บทที่ 1/2 ชะตาสวาท

1278 Words
อาทิตาขับรถไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงหน้าวัด เธอเลี้ยวรถเข้าไปจอด ต้องหาที่จอดอยู่นานเกือบสิบห้านาที เสียงพระสวดดังแว่วเข้ามาทันทีที่มารดาเปิดประตูรถคันเก่าของเธอออก รถคันนี้ท่านศราซื้อเป็นของขวัญให้แม่เมื่อสิบปีก่อน มันยังใช้งานได้ดี แม้ว่ารูปทรงจะไม่ทันสมัยแล้วก็ตาม เวลานี้ใกล้จะบ่ายแล้ว แต่ยังมีคนมาร่วมวางดอกไม้จันทน์ เธอกับแม่ก็เป็นหนึ่งในนั้น และตั้งใจว่าจะอยู่รอจนถึงเวลาเผาจริง เวลา 16:30 วันเดียวกัน ศราวิล ศรัยฉัตร บุรุษร่างสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ลุกจากเก้าอี้เพื่อแลดูความเรียบร้อยในงาน น้องสาวเขากับคู่หมั้นของหล่อนยืนอยู่ใกล้บันไดเตี้ยๆ ของศาลา เพื่อส่งแขกที่เหลือกลับบ้าน แขกส่วนใหญ่ลากลับไปแล้ว บนศาลาตอนนี้จึงมีเพียงญาติๆ และคนคุ้นเคยของบิดาเท่านั้น เขากวาดตามองไปทั่วๆ แล้วสายตาคมที่ซ่อนอยู่ใต้แว่นสีชาก็ปะทะเข้ากับวงหน้าเรียวสวยของผู้หญิงคนหนึ่ง ข้างกันนั้นมีสตรีสูงวัยร่างผอมกำลังร่ำไห้น้ำตารินเป็นสาย เขาไม่รู้จักคนทั้งสอง และไม่คิดว่าบิดาจะรู้จัก เขาอยากเข้าไปถาม แต่ทว่า... “มีอะไรตาฉัตร” เสียงแหบๆ ของสตรีวัยห้าสิบเจ็ด เอ่ยถามบุตรชาย ใบหน้านางชุ่มฉ่ำหยาดน้ำตา รอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าก็ดูจะชัดเจนในเวลานี้ “ไม่มีอะไรครับแม่” เขาบอกแล้วหันไปมองผู้หญิงสองคนนั้นอีกครั้ง ตอนนี้มีเพียงสตรีสูงวัยนั่งอยู่ ส่วนคนที่สะดุดตาเขาในตอนแรก หล่อนหายไปแล้ว “ผมจะไปเข้าห้องน้ำ แม่อยู่กับยัยโฉมนะครับ เดินมาโน่นแล้ว” คนเป็นลูกพยักพเยิดไปยังน้องสาวที่กำลังเดินมา ก่อนจะผละจากมารดา เมื่อลงจากศาลามาได้ ศราวิลก็แลหาร่างอรชรของสตรีในชุดดำ และเขาก็พบหล่อน แต่น่าแปลกที่พบใครบางคนด้วย ภายใต้ร่มเงาของต้นสาละ ที่ขึ้นอยู่ข้างทางเดินซึ่งปูด้วยอิฐตัวหนอน ทอดยาวไปสู่ห้องน้ำ อาทิตานั่งลงที่ม้านั่งใต้ต้นไม้นั้น ก่อนที่บุรุษในชุดดำจะนั่งลงด้วยกัน การพบเจอกันอีกครั้งหลังจากที่เลิกรากันไปเกือบปีทำให้อาทิตารู้สึกประหลาดใจ แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า คือหัวใจของเธอที่ยังเจ็บแปลบ “ซันมาได้ยังไง รู้จักคุณพ่อของโฉมด้วยเหรอ” ชายหนุ่มนามว่าปริญ เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ อาทิตาทำหน้าไม่ถูก ที่แท้แฟนใหม่ของอดีตคนรักของเธอ เป็นลูกสาวของท่านศราหรอกหรือ “เอ่อ...ซัน ซันมาเป็นเพื่อนคุณแม่ค่ะ” หญิงสาวตอบสั้นๆ ปริญยังไม่ค่อยเชื่อมากนัก “อืม...แล้วซันเป็นยังไงบ้าง เอ่อ...พี่ขอโทษด้วยนะ เรื่อง...” “อย่าไปพูดถึงมันเลยค่ะ เรื่องมันก็ผ่านมาเกือบปีแล้ว ซัน...ไม่ได้เจ็บเพราะมันอีกแล้ว พี่เป้อย่ากังวลเลย” ตอบแล้วก็กัดริมฝีปากแน่น รู้ดีว่าตัวเองกำลังจะปลดปล่อยหยาดน้ำตา ความรักที่เธอมีต่อปริญมันยังเจือจางอยู่ในอกนี้ “ซันโกหกไม่เก่งเลย พี่ผิดเองที่เลือกซันไม่ได้” ปริญตัดพ้อตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลามีแววสำนึกผิด มันทอทอดออกมาผ่านแววตาของเขา อาทิตาเอื้อมมือไปวางทับมือข้างหนึ่งของปริญ ที่วางไว้บนหน้าตัก เธอตบเบาๆ บนหลังมือเขา ยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา ก่อนจะเอ่ย “พี่เป้เป็นลูกกตัญญูนะคะ อย่าคิดว่าการทำเพื่อพ่อแม่เป็นสิ่งผิดเลย ท่านเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเสมอ เราสองคนยังไม่ได้เกินเลยเกินคำว่าคบหาดูใจ ซันยังไม่ได้เสียอะไรนอกจากหัวใจของซันหรอกค่ะ และอีกไม่นาน ซันต้องลืมความรักของเราได้แน่นอน” อาทิตาให้คำมั่น เธอตั้งใจว่าจะลืมความรักครั้งเก่าให้หมดสิ้น เพราะว่าเมื่อเจอกันคราวนี้ นัยน์ตาของปริญที่ทอดมองมาไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป เขาคงไม่ได้รักเธออีกแล้ว “ขอบใจนะซัน ที่ไม่โกรธพี่ ขอบใจจริงๆ” ปริญยิ้มให้อีกฝ่าย เขาเอื้อมมือเช็ดน้ำตาให้หล่อนอย่างแผ่วเบาราวผู้ใหญ่ใจดีที่กำลังปลอบเด็กน้อยขี้แย แต่มันยิ่งทำให้อาทิตาร้องหนักกว่าเดิม หญิงสาวหันหน้าหนี หลบเลี่ยงฝ่ามือแสนอบอุ่นคู่นั้น “คุณโฉมของพี่เธอเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากเลย ซันชักอิจฉาเธอแล้วสิที่มีคู่หมั้นแสนดีอย่างพี่” ว่าพลางป้ายปาดหยาดน้ำตาให้ตัวเอง ปริญส่ายหน้าช้าๆ “สักวันหนึ่งซันต้องเจอผู้ชายที่ดีกว่าพี่แน่นอน” อาทิตายิ้มรับคำปลอบใจของอดีตแฟน แผลใจที่คิดว่าสมานดีกำลังถูกสะกิดให้ปริแยก หยดเลือดที่ยังอุ่นกำลังซึมไหลอยู่ในหัวใจดวงนี้ แต่มันไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ ไม่อาจเอ่ยคำว่ายังเจ็บปวด เพราะรู้ดีว่าปริญเลิกกับเธอเพื่อไปหมั้นกับคนที่ดีกว่า รวยกว่า และคู่ควรกับเขามากกว่าเธอ “พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ หายมานานแล้วเดี๋ยวคุณโฉมถามหา” อาทิตาพยักหน้าแทนการตอบรับ เฝ้ามองแผ่นหลังของคนที่เพิ่งลุกจากไป ปริญเป็นลูกชายคนเดียว บ้านเขามีสำนักงานทนายความ เธอเคยได้ยินว่าบิดาของเขาเป็นทนายประจำตระกูลให้กับนักธุรกิจคนหนึ่ง แล้วตระกูลที่ว่านั้นก็เอ็นดูปริญมากจนถึงขั้นยกลูกสาวให้หมั้นหมายด้วย สวรรค์ช่างเล่นตลกนัก เพราะนักธุรกิจคนที่ว่าก็คือท่านศรานี่เอง หญิงสาวรีบเช็ดน้ำตาให้หมดไปจากใบหน้า ลุกขึ้นช้าๆ เพื่อจะเดินไปห้องน้ำ แต่เสียงที่ถามไถ่มาจากด้านหลังทำให้ต้องยุติฝีเท้า แล้วหันกลับไป “รู้จักปริญด้วยเหรอ” เสียงทุ้มเปล่งออกมาอย่างรักษาท่าที ทว่าแฝงไว้ด้วยอำนาจในคำถามนั้น ศราวิลก้าวออกจากหลังต้นไม้ใหญ่ที่ใช้กำบังกาย เขาแลเห็นการกระทำของคนคู่นี้ผ่านแว่นสีชา มันน่าสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสอง เขารู้ดีว่าปริญถูกบังคับให้หมั้นหมาย แต่ตอนนี้น้องสาวเขารักปริญไปแล้ว เขาไม่อยากให้น้องสาวเสียใจหากว่าปริญแอบไปมีคนอื่น ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเวลานี้ก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่ หล่อนสวยกว่าน้องสาวเขาด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้สิ้นคิดมาสานสัมพันธ์กับคนที่มีเจ้าของก็ไม่รู้ อาทิตาขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำถาม ผู้ชายตรงหน้าเธอเป็นใคร แล้วทำไมเขาต้องถามคำถามนี้ ยอมรับเลยว่าหากไม่มีแว่นสีชามาบดบัง เธอคงถูกดวงตาเขาหลอมจนเหลวเป็นวุ้นเละๆ เขาไม่ต้องเอ่ยด้วยเสียงคุกคามก็สามารถทำให้เธอกริ่งเกรงได้ “ฉันจำเป็นต้องตอบคำถามของคนที่ไม่รู้จักด้วยหรือคะ” ตอบแล้วหันหลังตั้งท่าจะเดินหนี แต่เขากลับก้าวยาวๆ มาขวางทางเธอไว้ “คุณจำเป็นต้องตอบหากว่าเจตนาคุณบริสุทธิ์ ปริญมีคู่หมั้นแล้ว” อาทิตาหน้าตึง เธอก็แค่พูดคุยกับปริญสองสามคำไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD