การรอคอยในความเงียบสงบ

1257 Words
เวลา 2 ทุ่ม ลมหนาวจากค่ำคืนพัดความหนาวเย็นเอื่อยๆมาแตะผิวเบาๆ ชวนให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงระเบียงยกผ้าคลุมไหล่ขึ้นห่มตัวแน่นขึ้น เธอทอดสายตามองบันไดหินที่ทอดยาวจากถนนเบื้องล่างขึ้นมาถึงหน้าห้องพัก ไม่มีเงาร่างของคนที่เธอเฝ้ารอ เธอรอเขามาทั้งบ่าย ทั้งเย็น จนกระทั่งค่ำคืนนี้มาถึงอย่างเงียบงัน เพื่อจะมาขอความช่วยเหลือจากเขา ก่อนหน้านี้ เธอเคยส่งจดหมายไปแล้ว เนื้อความในนั้นสั้นแต่เร่งด่วน เป็นคำร้องขอให้ช่วยตามหาคู่หมั้นของเธอที่หายตัวไป ทว่าจดหมายนั้นกลับไร้คำตอบ กระทั่งเธอได้ยินข่าวมาว่าเขาออกเดินทางไปไกลเสียก่อนจดหมายนั้นจะไปถึงเสียอีก มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เธอโล่งใจที่เขาไม่ได้ตั้งใจเมินเฉยต่อเธอ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแย่กับความโล่งใจของตัวเอง เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป ความรู้สึกผิดที่ไม่เคยเลือนหายจากใจ และในเช้าวันนี้ เธอจึงตัดสินใจจะทำในสิ่งที่หลีกเลี่ยงมานาน เธอไปดักรอเขาที่ริมถนนสายเล็กๆ ซึ่งเป็นเส้นทางที่เขามักใช้ประจำ จนกระทั่งเธอเห็นเขา ชายหนุ่มยืนอยู่ที่อีกฟากของถนน ร่างสูงในชุดทำงาน ใบหน้าของเขานิ่งเฉยจนแทบอ่านอารมณ์ไม่ได้ แต่แววตาของเขา—ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าที่ยากจะซ่อนเร้น ระหว่างพวกเขามีเพียงถนนสายเล็กๆ คั่นกลาง เธอยืนอยู่อีกฟาก สูดลมหายใจลึกหนึ่งครั้ง พยายามรวบรวมความกล้าที่เหมือนถูกลมหนาวพัดปลิวหายไปทุกครั้งที่คิดจะขยับเท้า ‘แค่ข้ามไป...’ เธอบอกตัวเองอย่างนั้น แต่เท้าของเธอกลับเหมือนหยั่งรากไว้กับพื้น ความลังเลและความรู้สึกผิดจากอดีตถาโถมเข้ามาราวกับคลื่น เธอเพียงยืนนิ่งอยู่ที่นั่น มองเขาอย่างเงียบงัน เขาเองก็มองมาที่เธอ ไม่พูดอะไรเช่นกัน ระยะทางที่มีเพียงถนนสายเล็กๆ คั่นกลาง กลับรู้สึกห่างไกลกว่าที่เธอจะข้ามไปถึงได้ในตอนนี้ ความคิดแทรกซ้อนในจิตใจของเธอราวกับเสียงกระซิบที่ไม่รู้จักหยุดหย่อน “ฉันเป็นคนที่ทำให้เขาถูกขับไล่ออกจากตระกูล... ยังจะกล้าไปขอร้องเขาอีกอย่างนั้นหรือ?” คำถามนั้นวนเวียนไม่จางหาย ภาพในอดีตผุดขึ้นมาชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ทั้งที่ดวงตาของเธอยังเปิดอยู่ ในความทรงจำ เธอยืนอยู่ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ คำพูดของตัวเองดังก้องในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “คนโกหก! ออกไปเดี๋ยวนี้!” เสียงนั้นเปี่ยมไปด้วยความโกรธเกรี้ยว มือเล็กๆของเธอกำชายกระโปรงแน่นด้วยความสั่นไหว คู่หมั้นที่เธอเคยเชื่อมั่นหันหลังเดินออกไปโดยไร้คำแก้ตัว สายตาสีเทาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด — ภาพสุดท้ายก่อนที่ประตูใหญ่จะปิดลงอย่างเด็ดขาด วันนั้น เธอยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าน้ำหนักของคำพูดตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของใครคนหนึ่งได้อย่างสิ้นเชิง เสียงประตูที่ปิดลงยังดังก้องในใจเธอมาจนถึงทุกวันนี้ ข่าวการถูกขับไล่ออกจากตระกูลของเขาแพร่สะพัดออกไปไม่นานหลังจากนั้น — ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปเพราะคำพูดของเธอเพียงคำเดียว เธอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความลังเลกัดกินจิตใจจนเธอก้าวเท้าไม่ออก สายตาสีเทาที่ครั้งหนึ่งเคยคุ้นเคยแต่บัดนี้เต็มไปด้วยความห่างเหิน สายตานั้นมันทำให้เธอหลบสายตาด้วยความอึดอัด ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที หญิงสาวกลับมาที่คฤหาสน์ด้วยความว้าวุ่น เธอพยายามเรียบเรียงความคิดและเตรียมตัวสำหรับการเผชิญหน้าอีกครั้ง จนกระทั่งเธอพาตัวเองกลับมาที่หน้าห้องพักของเขาในช่วงบ่ายแก่ๆ เธอเลือกนั่งลงบนระเบียงหน้าประตู รอคอยเขาด้วยความหวังที่ริบหรี่ เวลาผ่านไปจนกระทั่งฟ้ามืด ลมหนาวพัดผ่านเข้ามาในยามค่ำคืน แต่เธอยังคงนั่งอยู่ที่เดิม กระโปรงที่เปียกชื้นด้วยน้ำค้างยิ่งทำให้เธอหนาวสะท้าน “วันนี้เขาคงไม่กลับมา...” เธอพึมพำเบาๆเพื่อปลอบตัวเอง ก่อนที่เสียงฝีเท้าจากบันไดจะดึงความสนใจของเธอ เธอหันไปด้วยความหวัง — แต่คนที่ปรากฏตัวกลับไม่ใช่เขา หากเป็นหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลอมแดงของเธอถูกมัดรวบไว้อย่างเรียบร้อย ดวงตาสีทองสดใสซ่อนแววอ่อนโยน เธอสวมแว่นตากรอบหนาและชุดเครื่องแบบสีดำสนิทที่ตัดกับโค้ทยาวอย่างพอดี ท่าทางของเธอดูเป็นมิตร แต่แฝงด้วยความลึกลับที่ยากจะอธิบาย “ขอโทษนะคะ…” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” หญิงสาวจ้องมองเธอด้วยความสงสัย ก่อนตอบเสียงเรียบ “ฉันมาหาเจ้าของห้องนี้น่ะ” ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้าเล็กน้อยราวกับเข้าใจ “อ๋อ… พอดีฉันเองก็ตั้งใจมาหาเขาเหมือนกัน แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่….” “คุณคือใคร?” หญิงสาวถามพลางขมวดคิ้วแน่น “ฉันชื่อลีน่าค่ะ เป็นรุ่นน้องที่ฝึกงานกับเขา” เธอแนะนำตัว พร้อมกับยกถุงผ้าสีเข้มในมือให้ดู “ฉันแค่นำของที่เขาลืมไว้ที่ทำงานมาคืนค่ะ… เมื่อวานเขาถูกเรียกตัวกลับไปที่เมืองอย่างกะทันหัน เช้านี้คงรีบจนลืมของสำคัญไว้ ฉันเลยคิดว่าควรนำมาส่งให้ด้วยตัวเอง” “เรียกตัวกลับ?… เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หญิงสาวถามต่อด้วยความสงสัย ผู้หญิงตรงหน้าเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่เจือความกังวล “ฉันเองก็ไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมดค่ะ แต่ดูเหมือนว่าจะต้องรับผิดชอบงานบางอย่าง ได้ยินว่าพรุ่งนี้เป็นเส้นตายซ่ะด้วย…” คำพูดนั้นทำให้หญิงสาวใจสั่น “งานอะไร?” หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้ตอบ กลับเพียงยิ้มบางๆ ราวกับหลีกเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เธอมีท่าทางเป็นมิตรและสุภาพ แต่ดวงตาสีทองที่สบตาเธอแฝงแววลึกลับ ราวกับกำลังซ่อนบางสิ่งเอาไว้ ขณะที่บรรยากาศเงียบสงบยิ่งทำให้ความสงสัยของหญิงสาวลุกลามไปไกลกว่าเดิม "ถ้าเขาไม่อยู่ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ ฉันขอฝากของไว้ที่ตู้จดหมายละกัน" ผู้หญิงตรงหน้าเดินไปยังตู้จดหมายข้างประตูห้องของชายหนุ่ม วางถุงลงเบาๆ ก่อนหันมายิ้มให้เธออีกครั้ง พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ "แล้วถ้าคุณเจอเขาก่อน ฝากบอกเขาด้วยนะคะ ว่าถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ ฉันยินดีช่วยทุกอย่าง" "ถ้ายังไงต้องขอตัวก่อนนะคะ" หญิงสาวมองตามผู้หญิงคนนั้นที่เดินลับไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธอหันกลับมามองประตูห้องของชายหนุ่มอีกครั้ง ใจหนึ่งอยากเปิดดูถุงในตู้จดหมายเพื่อหาคำตอบ แต่อีกใจก็บอกให้รอถามเขาเอง 'คำสั่งงั้นเหรอ? นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?' เธอถอนหายใจ ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจว่าจะรอเขาอีกสักหน่อย แต่ไม่ว่าเธอจะรอเขานานแค่ไหน คืนนั้นเขาก็ไม่กลับมา...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD