ทำไมคะ...ซองพลูเป็นเมียพี่พอสนะ จะดึกจะสว่าง ซองพลูก็มีสิทธิ์อยู่ทุกๆ ที่ในบ้านหลังนี้" หฤทชนันท์ย่างสามขุมเข้าหาชายหนุ่มอย่างถือสิทธิ์ ทว่าเขากลับเลี่ยงไปอีกทางจัดการกับเสื้อผ้าให้คลายความอึดอัด "พี่จะอาบน้ำ...แล้วนอนเลย ราตรีสวัสดิ์นะ" "พี่พอส!! กลับมาก็ไล่กันเลยเหรอคะ ไม่เข้าบ้านตั้งเป็นอาทิตย์ๆ ไม่นึกอยากอธิบายกันหน่อยเหรอคะว่าไปซุกก้นที่ไหนมา" ความเหลืออดถูกระเบิดมาเป็นอารมณ์หญิงที่พร้อมจะเหวี่ยงวีนเอาเรื่องกับการละเลยครั้งนี้...และทุกๆ ครั้ง "เราตกลงกันแล้ว..." "ใช่ค่ะ...เราตกลงกันแล้ว แต่พี่พอสเองนั่นแหละที่ไม่เคยทำตามข้อตกลงได้เลย เดี๋ยวก็มีคนนั้น เดี๋ยวก็มีคนนี้ จะให้ซองพลูเอาหน้าไปไว้ไหนคะ คุณพ่อคุณแม่อีกล่ะ ไหนจะคนในสังคมที่คอยซุบซิบนินทา เมื่อไหร่พี่พอสจะหยุดสักที" น้ำเสียงเริ่มสั่นเครือเจือสะอื้น มองสามีที่นั่งนิ่งเมินสายตาไปทางอื่นด้วยความปวดใจ "กลับไปนอนกับลูกเถอะ...มีอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้ พี่สัญญาจะอยู่กับลูกกับซองพลู" "พี่พอส...อย่าใจร้ายกับซองพลูอีกเลย" เหมราชสะดุ้งตัวนิดๆ เมื่อความอุ่นจากอ้อมกอดของหญิงสาวที่โผเข้าหาสัมผัสเนื้อตัวโดยไม่ทันระวัง เขาถอนหายใจและพยายามหาวิธีรักษาน้ำใจของอีกฝ่ายโดยให้เกิดความกระทบกระทั่งต่อกันน้อยที่สุด "อย่าทำอย่างที่คิดเลยซองพลู มันไม่มีประโยชน์หรอก...เราต่างก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ พี่อาจทำตัวไม่ดี แต่ซองพลูกับลูก พี่ก็รับผิดชอบทุกอย่างเต็มที่ ให้มันเป็นเหมือนเดิมเถอะนะ" "ทำไมคะ...ซองพลูเป็นเมียพี่พอส เมียคิดจะนอนกับผัวมันผิดตรงไหน! อยากรู้จริงๆ ว่าซองพลูสู้แม่พวกนั้นไม่ได้ตรงไหน พี่พอสถึงไม่เคยสนใจไยดีซองพลูเลย" เจ้าหล่อนไม่ยอม เบียดกายแทรกเข้าหาร่างหนุ่มในวัยฉกรรจ์แนบทุกสัดส่วนความสาวให้สนิทชิดเชื้อ "หยุดซองพลู! เลิกทำบ้าๆ ซะที" เหมราชหมดความอดทน แกะมือเล็กออกจากตัวและพยายามดันเธอออกห่าง ทว่าอีกฝ่ายสะบัดมือหลุด ผวาเข้ากอดเขาไว้อีกครั้ง ซบหน้าบนบนแผงอกแกร่งแล้วปล่อยสะอื้นอย่างเหลืออด "พี่พอสใจร้าย...