บทที่ 3/3 ยินดีต้อนรับสู่นรก

1076 Words
ศราวิลจับไหล่ทิดอ่ำพลิกหันหลัง ก่อนจะเตะก้นไปทีหนึ่ง ด้วยหมั่นไส้ในความทะลึ่งตึงตัง “โอ๊ยน้อ...ลูกพี่ค้าบ...” ทิดอ่ำโอดโอย มองไปยังกระท่อมอีกหนแต่ถูกลูกพี่ชี้หน้าคาดโทษ เลยจำต้องก้มหน้าเดินจากไป รถอีแต๋นคันใหญ่แล่นออกไปจากหน้าบ้านในอึดใจถัดมา ศราวิลถอนหายใจแรงๆ เดินไปยังกระท่อมหลังน้อย เคาะประตูสังกะสีจนเกิดเสียงดังระคายแก้วหู อาทิตาเปิดประตูออกมา หญิงสาวเพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ แต่หัวหูยังยุ่งเหยิง ครีมยังไม่ได้ทา แป้งยังไม่ได้แตะผิว “มีอะไรมิทราบ” เธอถามเสียงห้วน แต่เขาไม่ตอบ ศราวิลเข้าไปดูผนังทั้งสองด้าน ก้มลงมองช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ที่ตีเรียงกัน ก่อนจะหุนหันจากไปท่ามกลางความงงของอาทิตา ทว่าไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเขาก็กลับมาพร้อมกับเสื่ออีกหลายผืนและเชือกฟาง “คุณจะทำอะไร” “มีตาก็ดูเองสิ” “นี่!?” อาทิตาไม่รู้จะทำอย่างไรกับศราวิลดี เธอพูดดีแล้วนะ แล้วนั่นเขาคิดจะทำอะไร เอาเสื่อมาทำไมตั้งหลายผืน แต่ละผืนหนาๆ ทั้งนั้น “ผูกสิ หรืออยากแก้ผ้าอวดพวกคนงาน” “หมายความว่าไง” ถามกลับอย่างงงๆ ในขณะที่มือผูกเชือกฟางเข้ากับมุมซ้ายขวาของเสื่อทุกผืน ก่อนที่ศราวิลจะนำมันไปแขวนติดไว้ที่ผนัง ใช้เชือกฟางมัดเสื่อกับคานไม้ดิบดี เขาทำแบบนั้นกับผนังทุกด้าน เพิ่มความมิดชิดและความร้อนได้อย่างน่าอัศจรรย์ และอย่าหวังว่าจะมีสิ่งใดเล็ดลอดเข้ามาในกระท่อมหลังนี้ได้ แม้แต่แรงลมก็ตาม “มีตาไม่รู้จักดู ไม่รู้หรือว่ากระท่อมไม่มิดชิด เล่นแก้ผ้าอ่อยขนาดนี้ อีกไม่นานคงได้ผัวเป็นคนงานตัดอ้อยแน่ๆ” อาทิตาพยายามคิดตาม โกรธคนที่บ่นให้ก็โกรธ แต่โกรธตัวเองมากกว่า เธอลืมไปเลยว่าช่องที่ลมสามารถผ่านเข้ามาได้ สายตาคนก็มองผ่านเข้ามาได้เช่นกัน แสดงว่าเมื่อกี้นี้... “คุณเห็นไหม” “เห็นอะไร” ศราวิลแกล้งถาม “ก็เห็นฉัน...แก้ผ้า” ชายหนุ่มยักไหล่ ยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก “จะเหลือเหรอ ผิวเธอนี่อย่างขาวเลย หึๆๆ” อาทิตาหน้าแดงเรื่อ ในกระท่อมว่าร้อนแล้ว แก้มเธอคงร้อนกว่า งั้นเขาก็เห็นหมดเลยน่ะสิ โธ่เอ๋ย...อาทิตา “จุ๊ๆๆ ไม่ต้องคิดมากนะน้องพี่ พี่เห็นมาเยอะจนชินซะแล้ว ขาวกว่าน้อง อึ๋มกว่าน้องพี่ก็ผ่านมาหมด อย่างน้องน่ะ ไม่ทำให้พี่มีอารมณ์ได้หรอก แต่ถ้าพวกคนงานกลัดมันละก็ไม่แน่ เพราะฉะนั้น...” ป๊อกๆๆ เสียงนิ้วชี้แข็งๆ เคาะลงที่หน้าผากของอาทิตาแรงๆ “รู้จักระวังตัวซะบ้าง อย่าอ่อยไม่เลือกหน้า ถ้าอยากมากนักก็มาอ่อยพี่ พี่จะรอนะจ๊ะน้องซัน...” ศราวิลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหยัน ก่อนจะก้าวจากไปในขณะที่อาทิตายังยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น สองมือกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เขาคงคิดดีๆ กับเธอไม่ได้กระมัง “ฮึ่ม!! โมโหโว้ย!” ผลัวะ! โครม! ประตูสังกะสีโกโรโกโสกระเด็นจากวงกบด้วยฝ่าเท้าของอาทิตา นึกว่าจะเป็นห่วงเป็นใย ที่แท้ก็ภาพลวงตาทั้งนั้น ทุกอย่างต้องมีผลพลอยได้สินะ ไม่งั้นคงไม่ทำดีกับเธอแน่ๆ “ฉันไม่ได้อ่อยซะหน่อย ไอ้คนปากหมา! ไอ้คนทุเรศ!” อาทิตายืนหอบอยู่ใต้กรอบประตู ปากด่าฉอดๆ หัวหูยังยุ่งเหยิง “ด่าหมาเดี๋ยวหมาเลียปากนะน้อง ระวังตัวเอาไว้ดีๆ ก็แล้วกัน” ศราวิลร้องขู่พร้อมรอยยิ้ม ทั้งยักคิ้วยั่วอาทิตาอย่างน่าหมั่นไส้ หญิงสาวได้แต่กัดฟันกรอดๆ ศราวิลจะทำดีกับเธอให้ได้ตลอดรอดฝั่งไม่ได้หรือ ทำดีกับเธอจากใจมันยากนักหรืออย่างไร “คิดว่าฉันโง่เหรอ ถ้าทอดกายให้นายเชยชม สุดท้ายแล้วนายก็คงเขี่ยฉันทิ้ง เสียซิงไม่พอ มรดกก็คงถูกนายหลอกล่อเอาคืนไป ฉันไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นแน่ ต่อให้ต้องตายฉันก็จะรักษามรดกไว้ ต้องกลายเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายฉันก็ไม่สนหรอก บอกแล้วว่าฉันถึกกว่าที่นายคิด คอยดูก็แล้วกัน!” อาทิตาเอ่ยไล่หลังคนที่เดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ ยังยืนหอบหายใจจนความโกรธทุเลาจึงได้หันกลับมามองตัวเอง เอาละนะ นรกของเธอได้เริ่มต้นแล้ว อันที่จริงมันเริ่มตั้งแต่ตอนที่เธออยากได้อยากมีในมรดกของศราวิล แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ขึ้นหลังเสือแล้วลงได้ที่ไหน ขืนลงไปก็มีแต่จะถูกเสือตะปบกินเท่านั้นเอง “เฮ้อ...ประตูของฉัน แล้วคืนนี้จะนอนยังไงเนี่ย” ว่าแล้วกระโดดลงจากกระท่อมไปพิจารณาประตูสังกะสีเก่าๆ มันไม่สามารถนำมาประกอบเข้ากับวงกบได้ด้วยว่าบานพับที่ยึดไว้ถูกสนิมกินจนผุกร่อนแล้วหักออก เธอคงต้องขอความช่วยเหลือจากศราวิล ให้ตายเถอะ...แค่คิดก็สยอง เวลาย่ำค่ำที่กลางดงอ้อย เสียงแมลงตัวน้อยกรีดร้องในทันทีที่ตะวันตกดิน อาทิตาไม่ชินกับมันนัก เธอนั่งอยู่ที่ประตูหลังห้องครัว ป้าพุดเพิ่งกลับไปเมื่อกี้ วันนี้นางใจดีช่วยทำกับข้าวไว้ให้ก่อนกลับ เธอกำลังนั่งรอศราวิล นั่งมองลานดินหลังครัวเพลินๆ มีตัวอะไรไม่รู้วิ่งไปวิ่งมา เข้ารูนั้นออกรูนี้ คงเป็นแมลงกลางคืนที่เธอไม่รู้จัก เหมือนจะมีบ่อน้ำอยู่ไม่ไกลด้วย เธอได้ยินเสียงกบด้วยแหละ โครกคราก... เสียงกระเพาะน้อยร้องครวญ ใช่แล้ว...เธอหิว แต่จะกินก่อนเจ้าของบ้านก็กระไร คงไม่เหมาะ แล้วการรอคอยก็สิ้นสุด เมื่อศราวิลลงมาจากชั้นบนในอึดใจถัดมา เขาอาบน้ำอาบท่าเสียหอมฟุ้ง กลิ่นแชมพูราคาแพงไม่เข้ากับบรรยากาศบ้านนอกบ้านนาเอาเสียเลย “เอ้า...นึกว่ากินแล้ว” “พอดีเป็นคนมีมารยาท เลยต้องรอเจ้าของบ้านก่อนค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD