ทั้งสองต่างมีแต่ความตึงเครียดโดยเฉพาะทัพที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ไม่อาจทำอะไรได้ในเมื่ออีกฝ่ายคือแม่ของตน มือยกกุมขมับทั้งที่อายุเกือบจะสามสิบแต่กลับไม่สามารถมีชีวิตคู่เป็นของตัวเองได้ คิดแล้วก็ช่างน่าสมเพช
สายตามองขิงที่ยืนอยู่ตรงข้าม อีกฝ่ายมีใบหน้าที่สวยแต่ให้ความรู้สึกไม่มีความเป็นธรรมชาติมองยังไงก็น่าจะถูกแต่งเติมมา ใบข้าวที่เห็นคนรักมองคนตรงหน้าก็หลุบตาลง
“แกทั้งสองจะเอายังไง ฉันไม่มีเวลาว่างมานั่งฟังนะ”
“แม่ครับ…ผมกับข้าวรักกัน..เราไม่มีสายเลือดเดียวกัน”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ฉันเปล่าประกาศสินะ ได้สิ..”
“ไม่นะครับ” ใบข้าวรีบแย้งแล้วส่ายหน้า
“พี่ทัพ..ไม่เอา”
“ข้าว…พี่ไม่ยอมเลิกนะ”
“แต่ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรามีความสัมพันธ์กัน…ยิ่งพี่มีหน้าตาในสังคมผมไม่ยอม..”
“แล้วจะให้ทำยังไงข้าวจะยอมเป็นเมียน้อยเหรอ”
“ครับ..ผมยอม…”
ทัพก็ตกใจพลางกัดฟัน โกรธทุกคนรวมถึงคนรักที่หัวอ่อนคนนี้ด้วย แต่เพราะสถานการณ์มันบังคับจนทำให้ข้าวยอมเป็นเมียน้อย เขาโกรธจนเส้นเลือดหน้าผากปูด
ขิงที่มองดูได้แต่หลุบตารู้สึกผิดเต็มประดา พวกเขารักกันมากแต่เพราะมีตนถึงต้องอยู่ในสถานการณ์นี้
ส่วนทิษยากำลังยิ้มอย่างเหนือชัยเพราะทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการแม้ใจจริงจะอยากให้เลิกกันมากกว่า
“ว่ายังไง จะเลิกหรือจะอยู่ในฐานะเมียน้อย”
ใบข้าวเม้มปากแม้จะพูดไปว่ายอมอยู่ในฐานะเมียน้อยได้แต่พอถูกถามก็เริ่มลังเลและทัพก็สังเกตเห็นจนต้องกุมมือแน่น
“ฉันไม่ยอมเลิกนะ”
‘….’
“นายจะไม่เลิกใช่ไหม….ใช่ไหม…”
ใบข้าวพยายามฝืนยิ้มแล้วหลบสายตา ทัพเห็นเช่นนั้นก็ใจไม่ดีรีบโพล่งตอบ
“ข้าวจะอยู่กับผมตลอดไป…เราจะไม่แยกจากกัน”
ทิษยาโมโหลูกตัวเองจริง ๆ เธอมองใบข้าวที่สีหน้ากระอักกระอ่วนก่อนจะเอ่ยตาม
“…..ผมขอโทษนะครับ…ผมอยากอยู่กับพี่ทัพไม่ว่าฐานะอะไรก็ตาม”
ทัพก็เริ่มยิ้ม
“ฮึ ถ้าขอโทษจริงแกไม่เอาลูกฉันไปหรอก..ดี! ในเมื่ออยากเป็นเมียน้อยฉันก็จะให้เป็น..ทัพไปจดทะเบียนสมรสกับขิงเดี๋ยวนี้เลย”
พอทุกคนได้ยินก็ตกใจ ไม่เว้นแม้แต่ขิงเขาไม่คิดว่าจะถึงขนาดจดทะเบียนสมรสแค่คิดว่าแต่งงานบังหน้าเท่านั้น แต่เพราะทิษยากำลังโกรธจึงเผลอพลั้งปากไปจะกลับคำตอนนี้ก็คงไม่ทัน เธอเดินออกไปจากบ้านโดยจับมือพาขิงไปด้วยกัน
“รีบตามมาได้แล้วอย่าให้แม่ต้องโกรธ!”
ทัพยืนนิ่ง สองมือกำแน่น ส่วนข้าวก็ร้องไห้เงียบ ๆ
“ขอโทษนะข้าว…พี่ขอโทษ..”
“ไม่เป็นไรครับ..ยังไงเราก็ได้อยู่ด้วยกันนี่ครับ..สักวันคุณนายจะต้องใจอ่อนกว่านี้แน่นอนตอนนี้ท่านก็ยอมเรามากแล้ว”
วันนั้นขิงกับทัพจดทะเบียนสมรสด้วยกันแน่นอนว่าทำให้ผู้คนที่นั่นต่างตกใจเพราะใครจะคิดว่าจู่ ๆ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณนายทิษยาจะมีคู่แล้วทั้งยังไม่เคยได้ยินข่าวใด ๆ แต่ก็เหมาะสมกันมาก หลังจากนั้นสามวันก็มีงานแต่งเล็ก ๆ มีเพียงผู้ใหญ่สองฝ่ายที่มาเป็นสักขีพยานเท่านั้น ขิงไม่คิดเลยว่าตอนนี้ตนจะกำลังแต่งงานกับทัพและกำลังถูกเขาสวมแหวนแต่งงานให้
มันคือเรื่องจริงงั้นเหรอ…ผู้ชายคนนี้กำลังเป็นสามีของตน…
หลังทุกอย่างจบลงจึงถึงเวลาเข้าห้องหอ ทิษยาไม่ลืมกำชับขิงอีกหลายครั้งเพื่อจัดการให้ทัพมารักซะและป้องกันให้ดีแม้จะพยักหน้ารับคำแต่เมื่อมาอยู่ในห้องสองคนก็มีแต่ความเงียบ
ทัพปลดเนกไทออกแล้วปลดกระดุมเสื้อเพื่อคลายความอึดอัด เพียงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงและโทรหาข้าวเพื่อให้สบายใจ ส่วนขิงยืนกระอักกระอ่วนไม่กล้านั่งกระทั่งสบสายตาเข้มคู่นั้นจึงหลุบลง ไม่นานก็ต้องวางสายเพราะอีกฝ่ายต้องทำงานถึงจะเป็นลูกบุญธรรมแต่งานของใบข้าวก็คือคนรับใช้อยู่ดี
“นายกับฉันไม่รู้จักกัน ไม่เคยเจอกันมาก่อน ทำไมถึงยอมแต่งงานกับฉัน”
สำหรับขิงเขาคิดว่านี่แทบจะเป็นประโยคแรกที่พวกเขาคุยกันนอกจากตอนที่ทัพมาซื้อขนมตนในสมัยเรียนจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก มือสองข้างกุมกันจนสั่น หลุบสายตาไม่กล้ามองหน้าเขา
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
“คือ…แม้พี่จะไม่รู้จักผม..แต่ผมรู้จักพี่และแอบชอบมาตลอด”
คนฟังหรี่ตามองไม่อยากเชื่อ
“ถึงขนาดมาทำลายความรักของฉันเลยงั้นเหรอ”
ขิงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น ตัวสั่นขึ้นมา ความรู้ผิดถาโถม ประโยคนี้เขามักจะได้ยินตอนที่สามารถทำลายความรู้สึกของคนรักของผู้ว่าจ้างได้
เจ็บปวด…ไม่อยากทำแล้วอยากมีความสุข..แต่ว่าการได้เขามาเป็นสามีก็คือความสุขเหมือนกันต่อให้ต้องทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ลง…เขาอยากมีความสุขของตนเองบ้างและโอกาสก็มาถึง
“ผมไม่ได้ทำลายนะครับ..แต่ในเมื่อคุณแม่เลือกผม..ผมก็จะเป็นภรรยาของคุณให้ดีที่สุด”
“เฮอะ ภรรยาเหรอ นี่นายคิดว่าจะได้เป็นภรรยาของฉันจริง ๆ เหรอ”
“คุณหมายความว่ายังไง”
“สำหรับฉันนายมันก็แค่คนนอก ข้าวต่างหากคือภรรยาของฉัน และในสายตาแม่นายก็คงเป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น”
ใช่..อีกฝ่ายพูดถูกทุกอย่างจนขิงรู้สึกอาย
“เรา…เราแต่งงาน เราจดทะเบียนสมรสกันแล้วนะครับ ผมเป็นเมียหลวง…ส่วนคน ๆ นั้นก็คือเมียน้อย”
ทัพลุกพรวดแล้วปรี่มาหาทันที มือหนาบีบเข้าที่คางจนขิงรู้สึกเจ็บ
“นายไม่เคยเป็นเมียหลวง ไม่สินายไม่ใช่เมียฉัน อย่ามาเทียบกับข้าว!” พูดพลางผลักขิงจนกระแทกผนังสายตามองอย่างดูแคลน
“อย่าสำคัญตัวนัก!”
ขิงเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่ขึงขัง ท่าทางจะโกรธอย่างมาก
“คุณโกรธไปเถอะแต่ความจริงก็เหมือนเดิม” พูดพลางปลดกระดุมเสื้อตนออกเผยให้เห็นไหล่ขาวเนียน
“คุณคือสามีของผม…”
ทัพไม่แม้จะสนใจเขาหันหลังเตรียมเปิดประตูออกไป ขิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบวิ่งไปกอดจากด้านหลัง หากอีกฝ่ายออกไปตอนนี้ตนต้องถูกคุณนายดุด่าแน่ ๆ และขิงเองก็ไม่อยากให้เขาไป
“ปล่อย” น้ำเสียงที่เย็นชาเอ่ยขึ้นเขาไม่คิดเลยว่าจะถูกกอด
“ไม่…ผมไม่ยอมเราเพิ่งแต่งงานกันและต้องอยู่ห้องหอถึงเช้านะ”
“ฉันไม่ต้องการอยู่กับนาย”
“แต่ผมต้องการอยู่กับคุณ”
“บอกให้ปล่อย!” ทัพแกะมือที่กอดได้แล้วเหวี่ยงข้าวจนล้มลงอีกครั้ง
“อย่ามายุ่งกับฉัน!”
“ถ้าพี่ไป คุณแม่ต้องไม่พอใจใบข้าวแน่ ๆ! คิดให้ดีล่ะกันว่าใครจะได้รับผลกระทบมากที่สุด”
“นายขู่ฉันเหรอฮะ!”
“ผมพูดเรื่องจริง”
ทัพยกมือเสยผม ท่าทางเขาโกรธอย่างมากแต่สุดท้ายก็เดินกลับไปนั่งที่เตียงอีกครั้ง เขาต้องอดทนเพราะอย่างไรต่อไปนี้ข้าวก็อยู่ในฐานะเมียของตนแล้ว ทะเบียนสมรสจะเป็นยังไงก็ช่าง
ขณะที่กำลังนึกถึงอีกคนแต่กลับพบว่าตอนนี้ขิงกำลังปลดเสื้อผ้าตนเองออกอีกครั้ง
“จะทำอะไร”
“เราเข้าหอกันแล้วนะครับ…ถ้าพี่ไม่มีอะไรกับผม…ผมจะต้องฟ้องคุณแม่..”
ทัพโกรธจนสั่นเขาเดินมาหาแล้วยกมือตบทันที
เพียะ!
ขิงก็เบิกตากว้าง เหมือนใบหน้าจะชาไปทั้งแถบไม่คิดว่าจู่ ๆ จะถูกตบแบบนี้
“หน้าด้านจริง ๆ อย่าคิดว่าจะขู่ฉันได้ทุกเรื่อง จำไว้!”