“ถึงเมืองหูเจียงแล้วขอรับคุณชายน้อย ท่านจะเดินทางไปหมู่บ้านตีนเขาเลยหรือไม่ขอรับ หรือว่าท่านอยู่จะพักที่เมืองหูเจียงก่อน” ลุงเหอเอ่ยกับซุนหวางแต่สายตากลับหันไปขอความเห็นจากท่านแม่ทัพ
“ซุนหวางว่าอย่างไร เจ้าเหนื่อยหรือไม่”
“ไม่ขอรับข้ายังเดินทางต่อได้ ข้าอยากไปให้ถึงหมู่บ้านตีนเขาไว ๆ”
“ทำไมจะต้องรีบขนาดนั้น ถึงอย่างไรข้าก็ไปกับเจ้าอยู่ดี”
‘อ่า..ยังคิดจะไปอยู่อีกหรือนี่ ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพแค่ล้อเล่นเสียอีก’ ซุนหวางคิดและพยายามหาทางเลี่ยงท่านแม่ทัพอีกครั้ง
“แต่มันอยู่คนละเส้นทางกับค่ายทหารไม่ใช่หรือขอรับ มันอาจจะทำให้ท่านแม่ทัพเสียเวลา ข้าไม่อยากรบกวน”
“ไม่ต้องเกรงใจ จะทางไหนใกล้ไกลนั่นมันเป็นปัญหาของข้า เดินทางกันได้แล้วก่อนที่มันจะค่ำ!” ชิวหานตอบคนตัวเล็กไปด้วยท่าทางที่ยียวน แล้วก็หันมาสั่งลูกน้องด้วยเสียงอันดังฟังชัดเหมือนกับคำสั่งการให้ออกศึกกระนั้น
“ขอรับท่านแม่ทัพ!!” ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือจะทำให้ท่านแม่ทัพของพวกเขาผิดหวัง เสียงร้องขานรับอย่างพร้อมเพรียง และดังกึกก้องของเหล่าทหารกล้าได้สร้างความฉงนให้กับผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมาเป็นอย่างยิ่ง ต่างก็พากันสงสัยว่าทหารของกองทัพหลวงจะไปเปิดศึกที่ใดกันถึงได้พากันฮึกเหิมยิ่งนัก
“ท่านแม่ทัพ พวกท่านจะไปกันทั้งหมดนี่เลยหรือขอรับ” ลุงเหอผู้ใหญ่บ้านแห่งหมู่บ้านตีนเขาก็ตกใจเช่นกันที่เห็นทหารนับร้อยเตรียมพร้อมจะเดินทางอีกครั้ง ก็มันไม่ใช่แค่ทหารนับร้อยแต่ม้าศึกก็มีนับร้อยเช่นกัน แล้วหมู่บ้านตีนเขาเล็กๆ แห่งนั้นจะไม่พัง ราบเป็นหน้ากลองเลยหรือ
“ทำไมล่ะ หมู่บ้านของท่านไม่ยินดีต้อนรับข้าหรืออย่างไร” แม่ทัพชิวหานถามออกไปเนิบ ๆ แต่แฝงด้วยความดุดัน ทำให้คนฟังหัวใจแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“ตะ..ต้อนรับขอรับ แต่เรื่องอาหารและที่พักนั้น...”
“ท่านลุงเหอไม่ต้องเป็นกังวลไป พวกข้าไม่ทำให้ท่านต้องลำบากหรอก ข้าแค่อยากมั่นใจว่าซุนหวางอยู่ที่นั่นจะต้องปลอดภัย ภายใต้การดูแลของท่าน ใช่ไหมท่านลุงเหอ เอาล่ะ..เดินทางกันได้แล้ว”
“ขอรับท่านแม่ทัพ!” เหอชวนจำต้องรับคำอย่างหนักแน่นไม่แพ้เหล่าทหารเช่นกัน เห็นทีเขาจะต้องกำชับลูกบ้านอย่างหนักเรื่องของคุณชายน้อยซุนหวางเสียแล้ว หากเกิดสิ่งใดขึ้นกับคุณชายน้อยคนนี้ เฮ้อ..เขาไม่อยากจะคิดต่อเลยเพราะหมดหนทางที่จะหลีกเลี่ยงแล้ว
การเดินทางจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ด้วยการนำของทหารกลุ่มใหญ่ ชิวหานบังคับม้าให้วิ่งช้า ๆ และเข้าไปขนาบข้างกับรถม้าของคนตัวเล็ก ที่ผ้าม่านของรถม้ายังคงเปิดอยู่
“ทำไมท่านแม่ทัพจะต้องข่มขู่ท่านลุงเหอด้วยขอรับ” เมื่อ เห็นชิวหานเข้ามาใกล้ ซุนหวางก็รีบต่อว่าคนอวดเบ่งทันที ลุงเหอก็ดีกับเขาขนาดนั้นยังมิวายโดนคนผู้นี้ข่มเหงด้วยวาจาอีก แบบนี้เขาเรียกว่าใช้อำนาจในทางที่ผิดหรือไม่
“ไม่ชอบหรือ ข้าทำเพื่อเจ้าทั้งนั้นนะ ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าก็ทำเพื่อเจ้าได้ ยื่นมือมาสิ”
‘อะไรอีกล่ะ ทำไมถึงชอบวุ่นวายกับข้านัก’ ถึงจะคิดแบบนั้น หัวใจเจ้ากรรมกลับยิ่งเต้นกระหน่ำดั่งกลองศึกทั้งยังยอมยื่นมือออกไปตามคำสั่งแล้วถุงผ้าที่มีน้ำหนักอยู่มากโขก็ถูกวางลงบนมือของเขา ‘ถุงเงินนี่’ ซุนหวางคิด แต่ทำไมมันถึงได้เยอะขนาดนี้
“ท่านแม่ทัพนี่มัน...”
“ก็เงินค่ายาของเจ้า ยังสงสัยอะไรอีกหรือ”
“ทำไมมันถึงได้มากมายขนาดนี้ขอรับ”
“แค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอกตวนหยางย่อมยินดีที่จะจ่าย ต่อให้เยอะกว่านี้เขาก็ต้องจ่าย เจ้าคิดว่าข้าทำได้ดีหรือไม่ที่ช่วยเจ้าขายของได้กำไรงามเช่นนี้ แล้วข้าสมควรได้รับรางวัลไหมซุนหวาง”
“ขะ..ข้าไม่มีรางวัลให้ขอรับ เช่นนั้นท่านแม่ทัพก็แบ่งเงินไปก็ได้”
“หึ ๆ ๆ ใครเขาอยากจะได้เงินของเจ้ากัน ข้าหมายถึงรางวัลอย่างอื่นต่างหาก ที่ไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายสักตำลึง” ชิวหานบอกความต้องการของตัวเองไปทั้งยังใช้สายตาจดจ้องไปที่ริมฝีปากบางอย่างหลงใหล ความรู้สึกและรสจูบของวันนั้นมันก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่เคยจางหายจนอยากจะยื่นมือไปสัมผัสอีกครั้ง
ซุนหวางพอรู้ตัวว่าถูกมองตรงส่วนใด ก็รีบดึงผ้าม่านปิดลงทันที คิดถึงตอนนั้นทีไรใบหน้าก็เห่อร้อนขึ้นเมื่อนั้น ‘โอย..ทำไมข้าถึงเป็นเช่นนี้’ ซุนหวางได้แต่สงสัยอาการร้อนรุ่มของตัวเองที่มีต่อบุรุษผู้นี้
ส่วนแม่ทัพชิวหานก็ยังคงควบม้าขนาบข้างรถม้าของซุนหวางด้วยสีหน้าชื่นมื่นและเป็นสุขอย่างยิ่ง ท่าทีขวยเขินที่น่ามองเช่นนี้เขาอยากจะเห็นมันบ่อย ๆ เหลือเกิน
ย้อนกลับไปหนึ่งวัน ก่อนการเดินทางสู่เมืองหูเจียง...
“ท่านแม่ทัพ คุณชายซุนหวางมียาเหลือหรือไม่” ตวนหยางเอ่ยถามผู้เป็นสหาย ความหวังที่จะได้ยากลับไปให้ท่านหมอปิงนั้น มันก็มีแค่ริบหรี่ เพราะคิดว่าใครเขาจะบ้าซื้อยามาตุนไว้เยอะแยะปานนั้นแต่อย่างน้อย ๆ ขอให้ได้อย่างละสิบยี่สิบเม็ดก็คงจะดี
“หากว่าได้มาแล้วเจ้าจะให้ราคาเท่าไหร่หรือ คงไม่ใช่ราคาปกติหรอกนะ กว่าจะหอบหิ้วมาจากเมืองหลวงมันก็ต้องมีค่าขนส่งบ้าง..ว่าอย่างไร” เพื่อคนงามของเขาแม่ทัพหนุ่มถึงกับผันตัวเองเป็นพ่อค้าขายยาชั่วคราวเลยทีเดียว ทั้งยังต่อรองได้เก่งยิ่งนัก
“โธ่..ท่านแม่ทัพจะพูดไยให้มากความ หากว่ามีจริงข้าก็ยินดีที่จะจ่ายโดยไม่เกี่ยงราคาแม้แต่น้อย”
“มียามาห้าอย่างอย่างละห้าร้อยเม็ด อ่อ..มียาชาด้วยนะ เป็นยาตัวใหม่ ท่านหมอปิงจะต้องชอบแน่ ๆ”
“ห๊ะ! ห้าร้อยเม็ด นี่คุณชายซุนหวางเหมายามาจากร้านฟู่เจียงจริงหรือ แล้วเรื่องราคาเล่า..ว่ามาเร็วเข้าสหาย” ตวนหยาง กระตือรือร้นขึ้นมาในทันที
“อย่างละห้าร้อยตำลึงทอง”
“ว่าอย่างไรนะ ห้าร้อยตำลึงทองก็ไม่ถือว่าแพง ฮิฮิ”
“หูเจ้าเพี้ยนหรืออย่างไร ข้าบอกว่าอย่างละห้าร้อยตำลึงทอง รวมแล้วคือสองพันห้าร้อยตำลึงทอง”
“สองพันห้าร้อยตำลึงทอง! ชิวหาน..เจ้าจะขูดเลือดขูดเนื้อข้าเกินไปหรือไม่” กุนซือหนุ่มโอดโอย..เขารู้นะว่าคุณชายซุนหวางไม่มีทางขายยาให้เขาแพงเช่นนี้แน่ เฮอะ! คิดจะขายของเอากำไร เพื่อจะได้เอาใจคนงามหรือ แม้แต่สหายของท่านเองก็ไม่ละเว้นเลยนะท่านแม่ทัพ
“จะเอาหรือไม่เอา”
“อะ..เอาก็เอา แล้วเจ้าช่วยขอเงินคืนจากท่านหมอปิงให้ข้าด้วยนะ”
“ก็แค่นั้น..แล้วข้าจะพยายามก็แล้วกัน”
ฮ่า ๆ ๆ ๆ นี่คือการกระทำที่ท่านแม่ทัพหนุ่มทำเพื่อคนงามสินะ ช่างน่าสรรเสริญเสียจริงหวังว่าคนงามคงจะพอใจเป็นอย่างยิ่งนะท่านแม่ทัพ