ตอนที่ 4 ออกจากเกม

1610 Words
หยูจินเซียงไม่ได้รู้สึกเขินอาย หวาดกลัวกับการแต่งงานหรือการอยู่ร่วมห้องกับไหวอี้ตี่เลยแม้แต่น้อย ใจนางคิดเพียงว่าตัวละครบุรุษผู้นี้น่ารักน่าเอ็นดูยิ่งนัก น้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อยยามพูดคุยกับนางฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายทั้งตื่นเต้นทั้งประหม่า “ท่านพี่รีบกลับมานะเจ้าคะ ข้าไม่อยากอยู่คนเดียวนานๆ” หญิงสาวอดไม่ได้เอ่ยคำหยอกล้อบุรุษขี้อายตรงหน้าอย่างจงใจ อดคิดไม่ได้ว่าการเลือกดอกไม้แต่ละชนิดของนางอาจจะพบเจอบุรุษที่มีบุคลิกแตกต่างกันไป แต่ไหวอี้ตี่เจ้าของกุหลาบแดงนี่ก็น่ารักถูกใจนางไม่น้อย “ได้ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด” ไหวอี้ตี่ใบหน้าแดงก่ำกับคำเรียกขานว่าท่านพี่ของคนตัวเล็ก เขารีบผลุนผลันออกจากห้องหอไปไม่กล้าแม้กระทั่งจะหันกลับมามองซ้ำ ด้วยเกรงว่าตนเองจะไม่ยอมกลับออกไปต้อนรับแขกอีก หยูจินเซียงนั่งฮัมเพลงพร้อมกับเตะขาไปมาอยู่ในห้องหออย่างสบายใจ เมื่อร่างสูงของไหวอี้ตี่จากไปไกลแล้ว “อีกไม่นานก็คงจะจบเกมแล้ว คงไม่มีฉากเข้าหออะไรหรอกมั้งไม่อย่างนั้นเกมคงต้องติดเรทโดนแบนแน่” หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปตะแคงหูฟังเสียงด้านนอกจากด้านในประตู เห็นได้ชัดว่าแม้แต่พิธีแต่งงานในเกมก็ทำรายละเอียดได้ถี่ยิบ เวลานี้ด้านนอกมีเสียงการจุดประทัดและพลุไฟดังสนั่นหวั่นไหวนานอยู่หลายนาที เสียงปรบมือ มีคนพูดคุยกันเสียงดังเนื่องจากความมึนเมา นางยืนฟังความสนุกสนานด้านนอกอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งรู้สึกเมื่อยขาจึงเดินกลับมาล้มลงนอนที่เตียงและเผลอหลับไป “ร้อนจัง” หญิงสาวรู้สึกเนื้อตัวร้อนผ่าว ลมหายใจก็ติดขัด สมองมึนงงไปหมด “คุณหนู คุณหนูตอบบ่าวด้วยเจ้าค่ะ! คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ! ช่วยด้วย!! ใครก็ได้ส่งคนมาทางนี้ก่อนคุณหนูติดอยู่ด้านใน!!” ซินอี้และซินยี่วิ่งพล่านเป็นหนูติดจั่น นางสองคนเห็นว่าคุณหนูกำลังหลับพักผ่อนจึงเลี่ยงไปหาโรงครัวภายในจวนสกุลไหว เพื่อเตรียมทำอาหารว่างให้คุณหนูของตนได้รองท้อง ระหว่างเดินกลับมาอีกครั้ง ทางหน้าเรือนและบริเวณงานเลี้ยงก็มีเสียงกรีดร้องผู้คนวิ่งวุ่นหาน้ำมาดับไฟที่กำลังลุกไหม้กันจ้าละหวั่น บ่าวรับใช้ทั้งสองทิ้งของว่างในมือแล้วรีบตรงมาที่หน้าห้องหอทันที เมื่อมาถึงกลับพบว่าไฟได้ลุกลามมาที่เรือนหอ จากทางหลังคาอย่างรวดเร็ว ขื่อไม้ท่อนใหญ่จากริมระเบียงด้านหน้าโค่นลงมาค้ำยันประตูห้องหอเอาไว้ทำให้ไม่สามารถเปิดเข้าไปได้ ส่วนหน้าต่างทุกบานก็ลงสลักจากด้านในเอาไว้ทั้งหมด พวกนางร้องเรียกให้คุณหนูเปิดหน้าต่างให้เท่าใดนางก็ไม่ตอบกลับ “ท่านเขยท่านมาแล้ว! ไฟลุกลามมาถึงหน้าห้องแล้วเจ้าค่ะบ่าวเข้าไปไม่ได้ หน้าต่างก็ถูกปิดจากด้านในด้วย” ซินอี้ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหล อับจนกับสถานการณ์ร้ายแรงตรงหน้า “จินเซียง!! จินเซียง!! เปิดหน้าต่างให้ข้าเร็ว” ไหวอี้ตี่ใช้เท้าถีบไปที่ผนังกำแพง สองมือก็ทุบรัวไปที่หน้าต่าง ภายในงานเลี้ยงขณะที่ไหวอี้ตี้รับสุรามงคลจากผู้อื่น บรรดาชายหนุ่มที่คึกคะนองก็พากันจุดพลุจุดประทัดกันระงม หนำซ้ำยังจุดโดยให้ดอกไม้ไฟพุ่งไปยังเรือนหอโดยเฉพาะ เมื่อเกิดเพลิงไหม้ผู้คนภายในงานก็วิ่งหนีแตกตื่น กว่าตนจะฝ่าฝูงชนมาถึงเรือนหอได้ก็ใช้เวลาไปนานพอสมควร หยูจินเซียงได้ยินเสียงเรียกเมื่อครู่แล้ว แต่นางนอนหลับสูดดมควันไฟอยู่เป็นเวลานานสมองจึงมึนงงและสับสนเสียงเรียกและความร้อนทำให้หญิงสาวพยายามลืมตาที่แสบร้อนขึ้นมา จนมองเห็นเปลวไฟที่ลุกลามอยู่ที่บริเวณประตูห้อง “ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!!” หญิงสาวฮึดสู้สุดใจ ความร้อนระอุกับอากาศภายในห้องแทบจะไม่มีให้นางได้หายใจอยู่แล้ว แต่เมื่อลุกขึ้นมงกุฎที่มีทั้งปิ่นทั้งสายสร้อยระโยงระยางเต็มไปหมดของนางก็พันเข้ากับม่านมุกข้างเตียง “แสบตา แค่กๆๆๆ” หญิงสาวพยายามแกะเชือกใต้คางที่รัดมงกุฎบนศีรษะออกแต่ก็ไม่เป็นผล เวลานี้นางหายใจแทบไม่ออก ภายในลำคอแห้งผาก เปลวไฟเริ่มลุกลามติดพรมหนาบนพื้นและอีกไม่นานก็จะมาถึงหน้าเตียงที่นางนั่งอยู่แล้ว “โครม!!” ไหวอี้ตี่ได้รับขวานจากบ่าวในจวน เขาใช้ขวานจามเข้าไปตรงรอยแยกของหน้าต่าง ครู่หนึ่งก็สามารถทำลายสลักหน้าต่างบานหนึ่งให้เปิดออกได้ “บ่าวเข้าไปเองขอรับคุณชาย” บ่าวรับใช้ดึงร่างของไหวอี้ตี่ไว้ เมื่อเห็นคุณชายกำลังจะปีนข้ามหน้าต่างเข้าไปช่วยเหลือคนด้านใน “นี่เป็นห้องหอของข้า หลีกไปเร็ว!!” ไหวอี้ตี่ไม่อาจให้บุรุษอื่นเข้าไปในห้องหอได้ ยิ่งไม่อาจให้ผู้ใดเห็นภรรยาที่ตนยังไม่ทันเปิดผ้าคลุมหน้าออกด้วยซ้ำ เขาปีนข้ามหน้าต่างเข้าไปมองผ่านกลุ่มควันไฟ เห็นภรรยาคนงามกำลังพยายามแกะเชือกที่พันระหว่างมงกุฎกับม่านมุกพัลวัน “จินเซียง หลับตาปิดจมูกเอาไว้ ข้าช่วยเจ้าเอง” หัวใจทั้งดวงที่แขวนลอยขึ้นสูงของไหวอี้ตี่ค่อยๆ ลดระดับความหวาดหวั่นลงมาได้เล็กน้อยเมื่อเห็นภรรยายังคงปลอดภัย “คนข้างนอกกำลังช่วยกันดับไฟอยู่ เจ้าไม่ต้องกลัวนะ” ไหวอี้ตี่ปลอบโยนหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างยิ่ง เจ็บใจที่ตนยังมาช้าไป เวลานี้ร่างทั้งร่างของหยูจินเซียงสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวตื่นตระหนกอย่างหนัก กว่าไหวอี้ตี่จะคลายปมเชือกออกได้ เปลวเพลิงก็ล้อมห้องหอแห่งนี้เอาไว้จนเกินกว่าที่พวกเขาจะหลบหลีกได้ไปแล้ว เสียงกรีดร้องของซินอี้และซินยี่รวมทั้งบ่าวไพร่และคนในจวนสกุลไหวดังระงมอยู่ด้านนอก ไหวอี้ตี่ประคองใบหน้าภรรยาหนึ่งวันของเขาไว้ในมืออย่างทะนุถนอมรู้ตัวแล้วว่าไม่อาจหลีกพ้นชะตากรรมอันเลวร้ายนี้ไปได้ “หลับตาเสียอย่ากลัวข้าจะปกป้องเจ้าตราบจนลมหายใจสุดท้ายของข้าเอง” หยูจินเซียงพยายามลืมตาอย่างยากเย็นผ่านควันไฟหนาทึบ นางกลัวเสียยิ่งกว่ากลัว ความรู้สึกแสบร้อนที่ผิวกายนั้นจริงแท้จนไม่รู้จะจริงอย่างไร ไม่นับกลิ่นควันไฟและการสำลักควันตลอดเวลาของนางและไหวอี้ตี่อีก นางเงยหน้าสบตาเข้ากับชายหนุ่มตัวละครที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของตนเองแล้ว สายตาของเขาแม้จะมีม่านน้ำตาปกคลุมอยู่แต่ตาดำเล็กด้านในสะท้อนภาพใบหน้าของนางนิ่งไม่ไหวติง ไหวอี้ตี่อุ้มร่างเล็กของนางขึ้นไปบนเตียงใช้ผ้าห่มและทุกสิ่งทุกอย่างที่ไขว่คว้าได้มาคลุมร่างนางเอาไว้ก่อนจะโน้มตัวมานอนทับร่างของหญิงสาวไว้อีกที นางรู้สึกถึงหัวใจสองดวงที่เต้นระรัวไปพร้อมๆ กัน ความร้อนและเปลวเพลิงกำลังคืบคลานมาถึงเตียงแล้วผ้าห่มและผ้าม่านลุกไหม้ ไหวอี้ตี่สลบไปก่อนจากการขาดอากาศหายใจ “คุณชายไหว!! ข้ากลัว!!” หญิงสาวรู้สึกว่าหัวใจของอีกฝ่ายไม่ได้เต้นแล้ว เสียงลมหายใจและสำลักควันก็ไม่มี กล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ถึงเวลาของนาง ทิวทัศน์รอบห้องหอที่เกิดเพลิงไหม้ลุกโชนหมุนติ้วเป็นลูกข่างอีกครั้ง ก่อนที่หยูจินเซียงจะไออย่างหนักจนน้ำมูกน้ำตาไหลพราก แต่ภาพที่เห็นผ่านม่านน้ำตาหลังจากลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับเป็นห้องพักภายในหอพักสวัสดิการรัฐของนาง “ตายถึงออกจากเกมได้!! สารเลว!! คุณชายไหว ฮือๆๆ” หญิงสาวสบถออกมาไม่เรียงคำ เธอรู้สึกว่าเกมมันสมจริงมากเกินไป เวลานี้ร่างกายผิวเนื้อของเธอยังแสบร้อนอยู่เลย กลิ่นควันไฟที่ค้างอยู่ในลมหายใจก็ยังมีอยู่อย่างเห็นได้ชัด “โอย!! มันก็แค่เกมที่ล้ำสมัยไปหน่อยเท่านั้น! แกอย่าคิดมากเกินไปสิจินเซียง” หญิงสาวสะบัดหน้าขับไล่ความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องเห็นไหวอี้ตี่จบชีวิตลงไปต่อหน้าต่อตา เธอเงยหน้าไปดูนาฬิกาแขวนผนังครู่หนึ่ง “อะไรกัน ในเกมผ่านไปเดือนกว่า แต่ยังไงมันก็ต้องนานมากกว่านี้ไม่ใช่หรือ?” หยูจินเซียงเห็นว่าเวลาเพิ่งผ่านไปเพียง 1 นาทีเท่านั้น ก่อนที่เธอจะเริ่มเกมเธอกดน้ำร้อนใส่ถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเอาไว้ ตั้งใจว่า อีก 5 นาทีก็จะกินมัน แต่หลังจากกดเริ่มเล่นเกมจนออกจากเกมมาได้ใช้เวลาไปเพียง 1 นาที ถ้วยบะหมี่บนโต๊ะคอมพิวเตอร์ก็ยังมีควันจากน้ำร้อนพวยพุ่งให้เห็นอยู่เลย เธอย้ายสายตากลับไปที่หน้าต่างเกมอ่านข้อความเดิมที่ยังค้างอยู่ที่หน้าจอ เลือกคนรักและชีวิตของคุณสิ กดเพื่อเริ่ม “เอาวะ แค่ 1 นาทีเอง ครั้งนี้ฉันจะเตือนพวกบ้านั่นไม่ให้จุดประทัดกับพลุไฟ คุณชายไหวของฉันต้องรอด!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD