“พร้อมเอาของมาด้วยค่ะ...อืม...” พร้อมรักแหงนคอ “เธอ!...” พร้อมรักชี้ไปที่นับดาวที่ยืนหลบหลังปริญญาสำเร็จแล้ว “ช่วยไปเอาของตรงโน้นและเอาไปให้ฉันด้วยนะ” คำสั่งนั้นทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ถึงกับเงียบงัน ปริญญาแสดงสีหน้าไม่พอใจในทันที แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรเมื่อนับดาวขานรับในคอและเดินไปยังที่นั่งที่พร้อมรักนั่งก่อนหน้านี้
“เราขึ้นไปกันเถอะค่ะ” พร้อมรักคล้องแขนทิวาเข้าไปในลิฟท์ ทิวาเรียกปริญญาและลิ้นจี่ให้ตามมาด้วย ทั้งสองหันไปมองนับดาวก่อน ลิ้นจี่จึงดันให้ปริญญาเข้าไปคนเดียวส่วนตัวเองเดินไปช่วยนับดาว
“ผู้หญิงอะไรหน้าตาก็ดี แต่ท่าทางและมารยาทแย่มาก” ลิ้นจี่เปรยออกมาเมื่อเดินมาช่วยหิ้วถุงอะไรก็ไม่รู้มากมาย
“ขอบคุณค่ะพี่จี่” และทั้งสองก็เข้าไปในลิฟท์กดขึ้นไปชั้นหก นี่เป็นครั้งแรกที่นับดาวขึ้นมาชั้นนี้ ชั้นนี้เหมาะที่จะเป็นของประธานจริงๆ เมื่อเปิดลิฟท์ออกมาก็มีโต๊ะทำงานอยู่หนึ่งโต๊ะ น่าจะเป็นของผู้ช่วยของประธาน และด้านหลังก็คือประตูไม้ขนาดใหญ่ หลังประตูนั้นก็คงเป็นห้องของประธาน
ประตูถูกผลักเปิด เป็นแม่บ้านที่เดินออกมา “คุณลิ้นจี่”
“คุณแม่บ้านขา นี่เป็นเข้าของของแขกท่านประธานค่ะ พี่ช่วยเอาเข้าไปข้างในให้หน่อยเถอะนะคะ”
แม่บ้านขานรับ และหันกลับไปเคาะประตูอีกครั้งก่อนที่จะดึงประตูให้กว้าง ประตูค่อยๆกว้างขึ้น นับดาวและลิ้นจี่ที่ไม่อยากเข้าไป จึงยื่นถุงในมือส่งให้แม่บ้าน แต่แม่บ้านที่มือว่างเพียงมือเดียวเพราะอีกมือกำลังดึงประตู ทำให้มือที่รับถุงของมากมายนั้น พลาด พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ ถุงหลายใบล่วงหล่นเข้าของในถุงบ้างก็เทกระจาดออกมาบ้างก็ผิดรูปผิดทรงอยู่ในถุงเกลื่อนหน้าประตูห้องประธานที่คนในห้องเงยหน้าขึ้นมามองในทันที
ส่วนคนด้านนอกทั้งสามต่างก็หน้าซีดเผือกพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย “แย่แล้ว” ลิ้นจี่ทำปากเบาๆ ได้ความหมายเป็นสองคำนี้ นับดาวยกสองมือปิดหน้าตัวเอง เพราะถุงที่ระเนระนาดส่วนใหญ่เป็นถุงที่เธอถือมาทั้งหมด
ควับ! เข่าทั้งสองทรุดนาบกับพื้นหินอ่อนในทันทีเพื่อเก็บเข้าของ ของส่วนใหญ่ไม่ได้เสียหายยกเว้นแต่เค้กไร้น้ำตาล ที่ราคาต่อชิ้นฐานะรายได้อย่างพวกเธอไม่มีทางควักจ่ายซื้อมากินแน่ๆ ตอนนี้เละไม่เป็นท่า
“ร้านเค้กนี้ มีสาขาใกล้ๆแถวนี้ เดี๋ยวหนูไปซื้อให้ใหม่นะคะ” นับดาวเอ่ยบอกกับคนสองคนในห้องที่เดินมายืนมอง ใกล้พวกเธอ
อืม พร้อมรักขานรับในคอ “เดี๋ยวก่อน!” แต่ก่อนที่นับดาวจะเดินไป ก็ถูกทิวาเรียกไว้ก่อน เขาขยับเดินเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับหยิบกระเป๋าเงินออกมา “เอาเงินนี้ไป” เขายื่นธนบัตรใบละหนึ่งพันออกมาสองใบ
“เอ่อ ไม่ต้องค่ะ เค้กนี้หนูเป็นคนทำให้เสียหาย เดี๋ยวหนูรับผิดชอบซื้อมาคืนให้นะคะ” ทิวาที่แต่เดิมก็ใบหน้านิ่งสงบ ตอนนี้เหมือนจะนิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น
“ไม่ต้อง...และนี่” เขาควักธนบัตรอีกหนึ่งใบออกมา “ไหนๆก็ไปซื้อแล้ว ก็ซื้อมาเผื่อทุกคนทั้งแผนกด้วย ถือว่าผมรบกวนคุณเป็นธุระเรื่องนี้หน่อยล่ะกัน” นับดาวเงยหน้ามองทิวาอย่างเหลือเชื่อ ลิ้นจี่ยิ้มออกมา แต่พร้อมรักกลับรู้สึกไม่สบอารมณ์ การกระทำของทิวาชัดเจนว่าต้องการยกระดับเด็กฝึกงานคนนั้น ก็แค่เด็กฝึกงานจะให้ความสำคัญอะไรขนาดนั้น
“สองใบก็พอค่ะ”
“เอาไปเผื่อ เหลือดีกว่าขาด” นับดาวจำต้องรับเงินสามพันบาทมาจากเขาและหันหลังเดินไปทันที
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปนับดาวก็กลับมา เธอเดินไปยังห้องของแม่บ้านประจำชั้น ยื่นขนมใบเสร็จและเงินทอนรบกวนแม่บ้านให้นำไปคืนประธาน และรีบกลับออกมาเพื่อไปยังลิฟท์ แต่ดูเหมือนลิฟท์จะไม่ทันใจเธอ เธอจึงเปลี่ยนไปใช้บันไดหนีไฟแทน
ผลั๊วะ ด้วยความรีบร้อนที่อยากจะไป ประตูหนีไฟถูกผลักพร้อมๆกับที่ถูกดึงจากคนอีกฝั่ง ว้ายยยย!!! นับดาวไม่ทันตั้งตัว มือที่ต้องเจอกับประตูกลับต้องเจอความว่างเปล่าประกอบกับความรีบร้อน ตัวเธอทั้งตัวถึงกับถลาไปข้างหน้า ปะทะกับบางอย่างจนล้มลงไปกับพื้น ประตูที่ถูกปล่อยมือเพราะต้องมารับร่างที่เหมือนไม่มองอะไรไว้ ปึก ประตูปิดลง สองร่างนอนอยู่กับพื้น คนหนึ่งอยู่บนอีกคนอยู่ล่าง
อื้มมม นับดาวร้องออกมา เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ เมื่อภาพที่ปรากฎตรงหน้าทำให้เธอไม่อาจปิดดวงตากลมโตลงได้ ในทางตรงข้ามเมื่อภาพใบหน้าของคนตรงหน้ากระจ่างชัด ดวงตากลมกลับเบิกกว้างขึ้นมากกว่าเดิม เธอลืมหายใจทางจมูกโดยสิ้นเชิง ทำไมเธอถึง...ทำไมเขาถึง
อ๊ะ... “ขอโทษค่ะ” นับดาวเมื่อได้สติกำลังจะผละออกจากบนตัวทิวา แต่เธอกลับขยับไม่ได้เพราะทิวาโอบรัดตัวเธอไว้แนบแน่น นับดาวตกใจหนักขึ้นกว่าเดิมหน้าทั้งซีดและร้อนผ่าว เมื่อเธอกลับรู้สึกถึงร่างกายชายที่แข็งแรง
“ถ้าขยับไปทางนั้น คุณได้กลิ้งตกไปแข้งขาหักแน่” นับดาวกระพริบตาถี่ๆ และเมื่อหันไปมองฝั่งที่เธอจะผละตัวออก ปากอิ่มถึงกับเปิดกว้างขึ้นเล็กน้อยและค้างไว้ด้วยความตกใจ พวกเธอเหมือนอยู่ปากเหวเลย
นับดาวเมื่อรู้สติอีกครั้งก็ผละออกจากเขาอีกด้านที่ปลอดภัย ทิวาค่อยๆลุกขึ้น “มีลิฟท์ทำไมไม่ใช้” จะบอกว่าลิฟท์ช้าไม่ทันใจคงไม่ได้สินะ...นับดาวคิดในใจเมื่อทั้งสองยืนขึ้นและสำรวจร่างกายแล้วว่านับดาวไม่มีบาดเจ็บตรงไหน
“ชั้นเดียวช่วยชาติประหยัดค่ะ” ทิวายิ้มเล็กน้อยและพยักหน้าบอกให้เธอไปได้
“ดาว ทำไมมาสภาพแบบนั้นล่ะ” เพื่อนร่วมงานทักถามทันที เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของเธอดูเลอะเทอะอยู่บ้าง
“อุบัติเหตุนิดหน่อยค่ะ”
“ตายจริง!”
“ไม่มีอะไรค่ะ ดาวไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“ใครว่า นี่!” นับดาวถูกจับหมุนตัว ที่ด้านหลังเสื้อนักศึกษาของเธอมีรอยเลอะสีแดง นับดาวมองดูใบหน้าก็ตื่นกตะหนกตกใจทันที ก็ตรงนี้เป็นตำแหน่งที่ถูกประธานโอบไว้ หรือว่าเขาจะ...ช่างเหอะ เขาโตแล้วคงไม่เป็นอะไรหรอก
“พี่ค่ะ ฝากแจ้งพี่ปริญหน่อยนะคะว่าวันนี้ดาวขอกลับก่อนเวลายี่สิบนาทีนะคะ”
“อืม ไปเถอะ แต่แน่ใจนะว่านี่ไม่ใช่เลือดของดาว” นับดาวส่ายหน้ายืนยันอีกครั้ง ก่อนที่จะหันไปยังลิฟท์เพื่อกดลิฟท์ออกจากตึก แต่เมื่อลิฟท์เปิดออก เขากลับเดินออกมายืนขวางประตูลิฟท์ที่ไม่สามารถปิดได้ ในมือถือเสื้อสูท
“จะกลับแล้วเหรอ” นับดาวพยักหน้า อ๊ะ... เขายื่นเสื้อสูทตัวนอกที่ถือมาให้ “รับไปสิ” นับดาวไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องรับเสื้อจากเขาด้วย “เสื้อผ้าคุณตอนนี้ดูไม่เหมาะนัก” ทิวาเห็นตอนที่เธอเดินลงบันไดว่าเสื้อนักศึกษาเธอเลอะเลือดของเขาด้วย
บทสนทนาของนับดาวกับประธาน คนในแผนกบัญชีไม่ได้ยินทุกคำ แต่ดูจากท่าทาง ประธานเอาเสื้อสูทลงมาให้นักศึกษาฝึกงาน
“จะกลับแล้วไม่ใช่เหรอ ก็ควรรีบ” ทิวาถอยหลังกลับเข้าไปในลิฟท์ และเอื้อมมือไปดึงกระเป๋าสะพายของเธอ เพื่อให้เธอเข้ามาในลิฟท์ด้วย เพราะทิวาไม่อยากให้พนักงานทั้งแผนกบัญชีมองเขานานไปกว่านี้แล้ว เมื่อเข้ามาในลิฟท์นิ้วเรียวก็กดชั้นหนึ่ง และยัดเสื้อสูทใส่มือนับดาว “คุณต้องพึ่งมัน” เขาบอกแค่นั้น และลิฟท์ก็เปิดชั้นหนึ่ง ทิวาผายมือให้เธอออกไปได้แล้ว
นับดาวที่งงๆ เดินออกจากลิฟท์อย่างงงๆ ยกกำลังสอง แต่เมื่อออกมาจากอาคาร ปะทะกับความร้อนยามบ่ายแก่ เหมือนว่าเธอจะได้สติ เสื้อสูทในมือถูกนำมาสวมไว้ สองขาเล็กก้าวเดินไปยังป้ายรถเมย์
เฮ้ยยย นอกจากถอนหายใจขณะรอรถแล้วในตอนนี้เธอก็นึกไม่ออกว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้