แต่งงานงั้นเหรอ จดทะเบียนสมรสงั้นเหรอ มันได้อะไรนอกจากงานเงียบ ๆ และกระดาษใบหนึ่งในเมื่ออีกฝ่ายไร้หัวใจที่จะมอบให้
ขิงเปิดหน้าต่างห้องนอนมองทัพที่เดินไปหาใบข้าวซึ่งกำลังกวาดบริเวณสวน พวกเขายิ้มให้กันอย่างมีความสุขใช้ชีวิตรักปกติเหมือนกับว่าไม่เคยผ่านการแต่งงานหรือมีเมียอีกคน ขิงกำมือแน่นรู้สึกเจ็บใจตนด้อยกว่าอีกฝ่ายตรงไหน
ใบข้าวหน้าตาจืดชืดไร้เสน่ห์มองยังไงก็ไม่มีอะไรให้หลงรักแล้วทำไมถึงไม่ใช่ตนที่อยู่เคียงข้างเขา แต่แล้วเสียงเปิดประตูดังขึ้นพอหันไปมองก็เห็นทิษยาที่หน้าดำคล้ำเดินมา
“ผ่านมาหลายสิบวันแล้วแกยังไม่เห็นจะทำอะไรเลย ลูกชายฉันมันก็ไปหาเจ้านั่นอยู่ตลอด ฉันจ้างแกทำไมเนี่ยฮะ!”
“ขะ…ขอโทษครับ”
“ขอโทษ ๆ ๆ แกพูดคำนี้มากี่ครั้งแล้ว ฉันไม่ต้องการคำขอโทษแต่ต้องการผลงาน! รีบทำอะไรสักอย่างซะไม่อย่างนั้นฉันจะต้องรายงานป้าของแก”
พอพูดถึงป้าขิงก็ตัวสั่นขึ้นมาเพราะลูกของตนอาจจะได้รับผลกระทบ
“ผมจะพยายามครับ..อย่าเพิ่งบอกป้านะครับ”
“ฉันให้โอกาสแกแค่วันนี้เท่านั้นรีบทำอะไรบ้างซะ!”
“…ครับ”
ทิษยานิ่วหน้าแล้วเดินออกไป ส่วนขิงหันไปมองคนทั้งสองที่อยู่ด้านล่างพลันหาหนทางแยกจาก หลังจากยืนมองคู่รักด้านล่างอยู่พักหนึ่งทัพก็ผละไปทำงานเขาจึงใช้โอกาสนี้เดินไปหาใบข้าวที่กำลังเก็บกวาดในสวนอย่างอารมณ์ดี
“ขอคุยหน่อยสิ”
ใบข้าวหยุดมือ สีหน้าพลันหม่นลง “คะ..ครับ..”
“นายรู้ใช่ไหมว่าฉันคือเมียหลวง”
“…ครับ…”
“แล้วนายยังกล้าหน้าด้านมาพลอดรักโจ่งแจ้งอีกเหรอ ละอายใจบ้างสิ!”
คนฟังกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น น้ำตาเอ่อคลอ
“ขอโทษครับ…”
“แค่ขอโทษจะพออะไร..พี่ทัพเขาก็คือสามีฉันเหมือนกันแกเล่นอ่อยเขาตลอดจนเขาไม่เคยไปนอนกับฉันเลย มันทำถูกแล้วเหรอ”
คิดแล้วก็แค้นใจนอกจากวันเข้าหอ ทัพก็ไม่เคยอยู่กับตนอีกเลยถึงจะบอกว่าไม่เคยรักแต่อย่างไรก็ต้องให้เกียรติบ้าง
“นายเป็นลูกบุญธรรมคุณแม่ใช่ไหม”
“…คะ..ครับ”
“ไม่ละอายใจอะไรเลยเหรอ กินบนเรือนขี้บนหลังคา น่ารังเกียจ!”
ใบข้าวกุมอกน้ำตาซึม เรื่องนี้มันบาปกรรมมากจริง ๆ เขาอยากขอโทษคุณนายอีกหลาย ๆ ครั้ง ขอโทษคนของตระกูลนี้ทุกคน
“ถ้ารู้สึกผิดก็ให้สามีกับฉันบ้าง”
“..ครับ”
“ที่พูดน่ะเข้าใจจริง ๆ หรือแกล้งรับคำส่ง ๆ เท่านั้นฮะ”
“ผะ..ผมเข้าใจจริง ๆ ครับ”
“ฉันไม่เชื่อ”
ขิงเดินเข้าใกล้แล้วบีบที่ต้นแขนอีกฝ่ายจนใบข้าวมีสีหน้าเจ็บปวด
“ทำไมพี่ทัพเขาถึงรักนาย..นายไม่เห็นจะมีเสน่ห์อะไรเลยก็แค่คนหน้าจืด ๆ น่ารำคาญเท่านั้น”
“ผม…”
“น่าหงุดหงิดจริง ๆ ละอายใจบ้างนะว่านายมันคือเมียน้อย!” พูดจบเขาก็ผลักใบข้าวจนล้มลงอย่างสะใจ แม้จะรู้สึกผิดบ้างแต่ตอนนี้เขาหงุดหงิดอีกฝ่ายจริง ๆ กล้าดียังไงถึงทำให้ทัพหลงรักขนาดนี้
“ไปเอาน้ำมาให้ฉันกิน คอแห้งไปหมดแล้ว”
ใบข้าวพยุงตัวเองขึ้นมาแล้วพยักหน้า ขิงก็นั่งลงบนเก้าอี้ในสวน
เพ็ญหญิงรับใช้คนสนิทของคุณนายที่วัยใกล้เคียงกันรีบเดินไปบอกกล่าวเล่าให้ฟัง ทิษยาก็พยักหน้าพลางดื่มชา
“ให้มันร้ายบ้างก็ดีเอาแต่เก็บตัวทำท่าทางซึมเซาล่ะหงุดหงิด ถ้ามันไม่ทำอะไรเลยฉันนี่ล่ะจะอาละวาดเอง”
“แต่คุณนายคะ คุณทัพคงจะไม่เลิกรากับเด็กนั่นง่าย ๆ”
“ฉันรู้ว่ายากแต่ใช่ว่าจะไม่ได้ บางทีของใหม่อาจทำให้ทัพเปลี่ยนใจแต่ก็ต้องรอเวลาเท่านั้น”
ทางด้านขิงตอนนี้เขากำลังทำตัวเป็นคุณนายของบ้านที่กำลังใช้ใบข้าวหัวหมุน
“น้ำไม่เย็นแล้ว เดินชักช้าจริง”
ใบข้าวหอบหายใจเพราะหลายครั้งแล้วที่ถูกใช้ไม่ว่าจะนำน้ำเย็นมาให้กี่ครั้งก็จะพูดเช่นนี้ตลอด
“ไปเปลี่ยนน้ำผลไม้อะไรก็ได้มาให้ฉันดีกว่า”
“แฮ่ก..ก..คะ..ครับ..”
ขิงก็ยิ้มพลางดื่มน้ำเย็น ๆ รอ ผ่านไปไม่นานอีกฝ่ายก็กลับมาพร้อมน้ำส้มและยืนมองว่าขิงจะพูดอะไรอีกหรือเปล่าพอเห็นว่าไม่มีอะไรเรียกใช้แล้วจึงทำงานเก็บกวาดต่อ
“จะไปไหน ทำแถว ๆ นี้แหละ”
ใบข้าวก็เก็บใบไม้ ส่วนขิงก็นั่งไขว้ขามอง
“นายกับพี่ทัพรักกันตั้งแต่เมื่อไร”
มือที่กำลังเก็บใบไม้หยุดชะงัก
“ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง”
“คือ...ผมลืมน่ะครับ”
ลืมงั้นเหรอหมายความว่านานแล้วล่ะสิ..หรือจะตั้งแต่ตอนเด็กตอนเจอกันครั้งแรก…คิดแล้วก็นึกถึงตนที่รักเขาตั้งแต่แรกเหมือนกัน
แต่ทำไม…โชคชะตาถึงต่างกันขนาดนี้!
ซ่า!
น้ำผลไม้ถูกสาดใส่จนกระแทกใบหน้าอีกฝ่าย ใบข้าวก็อึ้งตกใจ
“จะบอกว่าพี่ทัพเขารักนายตั้งแต่แรกเห็นงั้นเหรอ!”
“คะ..คือ…”
ขิงไม่อยากเชื่อเลยว่าตลอดเวลาที่ตนแอบมองทัพมาตลอดที่แท้เขาก็มีคนรักอยู่ที่บ้านด้วยกัน
“น่ารังเกียจ! นายมันน่ารังเกียจใช้มารยาจนทำให้เขารัก!”
ใบข้าวยินยอมให้ถูกว่าเพราะเขาก็รังเกียจตนเองเหมือนกัน ได้แต่ก้มหน้ากุมมือยอมให้ถูกด่าว่าทั้งน้ำตา
“ถ้ารู้สึกผิดก็ให้พี่ทัพเขาได้กับคนใหม่ซะ…ฉันนี่แหละคนใหม่นายมันคือของเก่าที่ไม่ควรเก็บเขาไว้กับตัว เข้าใจไหม!”
คนฟังก็ยิ่งตัวสั่น
“ไม่ต้องร้องไห้คงใช้มารยานี้บ่อยล่ะสิ ฉันไม่ยอมให้พี่ทัพอยู่กับนายตลอดชีวิตหรอก!” พูดจบขิงก็ลุกเดินจากไป ส่วนใบข้าวก็ร้องไห้สะอื้นอยู่ที่เดิม