ใจดำกับซองพลูที่สุด ถ้าไม่รัก ไม่คิดว่าจะรักแล้วมาแต่งงานด้วยทำไมคะ" "ซองพลู ใครบอกว่าพี่ไม่รักซองพลู เรารู้จักกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย พี่เคยรักเธออย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น เราต่างก็รู้ดี ใช่ไหม? ถ้าพี่ไม่รัก ไม่หวังดี พี่จะแต่งงานแบกภาระให้มันวุ่นวายทำไม สู้อยู่เป็นโสด เที่ยวให้สบายใจไม่ดีกว่าหรือ" "..." เพียงคำปลอบโยนที่เสียดแทงจิตใจถูกเปล่งออกมาให้หัวอกกลัดหนอง หญิงสาวก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง ปล่อยน้ำตาให้รินไหลไม่คิดหยุดยั้ง 'รักเหมือนเดิม' เธอไม่อยากได้ยินคำนี้... "ไม่สบายใจอะไรค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ มันดึกมากแล้ว" ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อนลง ฟังดูนุ่มนวลแต่เด็ดขาดในที เหมือนสื่อแสดงให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำแพงที่เขาสร้างเอาไว้ยังคงอยู่เหมือนเดิม ไม่ว่านานแค่ไหน มัน...ไม่เคยมีอะไรเปลี่ยนแปลง "ซองพลูนอนที่นี่ได้ไหมคะ" กระนั้นก็ยังอยากรั้น เผื่อตัวเองอาจจะแทรกสู่ความรู้สึกของเขาได้บ้าง "ซองพลู...พี่ขอร้อง เราอย่าทำผิดกันไปมากกว่านี้อีกเลย" เหมราชกล่าวพร้อมใช้มือดันร่างเล็กออกจากตัวเบาๆ และเธอก็ยอมอย่างว่าง่ายเหมือนหมดแรงเสียเต็มประดา ริมฝีปากสั่นระริก ดวงตานั้นฉายแววปวดร้าวเหลือคณา หากจะมีคนผิดจริงๆ คนนั้นคงเป็นเธอที่ตัดสินใจและปล่อยให้เขาหลงผิด ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า "ค่ะ...เราจะคุยกันพรุ่งนี้" หฤทชนันท์กล่าวอย่างสิ้นหวัง ความตั้งใจจะทำหน้าที่ภรรยาถูกพับเก็บ และผละห่างพร้อมร่างระหงของเธอที่เดินเอื่อยทอดน่องลาลับออกจากห้องนอนของผู้เป็นสามีไปอย่างเดียวดาย เสียงประตูปิดลงพร้อมๆ กับลมหายใจที่พ่นออกอย่างโล่งอกจากร่างใหญ่ที่นั่งอยู่บนที่นอน มีบางอย่างผิดปกติ แม้หฤทชนันท์เคยเจรจากับเขาเรื่องความสัมพันธ์หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนดูร้อนรนเท่าในคืนนี้เลย เกิดอะไรขึ้น... เป็นคำถามที่อยากรู้คำตอบใจจะขาด เพราะแน่นอน มันต้องเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา เมื่อเธอยังคงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาออกหน้าออกตาในสังคม แต่ทุกอย่างก็ต้องมีจังหวะเวลาของมันในการสืบเสาะ การปราศรัยกันให้รู้ความในยามวิกาลเช่นนี้ไม่ใช่ผลดี เพราะเขา...ไม่อยากทำร้ายซ้ำเติมหญิงสาวไปมากกว่านี้อีกแล้ว บาดแผลที่ไม่มีวันจางหายจากใจหฤทชนันท์ ไม่มีใครเยียวยาได้หรอก แม้กระทั่งผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีเช่นเขา ต่อให้เธอพยายามไขว่คว้าโหยหาอ้อมกอดนี้มากเท่าไหร่ สุดท้ายมันก็แค่ความคาดหวังของเธอที่จะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดของหัวใจที่แสนบอบช้ำ ไม่ให้ต้องทุรนทุรายอยู่ทุกขณะจิตอย่างที่เป็นอยู่ แต่หากเธอยอมรับความจริง ก็จะรู้ว่า...มันไม่มีทางเลย     "พี่พอส! มานี่เลย กำลังรออยู่เชียว ทำเรื่องงามหน้าอีกแล้วนะคะ!" เสียงหวีดแหลมดังต้อนรับทันทีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ดวงตาเขียวปั้ดที่คุ้นเคยมองเหมือนหยั่งรู้ว่าเขากำลังเหยียบย่างมาเยือน และพร้อมจะปาดคอเขาด้วยสายตาคมดุเหมือนแม่เสือนั้น "อะไรอีกล่ะ...เช้าๆ อย่าหาเรื่องน่าซองพลู" เขาถอนหายใจปลงๆ เหมือนทุกครั้งที่เผชิญกับเหตุการณ์นี้แต่ก็ไม่คุ้นเคยสักที หรืออาจเรียกว่า...ไม่หลาบจำ "ยัยหมิงอะไรนั่นเป็นใครคะ อยู่ที่ไหน บอกซองพลูมาเดี๋ยวนี้นะ แม่จะจวกให้ลูกออกเลยเชียว กล้ามากนะพี่พอสที่แอบกกกันจนไข่เต็มท้องแบบนี้เนี่ย!" "เบาๆ หน่อยลูกอยู่" เหมราชขยิบตาส่งสัญญาณเมื่อเห็นว่าลูกสาวตัวน้อยกำลังให้ความสนใจกับสิ่งที่พวกเขาสนทนากันด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย "พี่อ้อม...วันนี้ช่วยพามอลลี่ไปส่งโรงเรียนให้ด้วยนะคะ" "ค่ะ คุณผู้หญิง" สาวใช้ในบ้านรับคำสั่งและรีบอุ้มเด็กน้อยในชุดนักเรียนเดินออกไปอย่างรู้หน้าที่ ส่วนคนอื่นๆ ก็ทยอยพากันออกไปทำงานของตัวเอง ด้วยรู้ดีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ และพวกเขาไม่ควรเอาหูตามาสอดรู้สอดเห็น "มันอยู่ไหนคะ พาซองพลูไปหามันเดี๋ยวนี้นะ!" หฤทชนันท์ลุกพรวดปรี่เข้าหาสามีทันทีเมื่อปลอดคน สายตาและท่าทางของเธอเอาเรื่องเหมือนจะลืมความบางอย่างที่ต้องการคุยเมื่อคืนสนิทใจ "มันที่ไหนเล่า ไม่มีแล้ว ไปฟังใครเป่าหูมาอีกละเนี่ย เฮ้อ!..." สายตาหลุกหลิกหลบโฉบไม่กล้าสบประสานนั้นไม่เคยช่วยให้คำปฏิเสธของเขาประสบความสำเร็จสักที แต่มันก็เป็นความเคยตัวที่ต้อง 'ไม่รู้' 'ไม่เห็น' 'ไม่ใช่' เอาไว้ก่อนเพื่อยื้อลมหายใจตัวเองตามประสาพ่อปลาไหลที่ถูกจับใส่กะละมังนั่นแหละ รู้ว่าไปไม่รอดก็ยังดิ้นเผื่อหาทางรอด! "รู้ก็แล้วกัน! ท้องประจานกันขนาดนี้จะให้ซองพลูเอาหน้าไปพบใครได้คะ บอกมานะพี่พอสว่าเอานังหน้าด้านคนนั้นไปซ่อนไว้ที่ไหน บอกมา! บอกมานะ!" ไม่พูดเปล่ามือเล็กๆ ก็ทุบตีสามีตัวเองไปด้วยเพราะความเจ็บใจ "โอ๊ย! พอก่อนๆ พี่เจ็บ ท้องเทิ้งที่ไหนกัน ไม่ได้ท้อง! โธ่ ซองพลู พี่ระวังตัวเองจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นหรอก" แก้ตัวพลางก็จับมือแม่มดมัดรวบป้องกันตัวเองไปพลาง "ไม่ท้องแล้วมันจะกล้าโทร.มาหาซองพลู โทร.มาด่าซองพลูได้ยังไงคะ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงมันจะกล้าขนาดนั้นเลยเหรอ" ใช่แล้ว...ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครกล้าหยามเธอถึงเพียงนี้ นอกเสียจากเธอจะออกล่าลากมาสะสางเป็นรายบุคคลเสียเอง แต่หลังจากได้รับโทรศัพท์จากหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว กติกาเหล่านั้นก็ถูกละเมิดโดยพลัน และยิ่งจะล้ำเส้นเธอเข้ามาทุกทีๆ "อะไรนะ!" "ซองพลูพูดไม่เคลียร์หรือหูพี่พอสพิการคะ...นังนั่นมันโทร.มาด่าซองพลูเมื่อคืนหลังจากซองพลูกลับออกจากบ้านนี้ไปแล้ว ได้ยินไหมคะ!" "พี่ขอโทษ พี่จะไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก" เหมราชยอมรับโดยดุษณี มันเป็นความผิดของเขาที่ปล่อยให้บ้านใหญ่ถูกระราน ความคึกคะนองรักสนุก และลำพองใจว่าสามารถควบคุมทุกอย่างได้ทำให้เกิดความผิดพลาดมหันต์ เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีหญิงสาวคนไหนกล้าบิ่นขนาดท้าทายกับหฤทชนันท์ ด้วยต่างก็รู้กิตติศัพท์ของเธอดี "กี่ครั้ง...กี่หนที่พี่พอสรับปากแล้วทำไม่ได้ ตอนแต่งงานกัน พี่พอสก็รับปากจะเลิกเจ้าชู้ จะดูแลซองพลูกับลูกให้ดีที่สุด ไม่ทำให้ครอบครัวของซองพลูต้องขายหน้า ไม่ให้เรื่องคาวๆ ของพี่พอสมาสร้างความเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูลของซองพลู แล้วพี่พอสเคยทำได้สักอย่างไหมคะ นี่ถึงขนาดมาระราน ต่อไปไม่ยกโขยงกันมารุมตีซองพลูกับลูกตายคาบ้านเลยเหรอคะ" "ไม่เอาน่า...พี่ขอโทษ ขอโทษนะคนดี รับรองพี่จะจัดการให้เด็ดขาดที่สุด" เขารวบร่างเล็กของภรรยาสาวมากอดไว้ในอ้อมอก เมื่อเห็นว่าเธอกำลังปล่อยสะอื้นน้ำตาไหลเอ่ออาบแก้ม "พอเถอะค่ะ...พี่รู้ไหมทุกวันนี้ซองพลูเหนื่อยเหลือเกิน ต่อให้พยายามยังไง ซองพลูก็ไม่มีทางเป็นหนึ่งในใจพี่ได้เลยใช่ไหมคะ" หญิงสาวตัดพ้อพลางสะอื้น หลับตาบีบน้ำตาให้ไหลหยดอย่างจำนน เหนื่อยเหลือเกินแล้ว... "ซองพลูฟังนะ คือ...พี่ยอมรับว่าบางอย่างมันจริง แต่...ไม่มีใครท้องทั้งนั้น มอลลี่คือลูกสาวคนเดียวของพี่ และของเราด้วย ซองพลู..." เขาหยุดชั่วขณะเหมือนกำลังใช้การตัดสินใจ "พี่ขอโทษที่รับปากพล่อยๆ แล้วทำไม่ได้ แต่เธอก็ต้องเข้าใจพี่บ้าง พี่เป็นผู้ชาย..." "ซองพลูถึงอยากให้เราเป็นครอบครัว...ที่สมบูรณ์แบบ" "เราเป็นครอบครัวซองพลู แต่ทุกอย่างมีขอบเขตของมัน พี่มีหน้าที่ต้องดูแลเธอกับลูกให้ดีที่สุด อย่าไปกังวลเรื่องอื่น พี่จะจัดการมันเอง รู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าพี่ทำได้ดีมาตลอด" "แต่คุณพ่อ...คุณแม่..." หญิงสาวเผยความหวาดหวั่นบางอย่างทางสายตาและน้ำเสียงที่สั่นเครือ "พี่จะรักษาชื่อเสียงและภาพพจน์ของวงศ์ตระกูลของซองพลูไม่ให้ด่างพร้อย แม้พี่อาจจะไม่เดินตามเส้นระเบียบแบบแผนที่ถูกวางไว้ แต่พี่ก็รู้ว่าอะไรควรไม่ควร...ได้แค่ไหน" "พี่พอสไม่เคยสนใจความรู้สึกของซองพลูเลย ทำร้ายจิตใจซองพลูมาตลอด..." คนตัวเล็กในอ้อมกอดยังตัดพ้อและผละห่างออกจากอ้อมแขนพร้อมปาดเช็ดน้ำตาที่เปื้อนแก้มของตัวเอง "อย่าฝืนใจตัวเองคนดี...อย่าคิดลอง เพราะเราจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก มันไม่ทำให้ซองพลูมีความสุขอย่างที่เข้าใจหรอก เชื่อพี่เถอะ" "พี่พอส..." เขาคือเขา...เหมราชผู้อบอุ่นอ่อนโยน แต่ไม่เคยเข้าถึงได้... "เอาละ ทีนี้เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืน ถึงได้คิดพิเรนทร์อุตริขนาดนั้นน่ะ" คำถามที่ถามกลับเรียกเลือดฝาดบนใบหน้าสาวให้แดงระเรื่อเพิ่มขึ้น เธอฟึดฟัดเดินห่างจากเขาไปนั่งที่เก้าอี้ดังเดิม "คิดจะเปลี่ยนประเด็นเพื่อเอาตัวรอดเหรอคะ" "เปล่า! ไม่เห็นจำเป็น" คนถูกกล่าวหาเค้นเสียงสูงแต่ไม่ได้ช่วยปกปิดอาการอย่างที่ว่าไว้แม้แต่น้อย ทุกอย่างมันฟ้องทางสายตาไม่อยู่กับร่องกับรอยเมื่อถูกจับผิด กระนั้นปากก็ยังแข็งเป็นปกติวิสัย "เอาเป็นว่าเรื่องยัยหมิงอะไรนั่น พี่พอสจัดการให้เรียบร้อยก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะทราบก็แล้วกัน ซองพลูไม่อยากให้ท่านไม่สบายใจ ถ้าขอให้หยุดคงทำไม่ได้ แต่ถ้ามีให้เห็นอีก คราวนี้ซองพลูไม่ปรานีแล้วนะคะ" ขณะพูดนัยน์ตาคมหวานแฝงแววกังวล สำนึกผิด และวิตกอยู่ไม่ใช่น้อย ซึ่งเหมราชเองเข้าใจในจุดนั้นเป็นอย่างดี แม้จะมีก่นขู่กันตบท้าย แต่เธอไม่ได้มีสีหน้าเอาจริงเอาจังอย่างที่ผ่านๆ มา คล้ายว่าจะล้าเหนื่อยเสียเต็มประดาแล้วอย่างไรอย่างนั้น "อือฮึ...ว่าเรื่องของเรามาเถอะ" ก็รับปากแบบนี้ทุกรอบนั่นแหละ "เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่พี่พอสไม่ค่อยกลับมาบ้านก็เลยสงสัย แต่นี่ก็ได้รู้แล้วว่าไปติดยัยเหม็นนั่นจนเกิดเรื่องอีกจนได้ เหมือนที่คิดไว้ไม่มีผิด" "แค่นี้เนี่ยนะ..." "ค่ะ...แต่นี้แหละ" "หืม?" เหมือนไม่แน่ใจ จับผิดแกมบังคับให้เผยบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใต้สีหน้าวิตกนั้น "อึ่ม...ซองพลูมีนัดกับเพื่อน ขอตัวก่อนนะคะ พี่พอสอย่าลืมเรื่องนังเหม็นนะ ถ้ายังยืดเยื้อกันอีก ซองพลูไม่เลี้ยงไว้ดูเล่นแล้วนะคะ" หฤทชนันท์พูดทิ้งท้ายพลางพาตัวเองลุกจากโต๊ะรับประทานอาหาร และรีบปรี่ออกไปอย่างไม่คิดหันหลังกลับ สร้างความแปลกใจให้กับคนที่นั่งมองอยู่ไม่ใช่น้อย มีนัดกับเพื่อน...ตอนนี่เพิ่งหกโมงเช้า? เมื่อคืนคุยกันว่าวันนี้เขาจะให้เวลากับเธอและลูกทั้งวัน หรือหฤทชนันท์ลืม? เรื่องนางในฮาเร็มที่โทร.มาราวีเมื่อคืน ตามนิสัยหฤทชนันท์แล้ว เธอต้องอาละวาดมากกว่านี้สิ ต้องคาดคั้น สืบเสาะ หรืออาจตระเวนไล่ล่าให้รู้ดำรู้แดงกันภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงจะถูก มาจบง่ายๆ แค่เขาแก้ตัวไม่กี่คำเนี่ย มันไม่ใช่ละ มันผิดปกติ...อย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ หรือ...หฤทชนันท์อาจนัดเพื่อนไปถล่มกิ๊กกั๊กของเขา แต่ดูจากลักษณะน่าจะไม่ใช่ บางอย่างคลุมเครือกว่านั้น แสดงว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญเอามากๆ "ป้าพิมพ์ๆ มานี่หน่อย!" ว่าแล้วก็เรียกหาแม่บ้านเก่าแก่เพื่อสอบถามบางอย่าง "สองสามวันมานี้ที่บ้านมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นบ้างไหม" ชายหนุ่มเอ่ยกับหญิงวัยกลางคนที่เดินปรี่อุ้ยอ้ายตามสังขารเข้ามายืนกุมมือไว้ด้านหน้าตามมารยาท "บ้านไหนคะ บ้านนี้หรือบ้านหลังเล็ก" ป้าพิมพ์หมายถึงบ้านอีกหลังที่หฤทชนันท์พักอาศัยอยู่กับลูกสาว ซึ่งก็อยู่ภายใต้รั้วเดียวกันนั่นแหละ มีระยะอาณาเขตห่างไม่ถึงยี่สิบเมตร "ก็ทั้งสองนั่นแหละ..." "ไม่มีอะไรนี่คะคุณ แค่คุณซองพลูเธอดูกระวนกระวายหาตัวคุณให้ควั่กเท่านั้นเอง ตามไปที่บริษัทก็ไม่เจอ ไปหาที่คอนโดฯ ที่บ้านคุณผู้หญิงก็ไม่เจออีก เด็กที่บ้านก็โดนหางเลขกันเป็นแถวละค่ะ ทำอะไรไม่ถูกใจเธอสักอย่าง" ป้าพิมพ์รายงานเชิงระบายความในใจไปด้วย เจ้านายของนางเหลือบมอง ไม่ได้เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย หากวันไหนหฤทชนันท์อารมณ์บูดบึ้งก็มักจะเป็นเช่นนี้เสมอ แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังเอาตัวไม่ใคร่จะรอดเลย "แน่ใจนะป้าว่าไม่มีอะไร ผมว่าซองพลูเขาไม่ชอบมาพากลกว่าทุกครั้งแค่นั้นแหละ เท่าที่ป้าบอก เขาก็น่าจะมีธุระกับผมสิ นี่เจอกันก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย เอาแต่ทำตัวแปลกๆ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ" "หรือคุณซองพลูจะท้องคะ..." ป้าพิมพ์สันนิษฐาน ทำเอาร่างใหญ่ที่นั่งคร่ำเคร่งสะดุ้งเพริด ถลึงตาใส่แม่บ้านร่างท้วมทันที "ท้องบ้าท้องบอสิป้า เอ้อ! พูดไปได้" เจ้าของบ้านพูดพลางเหลือบมองป้าพิมพ์ที่อมยิ้มลอบขำเขาอยู่กลายๆ แล้วถอนหายใจก่อนจะเริ่มหันมาสนใจกับเมนูมื้อเช้าตรงหน้าซึ่งถูกเตรียมไว้ให้ก่อนเขาจะลงมาเสียอีก "อ้อ...มีเรื่องหนึ่งค่ะ แต่ไม่ทราบว่าผิดปกติหรือเป็นปกติสินะคะ" "หืม..." เขาลดช้อนที่กำลังตักข้าวต้มปลาเข้าปากแล้วหันมองหน้าแม้บ้านอีกครั้ง "ค่ะคุณ...เมื่อสามสี่วันก่อนมีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางน่ากลัวมาด้อมๆ มองๆ แถวบ้านค่ะ หนวดเคราพะรุงพะรังเหมือนโจรไม่มีผิด มาถามหาคุณกับคุณซองพลูด้วยนะคะ" "จริงเหรอ...แล้วใครเป็นคนเห็น บอกรายละเอียดมากกว่านี้ให้ผมได้ไหมป้า" เหมราชวางช้อนทันทีเมื่อจับประเด็นจากการบอกกล่าวของป้าพิมพ์ อาจเป็นเหตุบังเอิญ เป็นเรื่องปกติที่ใครผ่านไปผ่านมาจะแวะถามไถ่ หรืออะไรก็ช่าง แต่มันเรียกความสนใจชายหนุ่มได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว "ป้าเนี่ยละค่ะเป็นคนเห็น แต่ป้าไม่ได้บอกอะไรไปนะคะ เพราะท่าทางไม่น่าไว้ใจเลยให้ตาแช่มแกช่วยไล่ไปค่ะ" "ผู้ชายคนนั้นมีลักษณะยังไง ป้าพอจะจำได้ไหม แล้วซองพลูรู้เรื่องนี้ด้วยหรือเปล่า" คราวนี้เหมราชถามรัว จับจ้องป้าพิมพ์ประมาณให้รีบตอบคำถามเขาโดยเร็วที่สุด "ค่ะ...ก็ตัวสูงๆ เกือบเท่าๆ คุณพอสนี่แหละค่ะ แต่ร่างหนากว่าตัวใหญ่กว่าสักนิด หน้าตาไว้หนวดไว้เครา ใส่แว่นดำ เสื้อผ้าก็ดูมียี่ห้อนะคะ แต่ท่าทางไม่น่าไว้ใจอยู่ดี พอคนแปลกหน้านั่นกลับไป ป้าก็บอกคุณซองพลูเธอค่ะ เผื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นทีหลัง เราจะได้รู้ทางค่ะ" "เหรอ...งั้นก็ไม่ใช่..." "คะ...อะไรไม่ใช่คะคุณ" "อ๋อเปล่า...ไม่มีอะไร ป้าไปทำงานเถอะ" คนรับฟังปล่อยตัวให้แผ่นหลังพิงเก้าอี้คล้ายผิดหวังอะไรบางอย่างก่อนจะถอนหายใจ และพยักหน้าให้ป้าพิมพ์เป็นสัญญาณบอกให้แกไปทำงานอื่นต่อได้ ส่วนตัวเขานั้นลุกจากเก้าอี้โดยไม่ได้แตะต้องมื้อเช้าตรงหน้าอีกเลย การรอคอยบางครั้งมันสร้างหลายสิ่งหลายอย่างไว้บนระยะทางที่ยาวนานนั้น จนยากจะลบเลือน...    
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD