“เก็บดอกกุหลาบไปให้ใครเหรอลูก”
แขกกลับไปนาน เสียงรถก็เงียบหายไปสักพัก รอที่เดิม อยากคุยกับลูกชาย รอนานภารนัยไม่เข้ามาสักทีคุณภาวินีออกมาดู
ไม่ได้ทักตั้งแต่ดอกแรก ลูกนำกรรไกรแต่งกิ่งมาตัดดอกแล้วดอกเล่า ทะนุถนอมถือไม่ให้กลีบช้ำได้หนึ่งกำมือจึงลองถาม
จะว่าให้เจนจิราก็ไม่น่าใช่ ในเมื่อลูกชายวางตัวเหินห่างกับหญิงสาว ข้อสันนิษฐานเดียว ภารนัยน่าจะมีผู้หญิงที่ดูใจกันอยู่แล้ว
“เอาไปใส่แจกันในห้องนอนครับ คุณแม่ไม่หวงใช่ไหมครับ” เขินเลยสิ วีลแชร์ไฟฟ้าเงียบจนภารนัยไม่ได้ยินเสียงว่าถูกท่านเฝ้ามอง
“ไม่หวงหรอกลูก ก็แค่ดอกไม้ อยากจะเอาไปเท่าไหร่ก็เอาไป”
ภารนัยรู้สึกว่าทำตัวน่าอาย นำดอกกุหลาบไปเก็บในรถยนต์ ล้างมือให้สะอาด ก่อนมาเข็นวีลแชร์พามารดาเข้าไปพักผ่อนในบ้าน
“ไม่เก็บเพิ่มแล้วเหรอ หลังบ้านเรามีเยอะเลยนะ แม่ให้เด็กในบ้านช่วยกันปลูก ยามเช้า ยามเย็นไปชมสวนก็เพลินสายตาแม่ดี”
“แจกันในห้องผมมีไม่มาก เก็บไปเท่านั้นก็ล้นแล้วครับ”
“แน่เหรอ ถ้าไม่บอก แม่นึกว่านัยจะเก็บไปให้สาว”
“ช่วงนี้สุขภาพคุณแม่เป็นยังไงครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องคุย
“เหมือนเดิมนั่นแหละลูก นอนทั้งวัน เบื่อจะแย่ มีวันนี้แม่รู้สึกเหนื่อย คงเพราะพูดคุยกับน้องเจนกับคุณจิรัชมากเกินไป”
โรคที่ท่านเป็นเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เหนื่อยขึ้นมาแต่ละทีเหมือนจะตาย หายใจไม่ออก มีเสียงดังในปอด หน้ามืด ในบางวันเวียนหัวจนจะวูบ
“เสียงคุณแม่ฟังดูเหนื่อยจริงๆ ด้วยครับ ผมจะพาไปพักผ่อน”
ลูกชายคนเดียวเข็นวีลแชร์มารดาตามหลังป้าน้อม แม่บ้านเก่าแก่ไปยังห้องนอน มารดาสุขภาพดีในอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน มีแอร์หลายตัวสลับกันเปิด กำหนดองศาไว้ที่เลขยี่สิบ เย็นฉ่ำทั้งวัน
“นัยน่าจะอยู่ค้างกับแม่สักคืน แม่เหงา อยู่บ้านคนเดียวทุกวัน”
“คนเดียวที่ไหนครับ มีป้าน้อมทั้งคน”
ป้าน้อมยิ้มรับ ทุกคืนป้าจะรับหน้าที่นอนเป็นเพื่อนมารดาภารนัย จนชินกับแอร์หนาวเย็น ลองเปลี่ยนให้ธารธารามานอน น่าจะต้องห่มผ้าสองชั้น รายนั้นขี้หนาวมาก เปิดแอร์ยี่สิบห้าคือเมตตาเขา ความชอบของหล่อนคือยี่สิบแปด
“ป้าน้อมก็ส่วนของป้าน้อมสิลูก แม่คิดถึงนัยนี่นา ตั้งแต่คุณพ่อเสีย นัยย้ายออกไปอยู่คอนโดฯ ไม่ยอมกลับมานอนบ้านเราสักคืน แม่ชักจะอยากให้นัยแต่งงานกับน้องเจนเร็วๆ แล้วสิ นัยจะได้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน มีหลานหน้าตาน่ารักให้แม่อุ้ม ชีวิตแม่จะได้มีสีสันกับเขาบ้าง หมั้นหมายเข้าปีที่ห้า สมควรต่อการคุยเรื่องแต่งงานได้แล้วนะลูก”
“ผมยังไม่อยากแต่งงานครับคุณแม่”
ล็อกล้อวีลแชร์ไว้ ถอยกลับมานั่งทับส้นต่อหน้าท่าน
แสบร้อนบนปากอยากเล่าเรื่องหนูพริกหวานให้ฟัง แต่กลัวว่าท่านจะตกใจจนช็อกและผิดหวังในตัวเขา
“นัยอายุไม่ใช่น้อยๆ นะลูก เอากลับไปทบทวนใหม่เถอะนะ แม่อยากให้นัยแต่งงานมีครอบครัว แม่สุขภาพไม่ดี จะตายวันตายพรุ่งไม่รู้ แม่ไม่อยากห่วงนัย อยากให้มีคนดีๆ เข้ามาดูแลนัย”
“ครับ ผมจะเก็บไปคิดทบทวน คุณแม่เหนื่อยมากแล้ว อาบน้ำแล้วนอนพักผ่อนเถอะนะครับ ไว้ผมจะแวะมาเยี่ยมคุณแม่บ่อยๆ”
“พรุ่งนี้นัยจะมาใช่ไหมลูก แม่รับคำน้องเจนไว้แล้ว”
“สารภาพตามตรง ผมไม่อยากมาครับ ถ้าจำเป็นจริงๆ ผมอาจจะเลิกงานสี่ทุ่ม ห้าทุ่ม หรืออาจจะเที่ยงคืนเลยก็ได้”
“แหม พูดเล่นหรือพูดจริงจ๊ะ ไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้นะลูก” ถอนลมหายใจ ถ้าถึงขั้นนั้นก็เกินไป
“เอาเถอะ ถ้าไม่อยากมาก็ตามใจ โทรบอกแม่ก่อนแล้วกัน แม่จะช่วยคุยกับน้องเจน”
“ขอบคุณครับ” หอมแก้มท่านชดเชยช่วงเวลาที่มัวแต่บ้างาน ไม่มีเวลาว่างกลับมาดูแลท่าน ให้สมกับที่เป็นลูกชายคนเดียว
“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ เอางานกลับมาทำที่คอนโดฯ ยังทำไม่เสร็จ พรุ่งนี้ก็จะวันจันทร์อีกแล้ว วันหยุดของผมผ่านไปเร็วมาก”
“ทำงานจริงหรือเปล่า กลัวเอางานบังหน้า แต่แอบซุกผู้หญิงไว้” คุณภาวินีแกล้งจับผิด ฝ่ายภารนัยหน้าถอดสีเพราะท่านทายถูกเป๊ะ
“ไม่มีหรอกครับ ตราบใดที่เคลียร์เรื่องน้องเจนไม่ลงตัว ผมไม่กล้ามีหรอกครับ ป้าน้อม ผมฝากดูแลคุณแม่ด้วยนะครับ กลับบ้านครั้งหน้าผมจะซื้อของอร่อยๆ กลับมาฝาก”
เขากลัวมารดาจะรับไม่ได้ จึงออกตัวปฏิเสธไปก่อน
“เฮ้อ! ท่าทางว่าฉันคงจะอดอุ้มหลานแล้วแม่น้อม”
เสียงรถลูกชายขับออกไปท่านถอนหายใจ ถ้าขาดี ไม่พิการ ก็อยากไปเยี่ยมลูกชายโดยไม่บอกล่วงหน้า จะได้รู้กันไป ว่าคนที่มาเปิดประตูให้จะเป็นลูกชายท่าน หรือผู้หญิงที่เขาซุกซ่อนไว้