“นั่นมันที่ไหน ขนาดชื่อจังหวัดยังได้ยินในทีวีแค่ปีละหนสองหนเอง”
ศราวิลแค่นหัวเราะ “นั่นสินะ ที่นั่นเหมือนอยู่หลังเขา ทั้งที่ไม่มีเขาสักลูก คนละโลกกับที่ที่เธอเคยอยู่ เธอจะอยู่ได้สักกี่วันกัน”
“ถ้าอยากรู้คุณคงต้องเริ่มนับแล้วล่ะคุณฉัตร”
“เธอมันบ้า”
อาทิตายิ้มบ้าง “เพิ่งรู้หรือคะ พี่ฉัตรขา.....”
ชายหนุ่มมองรอยยิ้มหล่อนอย่างพิจารณา รอยยิ้มแบบเดียวกับมารดาของหล่อน รอยยิ้มแบบนี้สินะที่ทำให้บิดาที่เคารพกล้าหักหลังมารดาเขา ทำให้มารดาที่รักต้องทุกข์ตรม
“อย่ายิ้มแบบนั้นอีก ถ้ายังอยากเหลือทุกอย่างกลับกรุงเทพฯ เหมือนตอนขามา ฉันไม่ใช่คนดีหรอกนะ ถ้าเธออ่อยฉัน ฉัน ‘เอา’ แน่”
“นี่คุณ!” อาทิตาตาเบิกโพลง อ่อยหรือ? อ่อยอะไร ยังไง เมื่อไหร่ เธอก็แค่ยิ้ม ไม่ได้อ่อย!
“คาดเข็มขัดซะ หรือจะให้ฉันทำให้”
เขาว่าแล้วเอื้อมมือหมายจะช่วยดึงสายเข็มขัดนิรภัย แต่อาทิตาไวกว่า เธอจัดการของเธอเอง ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้
ทั้งสองนั่งเงียบๆ อยู่บนรถ จนกระทั่งศราวิลออกรถอีกครั้งหนึ่ง เขาขับรถมุ่งหน้าไปในทิศทางที่คุ้นชิน อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว
“อะแฮ่ม...ขอถามหน่อยได้ไหม” เธอร้องขอแต่เขาไม่ตอบ “เอ่อ...ขอถามได้ไหม...คะ”
ศราวิลอมยิ้มตอนได้ยินเสียง ‘คะ’ ออกจากปากหล่อน เขาพยักหน้าให้
“ทำไมต้องขับรถมา เครื่องบินน่าจะลงที่ขอนแก่นได้นะ”
เธอให้เหตุผล มั่นใจว่าที่ขอนแก่นมีสนามบินแน่ๆ
“ฉันเมาเครื่อง”
นั่นคือสิ่งใหม่ที่อาทิตาได้รู้ ตัวโตเสียเปล่า เมาเครื่องบินเนี่ยนะ
“อ่อนจริงๆ”
“นี่เธอ!?”
เขาส่งเสียงปราม แต่อาทิตาหัวเราะเยาะ ขยับกายแล้วปรับเบาะให้เอนลงเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลง
“เฮ้อ...เมื่อยจัง ฉันจะหลับสักงีบ ขับรถดีๆ นะคะพี่ฉัตรขา...”
ศราวิลเม้มปากแน่นยามได้ยินเสียงเรียกพี่ฉัตรขาที่หวานจนขนลุก หล่อนช่างชำนาญในการป่วนประสาท ทว่าหลังจากนั้นไม่กี่นาที อาทิตาก็เข้าสู่นิทราอย่างที่หล่อนว่า ช่างเป็นสตรีที่กินง่ายนอนง่ายจนน่าหวั่นใจ หล่อนไม่กลัวหรืออย่างไรถึงได้กล้านอนบนรถของผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกัน
ชายหนุ่มขับรถไปเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน มุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ถนนในแถบนี้ เวลาปกติรถไม่มากเท่าช่วงเทศกาล ทำให้เขาเดินทางได้อย่างราบรื่นไม่ติดขัด ส่วนอาทิตานั่นหรือ หลับอุตุไปแล้ว ศีรษะหล่อนพลิกไปพลิกมาบนพนักพิงที่ไร้หมอนรอง
“ช่างแม่ง! น้องนุ่งก็ไม่ใช่ ฉันไม่สนหรอก” บอกตัวเองแล้วขับรถต่อ ทว่าไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หางตาก็เผลอเหลือบมองหล่อนอีกจนได้ ใบหน้าสวยที่วันนี้เครื่องสำอางบางตา ทำให้เขาอดมองไม่ได้จริงๆ
อาทิตาเป็นคนสวย สวยเหมือนมารดาของหล่อน ตาโต จมูกโด่งน่ารัก ริมฝีปากอิ่มเต็มตึงน่าจูบ รูปร่างบอบบางแต่มีมากในส่วนที่ควรมี แน่นอนว่าหล่อนเป็นสตรีในแบบที่เขาปรารถนา
แต่ทว่าทั้งหมดทั้งมวลไม่มีความหมาย ต่อให้เขาเจ้าชู้ปานใด ต่อให้เขาใช้ผู้หญิงเปลืองแค่ไหน เขาก็มองหล่อนในแบบนั้นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะปากร้ายๆ ของหล่อนหรอกนะ แต่เพราะหล่อนมีคำนำหน้าว่าลูกติดเมียน้อยต่างหาก ระหว่างเขากับหล่อนคงเป็นได้แค่ศัตรูคู่แค้น คงไม่มีทางมากอดคอสมานฉันท์ได้หรอก เชื่อสิ!
เวลา 15:30 นาฬิกา
บนถนนระหว่างตัวอำเภอแดนดงกับไร่ของศราวิล รถกระบะสีดำมันปลาบแล่นด้วยความเร็วสม่ำเสมอ กระทั่งเข้าสู่เขตของไร่ ปกฉัตร ที่กินพื้นที่กว่าหนึ่งพันไร่ รถคันดังกล่าวจึงได้ลดความเร็วลงมา ด้วยว่าถนนภายในไร่นั้นยังเป็นดินลูกรังขรุขระที่มีฝุ่นแดงฟุ้งตลบยามรถแล่นผ่าน
อาทิตาขยับกายช้าๆ เธอคอเคล็ดแต่ยังง่วงเกินกว่าจะลืมตา รู้สึกคล้ายเบาะนั่งถูกจับเขย่า นี่เธอกำลังเดินทางไปดวงจันทร์หรืออย่างไร ทำไมมันสั่นสะเทือนอะไรอย่างนี้ แต่ช่างเถอะ เธอง่วงเหลือเกิน
แรงสั่นสะเทือนของตัวรถทำให้ศีรษะของอาทิตาหลุดจากพนักพิง มันค่อยๆ เอนลงด้านข้าง ทีละนิด...ทีละนิด
หมับ!
ศราวิลเห็นเข้าพอดี เขายื่นมือซ้ายไปรองศีรษะหล่อนไว้ ก่อนที่มันจะร่วงหล่นแล้วทำให้หล่อนตื่น
“อา...ยัยคนนี้นี่” เขาสบถอย่างรำคาญใจ ค่อยๆ พาศีรษะทุยๆ ขึ้นไปวางยังที่ทางของมัน ทว่าเมื่อยามที่ศีรษะหล่อนพิงพนักได้สำเร็จ มือของเขากลับวางทาบที่แก้มบางอย่างพอดิบพอดี และเพียงแค่ผิวแก้มนุ่มนิ่มมาอยู่ในอุ้งมือ สมาธิที่ใช้ขับรถก็ได้อันตรธานหายไป
เขาเบี่ยงพวงมาลัยพารถเข้าชิดไหล่ถนน ดวงตะวันเจิดจ้ายังแผ่ไอร้อนอยู่ด้านนอกตัวรถ สองข้างทางค่อนข้างเปลี่ยว มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นอ้อยขึ้นหนาตา มันกำลังแตกใบสีเขียวอ่อนรับความชุ่มฉ่ำในฤดูแห่งหยาดพิรุณ
ศราวิลกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า อันที่จริงเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทานทนต่อการยั่วเย้าอันไร้เดียงสา เขายังมีความต้องการ ต้องการมากเสียด้วย
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะ” ถามเอากับคนที่กำลังหลับ นิ้วหัวแม่มือเผลอเกลี่ยแก้มเนียน มันนุ่มเสียจนอยากฝังปลายจมูกสูดดมให้ชื่นทรวง อดใจไม่ไหวก็ปลดสายเบลออกแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ จนได้กลิ่นลมหายใจหล่อน
“ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
ศราวิลพึมพำกับตัวเอง จากที่อยากสูดดมแก้มนุ่ม พอได้เห็นริมฝีปากอิ่มเต็มตึงชัดๆ ก็ชักอยากเปลี่ยนที่หมาย รสริมฝีปากนั้นจะเป็นเช่นไร จะหวานหรือไม่ เขาคงรู้ได้ หากจุมพิตหล่อนสักครา
ใบหน้าคมขยับเคลื่อนเข้าใกล้อีกนิด จนริมฝีปากเกือบวางชิดริมฝีปากหล่อน เกือบจะได้มอบจุมพิตเพื่อลิ้มรสหวาน หากว่าอาทิตาไม่รู้สึกตัวเสียก่อน
“อ๊ะ!? นี่เธอ...” ชายหนุ่มผงะเมื่อดวงตาคู่ตรงข้ามเปิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน มิเพียงเท่านั้น อะไรบางอย่างที่แข็งและเย็นเฉียบก็จ่อมาที่ลำคอเขาด้วย อะไรกันนี่ ถึงกับมีมีดติดตัวเลยหรือ