ตอนที่ 5

1044 Words
ประตูเปิดออกมาตามเวลาที่ระบุไว้คือครึ่งชั่วโมง           ชมจันทร์ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจกระชั้นถี่ ดวงตาสวยหวานที่แต่งแต้มไว้อย่างประณีตมองไปที่บานไม้ซึ่งเปิดอ้าออก มีแววหวั่นใจปนหวาดกลัวอยู่ในนั้น หล่อนกลัวที่จะได้เห็นคนก้าวเดินออกมา หล่อนควรเอากระเป๋าปิดบังใบหน้าไว้เพื่อกันผู้หญิงคนนั้นเห็นหน้าหล่อน ทว่า... ไม่มี           ไม่มีใครเลยที่เดินออกมา ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เดชหรือลูกค้าที่ส่งเสียงครางกระเส่าจนทำให้หล่อนสติหลุดเข้าไปอยู่ในภวังค์ รับรู้แรงตอดรัดของร่องหลืบได้ตามที่เจ้าของเสียงด้านในเป็น ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เดินออกมา           “เข้ามาสิ”           นั่นคือเสียงจากด้านในที่ทำให้ชมจันทร์ผวา หล่อนเม้มริมฝีปากนิ่ง หัวใจเต้นรัวเร็ว หล่อนควรเข้าไปหรือเปล่า แต่...           “คงไม่เป็นไรมั้ง ผู้หญิงคนนั้นยังไม่ออกมาเลย”           พึมพำพลางชะเง้อมองเข้าไปด้านใน ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเสียงคนด้านในเอ่ยสำทับ           “จะเข้าหรือไม่เข้า ถ้าไม่เข้าก็กลับไป อีกครึ่งชั่วโมงก็จะมีลูกค้ารายใหม่ คุณไม่ใช่ลูกค้าคนเดียวของวันนี้”           ชมจันทร์กัดปากตัวเอง ฮึดฮัดขัดใจแต่หล่อนก็ไม่มีทางเลี่ยง มาถึงแล้วก็ต้องลองดูสักครั้ง ถ้าจะโดนหลอกลวง หรืออาจารย์เดชจะทำมิดีมิร้ายหล่อนเหมือนผู้หญิงคนนั้น หล่อนก็มีตัวช่วย           มือเอื้อมจับวัตถุในกระเป๋าสะพาย ‘เครื่องช๊อตไฟฟ้า’ หล่อนเตรียมมาด้วย แต่...           เสียงครวญครางของผู้หญิงคนนั้น ถูกทำมิดีมิร้ายจริงๆ เหรอ หล่อนว่านั่นคือความสุขสมมากกว่ามั้ง           ชมจันทร์ลุกขึ้นยืน เรียกความกล้าให้ตัวเอง เพราะผู้หญิงคนนั้นก็อยู่ด้วยแล้วหล่อนจะกลัวอะไร ร่างงามสมส่วนค่อยๆ เดินไปที่ประตู แค่มองเห็นด้านในได้หล่อนก็รีบกวาดตามองพื้นที่อย่างเร็วรี่           ด้านในนั้นสว่างจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ทำให้เห็นทุกพื้นที่ ไม่ได้มืดทึบอย่างที่หล่อนเห็นในละคร ไม่ได้มีบรรยากาศขลัง น่าหวาดหวั่นสักนิด และนอกจากผู้ชายร่างสูงใหญ่ใส่ชุดขาวนั่งหันหลังให้หล่อนอยู่หน้าโต๊ะทำพิธี ก็ไม่มีใครคนอื่นอีก ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อยู่ แล้วหล่อนไปไหนล่ะ           “รีบเข้ามา ปิดประตูด้วย ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้เห็นเรื่องของคุณ”           เสียงทุ้มดูหนุ่มเอ่ยเรียบๆ แต่ชมจันทร์กลับคิดว่านั่นคือน้ำเสียงเยาะเย้ยน้อยๆ และปนไปด้วยคำสั่งให้หล่อนทำตามอย่างเคร่งครัด หล่อนจำใจเดินเข้าไป ห้องกว้างราว 4 คูณ 4 เมตรนี้ ก็ไม่น่ากลัวเท่าไร สว่างแบบนี้ด้วย หล่อนยิ่งเห็นทุกสิ่งทุกอย่างได้ง่าย           ชมจันทร์พยายามเดินให้ฝีเท้าเงียบที่สุด ก่อนจะหันกลับไปปิดประตู           “ขัดกลอนด้วย เผื่อใครไม่รู้ทะเล่อทะล่าเข้ามา ได้อายไปสามบ้านแปดบ้าน”           หล่อนสูดลมหายใจ กลอกตามองบน พลางกัดริมฝีปากตัวเอง นี่หล่อนต้องยอมทุกอย่างใช่ไหม เพื่อให้ได้ผัวกลับคืนมา หล่อนต้องยอมให้หมอเสน่ห์หมอผีที่ไหนไม่รู้มาสั่งให้ทำโน่นนี่           คิดแล้วก็นิ่วหน้า ขัดไม้เข้าร่องเพื่อเป็นการล็อคจากด้านในไม่ให้คนด้านนอกเข้ามาได้ ก่อนจะทรุดร่างลงนั่งบนเสื่อผืนเก่าซึ่งปูไว้ไม่ห่างจากหน้าประตู คงเป็นพื้นที่ให้ลูกค้านั่ง            ชมจันทร์มองทุกสิ่งรอบตัวเท่าที่หล่อนพอจะเห็น ผู้ชายที่นั่งหันหลังให้หล่อนคงเป็นอาจารย์เดช ด้านหน้าของเขามีโต๊ะประกอบพิธีกรรม           ‘ไม่เห็นเหมือนในละครเลยแฮะ คิดว่าจะมีกะโหลกผีปักเทียนไว้ซะอีก’           ที่หล่อนเห็นมีแค่โต๊ะปูพื้นเมลามีนสีขาว มีพานดอกไม้ธูปเทียน มีอ่างน้ำมนต์ขนาดใหญ่ และมี...           หน้าหล่อนชาวูบเพราะบนพานขนาดใหญ่นั้น สิ่งที่วางอยู่ในพานก็ใหญ่มโหฬารจริงๆ ถึงตอนนี้ชมจันทร์ก็รู้ที่มาของเสียงร่ำร้องครวญครางจากผู้หญิงคนนั้นแล้วล่ะ           และแค่อาจารย์เดชขยับตัว ชมจันทร์รีบมองไปทางอื่นโดยเร็ว หล่อนมองไปที่ด้านซ้ายของห้อง ที่นั่นมีประตูที่ขัดกลอนจากด้านในเหมือนกัน คงเป็นช่องที่ผู้หญิงคนนั้นออกไปหรือเปล่า           หรือจะเป็นด้านขวา ก็มีประตูเหมือนกัน หรือจะเป็นด้านหลังโต๊ะทำพิธีที่เป็นผ้าม่านกางกั้นเอาไว้ ด้านหลังผ้าม่านนั้นมีอะไร หล่อนไม่อาจรู้ได้ ถ้าไม่เดินไปดูเอง           คิดแล้วชมจันทร์ก็อดไม่ได้ที่จะหวาดหวั่น นี่หล่อนคิดถูกหรือผิด ที่ทำตัวไร้ศักดิ์ศรีและพาตัวเองมาในสถานที่แบบนี้ ถ้าทำแล้วภาคินก็ไม่กลับมาหล่อนล่ะ สาบานว่าหล่อนจะไม่มาที่นี่และไม่ทำแบบนี้อีก ครั้งเดียวก็เกินพอ สำหรับเรื่องบ้าๆ แบบนี้           ทว่าความคิดของชมจันทร์ต้องชะงักลงเพราะอาจารย์เดชกำลังหันกลับมาเผชิญหน้ากับหล่อน           ทันทีที่เห็นใบหน้าของอาจารย์เดชชัดเจน ชมจันทร์เหมือนลืมเสียงตัวเองไว้ที่บ้าน เพราะหล่อนพูดไม่ออก ผู้ชายที่มองหน้าหล่อน และหล่อนก็มองหน้าเขาอยูนี้           “เดช...”           เสียงเหมือนจะถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เพราะอาจารย์เดชคนนี้ คือคนเดียวกับ ‘เดช’ เพื่อนสนิทของภาคินเมื่อครั้งที่หล่อนกับภาคินเรียนมหาวิทยาลัย           ทว่าเดชในวันนี้ไม่ใช่ชายหนุ่มร่างผอมสูงใส่แว่นหนาเตอะอีกแล้ว เดชในวันนี้เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ มีกล้ามเนื้อแน่นไปทุกสัดส่วน โดยเฉพาะใบหน้าตอบนั้นกลับกลายเป็นหล่อคมเข้ม จนหล่อนบอกตัวเองว่า เขาหล่อมากจริงๆ และสายตาที่มองมาเรียบเฉยนั้นก็ยิ่งเสริมความคมเข้มให้เขาดูดี น่าค้นหา น่า...           ชมจันทร์เผลอกลืนน้ำลายลงคอ อาจเป็นแค่คนหน้าคล้ายก็ได้ อาจารย์เดชคนนี้อาจไม่ใช่เดชเพื่อนของภาคิน แต่จะเป็นไปได้เหรอที่หน้าจะคล้ายและเสียงก็ยังเหมือน           “จำเราได้หรือเปล่าชม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD