“กรี๊ด!!!”
ฉันเกือบสะดุ้ง เมื่อเอริวิ่งมาตะโกนข้างหู
“นั่นชุนจังนี่นา!!”
สิ้นเสียงนั้น ทุกสายตาของสาวๆ ก็หันตามเรดาร์บ้าผู้ชายของเอริ และได้เห็น ‘โอกุริ ชุน’ นักแสดงหนุ่มหล่อวัยใสที่ปลอมตัวเป็นตาแก่แล้วก็ยังเท่ไม่หาย แต่ทะลึ่งมาเดินเฉิดฉายหน้าโรงเรียนสตรี ต้องใส่เกียร์น้องหมาวิ่งหน้าตั้งหนีสหบาทา(หรืออาจเป็นสหคิสคิส) จากหน้าโรงเรียนไปไกลลิบพร้อมเด็กนักเรียนหญิงทั้งหมด! ทิ้งให้ฉันยืนมองตามอย่างอิจฉาตงิดๆ...
ฉันก็ชอบชุนจังเหมือนกันนะ! แต่แสดงออกไม่ได้อะ เดี๋ยวเสียภาพพจน์ T^T
แต่ที่จริงก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่วิ่งตามชุนจังไป เพราะเด็กผู้ชายของโรงเรียนคาเสะคนนั้นยังยืนนิ่งเป็นหินอยู่ที่เก่า หรือหมอนั่นจะเป็นตะคริวเลยขยับตัวไม่ได้?
อ๊ะ มิรินล่ะ!
ฉันหันมองซ้ายขวาหาน้องสาวเจ้าปัญหา ก่อนเบิกตาโต และรีบเร่งฝีเท้าตามชุนจัง...เอ๊ย! มิรินกับเอริไป ก็ยัยเอริน่ะสิ! ฉันฝากมิรินไว้กับเธอก็จริง แต่ถ้าจะบ้าผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องลากคอเสื้อน้องฉันให้วิ่งตามไปด้วยหรอกนะ! มิรินก็อีกคน ทั้งโดนลากคอเสื้อ ทั้งวิ่ง ยั๊งงงงก้มหน้าก้มตาแกะจดหมายอยู่นั่น!!
ดีนะที่ฉันไม่ได้รับพันธุกรรมเอ๋อ บ้า ซ่า บ๊องมาอย่างเธอ TvT
“อ๊ะ!” ฉันร้องเสียงสั้นเมื่อกำลังจะวิ่งผ่านผู้ชายที่ยืนพิงรั้วโรงเรียนไป แต่หมอนั่นยื่นแขนขวางทางไว้ (ตกลงไม่ได้เป็นตะคริวเรอะ!) เป็นเหตุให้ฉันต้องกระโดดข้ามแขนนั้นเพราะหยุดไม่ทัน ก่อนหมุนตัวหนึ่งรอบลงนั่งกับพื้นอย่างสวยงาม~
เก่งที่สุดเลยมิฮารุ >_ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของฉัน ในสมองมันมึนงงแปลกๆ แต่ตอนที่ลืมตาตื่นก็พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซซ์ ในห้องที่ผนังและเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นสีแดง สไตล์จีน ข้างเตียงมีโทรทัศน์แอลซีดีติดผนัง และชั้นวางของที่มีเครื่องเล่นดีวีดีและโฮมเธียเตอร์ยกชุด
พอฉันผุดลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มที่คลุมถึงไหล่ก็ร่วงหล่นไปกองอยู่ที่ตัก ทำไมที่หัวด้านหลังมันปวดแปล๊บๆ หว่า หืม?...แล้วทำไมเสื้อผ้าฉันหลุดลุ่ยแบบนี้ล่ะ เสื้อสูทนักเรียนกับโบผูกคอเสื้อของฉันหายไปไหน ทำไมเหลือแค่เชิ้ตขาวข้างในกับกระโปรง แถมกระดุมเสื้อก็ติดไม่ครบ...ช่างมัน -_- แต่ที่น่าสงสัยมากกว่านั้น...
...ที่นี่ที่ไหนนะ
ฉันหาวหวอด ก่อนทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่ฉันตื่นขึ้นมาในสถานที่ไม่คุ้นตา ก่อนหน้านี้ตอนไปเที่ยวฮอกไกโด แฟนของเอริตอนนั้น (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ท้าให้ฉันดื่มสาเก แถมดูถูกต่างๆ นานา ว่าฉันดื่มไม่ได้หรอก ฉันเลยตอบสนองคำท้านั้นด้วยการดวลสาเกกับหมอนั่นทีละแก้ว!
เอริบอกว่าฉันชนะการประลอง จนแฟนเธอล้มพับไปแล้วฉันยังสั่งสาเกเพิ่ม พอดื่มจนหนำใจก็ออกไปหาเรื่องซ้อมนักเลงประจำถิ่นทั่วฮอกไกโด จนเกือบสว่างโน่นถึงหมดแรง เอริกับมิรินเลยพาฉันแวะนอนเลิฟโฮแถวนั้นเพราะมันเข้าพักง่าย ไม่ต้องติดต่อพนักงานเพื่อเช็กอินเหมือนโรงแรมทั่วไป คุยกับเครื่องจักรก็จบ ประกอบกับทุกคนง่วงมากจนกลับโรงแรมที่พักที่อยู่อีกฟากของเมืองไม่ไหว
กับแฟนเอริก็ได้เลิกกันไปตอนนั้นแหละ โทษฐานที่ทำให้เธอเหนื่อยกับการวิ่งตามฉันทั้งคืน เหอะๆ ส่วนตัวฉันเองพอลืมตาตื่นก็ลืมความวุ่นวายที่ตัวเองก่อไว้จนหมดสิ้น -_-+
ฉันปิดเปลือกตาลง พยายามประมวลผลในสมองว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ เผื่อจะนึกอะไรขึ้นมาได้บ้าง แล้วความทรงจำรางๆ ก็วาดเส้นสายในจินตนาการ ฉันพับคิตตี้จังให้มิริน เอริวิ่งตามชุนจังไปที่หน้าโรงเรียน แล้วก็...
เฮือก!!!
จริงสิ! ฉันเล็งหัวโขกไปที่ปลายคางไอ้บ้าที่จับตัวฉันหน้าโรงเรียนนี่นา แต่หมอนั่นมันหลบทัน หัวฉันเลยกระแทกกับกำแพงโรงเรียนด้านหลังเข้าเต็มๆ! แล้วกิ๊บติดผมรุ่นพระเจ้าเหาที่ฉันหยิบของแม่มาติดเมื่อเช้าล่ะ กิ๊บที่ฉันตั้งใจจะใช้สอยปลายคางหมอนั่น ป่านฉะนี้ไม่กระแทกกับกำแพงบวกหัวฉัน จนแหลกละเอียดไปพร้อมอาการปวดหัวแปล๊บๆ นี่แล้วเรอะ
ซวยแล้วไง...คุณนายมิจิรุเล่นงานฉันตายแหง ถึงใครๆ จะคิดว่าแม่ฉันเป็นกุลสตรีผู้เรียบร้อยบอบบาง แต่ฉันรู้ดีเลยละว่าลึกๆ ลงไป เวลาโกรธท่านห้าวหาญยิ่งกว่าชายชาตรี TOT
เพราะคลำหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอกิ๊บนั่นบนศีรษะ ฉันเลยผุดลุกขึ้นตามหาไปรอบห้อง แต่ของที่เจอกลับเป็นโบลายสก็อตสีเขียวขี้ม้าสำหรับผูกคอเสื้อตกอยู่ข้างเตียง ไกลออกไปอีกนิดคือเสื้อสูทนักเรียนของฉัน ไกลออกไปอีกหน่อยก็ถุงเท้ายาวสีดำ และไกลออกไปอีกนิดหนึ่งก็รองเท้าของฉันกับรองเท้าหนังคู่ใหญ่ที่หน้าประตูที่วางเหมือน...สะบัดทิ้งไว้มากกว่า
เดี๋ยวก่อนนะ...
จะว่าไปมิรินกับเอริวิ่งตามชุนจังไปนี่ แล้วใครพาฉันมาที่นี่ล่ะ?
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?”
เสียงทุ้มที่เอ่ยถาม ดังมาจากทางด้านหลังที่น่าจะเป็นห้องอาบน้ำ ฉันอ้าปากน้อยๆ ค้างอยู่อย่างนั้นประมาณสิบวินาที ก่อนหุบปากสนิท แล้วค่อยหันมองกลับไปด้านหลังพลางภาวนาให้ตัวเองเยื่อบุหูพัง! เสียงนั้นแค่เสียงลม! เสียงฝนกระทบหลังคา! เสียง...
“กู๊ดมอนิ่ง...ที่รัก”
พร้อมคำนั้น สัมผัสอุ่นนุ่มก็ประทับลงที่พวงแก้ม...