1|แผลเป็น...ที่สวยงาม

1316 Words
             สายลมพัดแรง  ต้นไม้โยกไหวตรงหน้า  ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งเดินจากในบ้าน  มายืนตรงชานเรือนไม้ขนาดใหญ่ เธอชะโงกหน้าออกไปมองนอกบ้านด้วยสีหน้าค่อนข้างเป็นกังวล  ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้ม   เพราะเมฆฝนขนาดใหญ่มาบดบัง  เห็นอย่างนี้แล้วก็ยิ่งรู้สึกห่วงคนที่ยังไม่กลับมาถึงบ้านมากขึ้น              เสียงฝีเท้าที่กระทบลงกับพื้นไม้  ทำให้เธอหันไปมอง เป็นมารดาของเธอนั่นเองที่เดินออกมาสมทบ  สีหน้ากังวลคล้ายกันกับเธอ  "นี่ยังมาไม่ถึงกันอีกหรือ...ริน"                                                                                "ยังเลยค่ะ แม่" รินรดาหันมาตอบผู้เป็นแม่  ผมยาวปลิวสยายตามแรงลม  จนเธอต้องใช้มือทั้งสองรวบผมเอาไว้  "พ่อก็ออกไปรับยัยหนูตั้งแต่สามโมงแล้วนะคะ”              "โทร. ถามหรือยัง ว่าพ่อเขาถึงไหนแล้ว"                 "พ่อวางมือถือไว้บนโต๊ะ...คงลืมเอาไป" หญิงสาวตอบ                                                         ผู้เป็นแม่ฟังแล้วส่ายหน้า และไม่ลืมที่จะบ่นตาม "ตาแก่นี่ยังไง ไม่ชอบพกมือถือเลย เวลามีเรื่องร้อนใจ จะโทร. หาก็ไม่ได้ทุกที"                                                 "พ่อคงลืมมากกว่าค่ะ" หญิงสาวหันมาตอบผู้เป็นแม่ เวลาเดียวกันก็เห็นรถกระบะสีดำสี่ประตูเคลื่อนเข้ามาในบริเวณบ้าน  เธอจึงรีบชี้ให้ผู้เป็นแม่ดู  “เอ๊ะ! นั่นกลับมากันแล้วค่ะ"                                                                                              เวลานั้นเม็ดฝนก็เริ่มโปรยปรายจากเบื้องบนลงมา หญิงสาวจึงหันมา บอกผู้เป็นแม่อีกครั้ง  "เดี๋ยวรินเอาร่มไปรับพ่อกับยัยหนูเอง แม่เข้าไปรอในบ้านก่อนนะ"                                                                                                                            จากนั้นหญิงสาวก็รีบเดินกลับเข้าไปในบ้าน   เดินออกมาอีกครั้งพร้อมกับถือร่มคันใหญ่มาด้วย   แล้วรีบสาวเท้าลงไปรับคนที่กำลังจะลงจากรถกระบะสีดำคันนั้นอย่างรวดเร็ว                                                                                                    ใช้เวลาไม่นาน  คนทั้งสามที่อยู่ในร่มคันเดียวกันก็พากันเดินกลับขึ้นมาบนบ้าน หญิงสาวพับร่มเก็บ แล้วเดินจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามานั่งยังชุดเก้าอี้ไม้สักขนาดใหญ่ เป็นเวลาเดียวกันกับผู้หญิงสูงวัยอีกคนที่เดินกลับเข้าไปในห้องนอน  ก่อนจะเดินออกมาสมทบอีกครั้งในมือก็ถือผ้าขนหนูติดมาด้วย                             “ดูสิ ยัยหนูของยายเปียกไปหมดแล้วเนี่ย" คนที่เป็นยายของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ค่อย ๆ ใช้ผ้าขนหนูในมือเช็ดไปที่ผมเปียทั้งสองข้าง                                                           เด็กน้อยในชุดกระโปรงเครื่องแบบโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง เงยหน้าฉีกยิ้ม ดวงตาหวานที่ได้จากผู้เป็นแม่มานั้นสุกสกาวอยู่กับถุงใส่ของเล่นในมือ  เด็กน้อยยื่นถุงนั้นให้ผู้เป็นแม่และยายดู  พลางอวดด้วยความดีใจ "ดูซี่จ้ะแม่จ๋า ยายจ๋า...ตาจ๋าซื้อของเล่นให้หลานด้วย"                                               "นี่ ตาคงพาหลานไปเที่ยวถึงไหนต่อไหนอีกล่ะสิ  ถึงได้กลับเข้ามาบ้านมาจนค่ำป่านนี้"  คนเป็นยายบ่น   มองถุงของเล่นในมือป้อม ๆ แล้วทั้งยิ้มและส่ายหน้าไปในคราวเดียวกัน                                                                                              "ตาพาหลานไปกินไอติมค่า อร๊อย อร่อย" แทบไม่ต้องให้คนถูกถามแกมบ่นตอบ  เด็กหญิงตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมาตอบแทนเองเสร็จสรรพ   ก่อนจะเริ่มแกะห่อของเล่นที่ได้จากผู้เป็นตาทันที ทำให้ผู้ใหญ่สองคนส่งสายตาที่ระอานิด ๆ  ไปทางผู้เป็นตาของเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ว่านั้นต่อไป                                                                 "มิน่าล่ะ  ถึงพากันกลับช้า"                                                                       "คราวนี้พาไปซื้อของเล่นกันถึงในตัวเมืองเลยเหรอคะ พ่อ"  หญิงสาวถามเมื่อเห็นชื่อร้านที่ประทับไว้บนถุง ทำให้นึกถึงร้านขายของเล่นแห่งหนึ่ง ที่หลายวันก่อนคนทั้งสี่ได้นั่งรถผ่านไปด้วยความบังเอิญ ขณะที่ผู้ใหญ่ภายในรถกำลังสนทนากันอยู่นั้นจู่ ๆ คนตัวเล็กสุดในรถก็ชี้นิ้วไปที่ร้านของเล่นแห่งหนึ่ง แล้วบอก 'อยากได้ของเล่นในร้านนั้น'                                                          แต่เนื่องจากรถเลยร้านของเล่นแห่งนั้นไปตั้งไกลแล้ว จึงไม่ได้เลี้ยวรถกลับ… อ้อ ผู้เป็นตาคงเก็บเอาไว้ในใจ พอวันนี้สบโอกาสจึงได้อาสาไปรับหลานเอง  และพากันกลับไปที่ร้านของเล่นนั่นอีกครั้งล่ะสินะ                                                    "พ่ออย่าตามใจหลานให้มากนักนะ  เดี๋ยวจะเสียนิสัย อยากได้อะไรก็ต้องได้  ถ้าไม่ได้ก็ร้องไห้จ้าอยู่นั่น" คนเป็นยายอดไม่ได้ที่จะบ่น เช็ดเนื้อตัวหลานสาวจนแห้งแล้ว จึงวางผ้าขนหนูลง                                                                                               "เฮ้ย! ตามใจที่ไหนล่ะแม่ พ่อแค่แวะไปดูไม้ที่ใช้ทำบ้านในไร่ที่ร้านในเมืองต่างหาก แล้วบังเอิญผ่านร้านของเล่นนั้น  เลยพายัยหนูแวะ ไม่ได้ตั้งใจจะพาไปซื้อของเล่นแต่แรกสักหน่อย" คนเป็นตาร้อนตัวรีบอธิบาย                                         พลอยทำให้ลูกสาวและภรรยาต่างมองหน้ากัน แล้วส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อเกือบจะพร้อมกัน เพราะในเรื่องรักหลานตามใจหลาน คนแถวนี้รู้จักกิตติศัพท์ข้อนี้ของตาคงดี                                                                                                 "นั่นน่ะสิคะพ่อ  ที่แม่ว่ามาก็ถูก  อีกหน่อยถ้ายัยหนูเกิดอยากได้ของที่เกินกำลังของพวกเราไปจะทำอย่างไร  รินไม่อยากให้ลูกเสียนิสัย  ไม่อยากให้แกคิดว่าอะไร ๆ ในโลกนี้ล้วนได้มาง่าย ๆ ไม่อย่างนั้น แกจะไม่เห็นคุณค่า"                           "นิดหน่อย ๆ เองน่า" เห็นลูกสาวตั้งท่าจะบ่นยาว ผู้เป็นพ่อจึงรีบเอ่ย แต่น้ำเสียงนั้นดูอ่อนลง พอทั้งภรรยาและลูกสาวประสานเสียงกันแล้ว ตนคนเดียวก็สู้ไม่ไหว                                                                                                                      "มามะยัยหนูของตา เดี๋ยวไปเล่นตัวต่อนี่ด้วยกันนะ ตาจะช่วยหลานต่อเอง" แล้วก็หาทางออก โดยการยื่นมือไปเพื่ออุ้มหลานสาวขึ้น                                               "ค่า...ตาจ๋า" เด็กน้อยเงยหน้ามาขานรับยิ้มแฉ่ง แล้วคนเป็นตาก็อุ้มหลานสาว พร้อมกับหิ้วถุงของเล่นที่ตนเพิ่งซื้อไว้ในมือ              จากนั้นทั้งตาและหลานก็พากันไปนั่งยังมุมที่มีไว้ให้คนตัวเล็กไว้เล่นของเล่นต่าง ๆ นานา ช่วยกันแกะถุงของเล่นออกมาเล่นด้วยกันเป็นที่เพลิดเพลิน ทิ้งให้ผู้หญิงต่างวัยสองคนพากันส่ายหน้าให้ด้วยความหนักใจ                     "เพราะยัยหนูไม่มีพ่อ รินรู้ค่ะแม่ เพราะอย่างนี้  พ่อเขาจึงอยากชดเชยให้หลาน" คนเป็นลูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงขมขื่นทีเดียว จนแม่ต้องเอื้อมมือไปจับลูกสาว พลางบีบเบา ๆ  หวังให้กำลังใจ                                                                                    "เรื่องมันผ่านไปแล้วนะลูก  ตอนนี้เราก็อยู่ของเราได้แล้วไม่ใช่เหรอ ใครที่ไม่รับเป็นพ่อก็ช่างเถอะ  เพราะหลานคนเดียวแม่และพ่อ เราเลี้ยงได้อยู่แล้วนะลูก"                                                                                                                             หญิงสาวน้ำตาซึม  มองมือหนาของแม่ที่บีบกระซับมือตนเองแล้วรู้สึกอบอุ่นวาบ              "เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวก่อนนะ"                                                                              เธอพยักหน้า พอผู้เป็นแม่เดินไปแล้ว ก็ถอนหายใจเบา ๆ แม้เรื่องจะผ่านมาถึงหกปี  แต่ความรู้สึกในวันนั้นไม่เคยเปลี่ยน  เธอยังคงรู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงตอนที่ถูกเขาปฏิเสธ  ภาพในคืนนั้นที่เธอเต็มใจตกเป็นของเขายังตามมาหลอกหลอน  จนเกิดเป็นแผลเป็นกับชีวิต  แต่แม้จะเป็นแผลเป็น ก็เป็นแผลเป็นที่สวยงาม…                                                                                                เพราะแผลเป็นที่ว่านั้นก็คือ  ลูกสาวที่น่ารักน่าชังคนนี้นั่นเอง . .  
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD