นับดาวพยายามทำตัวให้เบาที่สุด เพื่อตั้งใจจะลงจากเตียงไม่ให้เขารู้สึกตัว ตอนนี้เธอสับสนไปหมดแล้ว ขอเวลาตั้งสติก่อน ควับ! แต่นับดาวไม่อาจทำได้อย่างที่คิด เมื่อเอวเธอถูกรั้งไว้
อุ้ย! นับดาวล้มตัวลงนอนบนที่นอนอีกครั้ง
“คุณหื่นทุกครั้งที่เมาแบบนี้มั้ย” !!!! เสียงแหบพร่าฝ่าความมืดพร้อมลมหายใจอุ่นร้อนผ่าวที่เป่าอยู่ที่ซอกคอข้างแก้ม ขนอ่อนทุกเส้นบนร่างกายสาวลุกชันพร้อมเพรียงกันอย่างไม่รีรอ
“คุณพูดอะไร”
“ผมพูดอะไร นี่คุณอย่าบอกนะว่าก่อนหน้านี้คุณจำอะไรไม่ได้เลย” นับดาวตื่นตระหนกลนลานจนแทบสิ้นสติ “คุณบุกเข้าห้องผม ผู้หญิงตัวเล็กๆ ใครจะคิดว่าแรงจะเยอะจนน่ากลัว คุณจู่โจมผมทุกอย่าง ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน.../...อย่านะ!!! อย่าพูดต่อนะ” นับดาวทนฟังต่อไม่ได้ เธอยกมือขึ้นปิดปากเขาพร้อมออกแรงโถมกายใส่เขา ทิวาหยุดเอ่ยนอนนิ่งให้ท่อนบนเปลือยของเธอทาบทับแผ่นอกเขาไว้
แม้จะมองไม่ค่อยเห็น แต่ระยะใกล้มากกับสายตาที่ปรับเข้ากับความมืดได้แล้วของทั้งสอง ทำให้ต่างก็มองเห็นดวงตาของกันและกัน ทิวาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ ในทางตรงข้ามเขากลับยั่วยวนเธอ แลบลิ้นเลียฝ่ามือเธอ ควับ! นับดาวสะดุ้งตกใจชักมือกลับ เซถลาจนตัวเองกลับเป็นฝ่ายไปนอนและทิวาก็ขยับเป็ยฝ่ายทาบทับร่างเธอไว้ในทันที
“คุณแม่จะรับผิดชอบผมยังไง ที่นำพาผมลงสู่นรกไปพร้อมกับคุณแม่ครับ”
“ไม่จริง...” นับดาวร้องออกมา น้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาในตอนแรก ตอนนี้มันหลั่งออกมาจนเธอดูน่าสงสารมาก
พรึ่บ! ทิวายิ้มหยัน รอยยิ้มนี้ของเขาแน่นอนว่านับดาวไม่มีทางได้เห็น เขาผละออกจากร่างเธอ และทอดกายนอนหลับตาลงเข้าสู่นิทราไปทันที ไม่มีการปลอบโยนใดๆ เขาลงแรงไปตั้งเยอะกับแผนนี้
‘นับดาว นี้แค่บทเรียนแรกของเธอ ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะทนไปได้สักแค่ไหน กับความอัปยศครั้งนี้’