พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน(ฉบับรีไรท์)

พันธะสัญญาของผู้กลืนกิน(ฉบับรีไรท์)

book_age16+
51
FOLLOW
1K
READ
drama
mythology
like
intro-logo
Blurb

เอรอส นักสืบจากกิลด์นักผจญภัย ได้รับมอบหมายให้สืบหาความจริงเบื้องหลังการหายตัวไปอย่างลึกลับของจอมเวทย์รุ่นเยาว์ ทายาทของขุนนางผู้มั่งคั่ง แต่การสืบสวนกลับนำเขาเข้าสู่เขตแดนลี้ลับที่ทำให้เขาหวนคืนสู่วัยเด็กและพบกับแม่มดผู้ลึกลับ ซึ่งรู้ถึงความลับอันน่าสะพรึงกลัวในตัวเขา—พลังที่สามารถกลืนกินและแปรเปลี่ยนเป็นร่างของผู้อื่น

เมื่อแม่มดเห็นว่าเขาสามารถถูกวิญญาณดวงอื่นครอบงำได้ เธอจึงวางแผนใช้ร่างของเขาในการฟื้นคืนชีพคนรักของเธอ—จอมเวทย์ในตำนาน “ไรอัส” โดยฝังหัวใจที่มีความทรงจำและจิตวิญญาณของไรอัสไว้ในตัวเขา แม้จะทำให้เอรอสมีชีวิตในฐานะตัวเองได้ แต่ทุกครั้งที่เขาใช้พลังนั้น เขาจะสูญเสียตัวตนไปทีละน้อยจนวันหนึ่งต้องเลือกระหว่างการใช้พลังเพื่อปกป้องคนที่เขารัก หรือรักษาส่วนที่เหลือของตัวตน

โชคชะตาไม่ปรานีเอรอส เมื่อเขาต้องใช้พลังนั้น กลืนกินทั้งวิญญาณและร่างกายของชายคนหนึ่ง—คู่หมั้นของเอเลน่า เพื่อนสมัยเด็กที่เป็นอดีตคู่หมั้นของเขา ชายผู้นั้นสิ้นลมหายใจอย่างโดดเดี่ยวในคุกใต้ดินจากการทรมานอย่างทารุณ พร้อมกับคำฝากฝังให้เขาปกป้องคู่หมั้นและครอบครัวของตัวเอง

แต่การใช้พลังนี้ยังทำให้ความทรงจำของวิญญาณอื่นเข้ามาผสมปนกับตัวตนของเขามากขึ้น เอรอสจึงต้องต่อสู้เพื่อรักษาตัวตน ขณะเดียวกันก็ตามหาผู้เป็นดั่งแสงสว่างในชีวิต—รุ่นพี่ที่หายตัวไปเมื่อสี่ปีก่อน

ic_default
chap-preview
Free preview
เดิมพันสามวัน
ภายในห้องทำงานแผนกสืบสวนของกิลด์นักผจญภัย ความเงียบอันแผ่ปกคลุมบรรยากาศทั่วทั้งห้อง แม้แสงอาทิตย์จะส่องลอดหน้าต่างบานใหญ่เข้ามา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้ห้องนี้รู้สึกอบอุ่นแม้แต่น้อย เงาไม้ สลับกับ แสงสลัวของห้อง สร้างความรู้สึกกดดันและขัดแย้งกับความสงบที่ควรมี เสียงฝีเท้าหนักๆดังขึ้นจากมุมห้อง ขุนนางร่างสูงใหญ่ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีดุดันราวกับจะทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า น้ำเสียงดุดันของเขาก้องกังวาน ดั่งพายุที่พร้อมจะถาโถมลงมา “นี่พวกแกทำอะไรกันอยู่!!” เสียงเขาดังลั่นเหมือนฟ้าผ่ากลางห้อง ดวงตาแดงก่ำจากความโกรธจับจ้องไปยังชายวัยกลางคนผู้จัดการแผนกสืบสวน ซึ่งยืนก้มหน้าอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของผู้จัดการแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากของเขาสั่นเล็กน้อย มือกำหมัดแน่นเพื่อระงับความหวาดกลัวที่ตีตื้นขึ้นมา “ขออภัยจริงๆ ครับท่าน เรากำลังพยายามเต็มที่ในการตามหาตัวลูกชายของท่าน เราจะเร่งหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยเร็วที่สุด…” เขาพูดเสียงแผ่ว แต่ยังคงพยายามรักษาท่าทีสุภาพ ในแววตาของเขามีแต่ความวิตกกังวล ขุนนางชายหันขวับมามองด้วยแววตาเย็นชา ร่างของเขาสูงใหญ่ และ ทรงอำนาจราวกับจะบดขยี้ชายเบื้องหน้าด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว “พยายาม? พวกแกเรียกว่าพยายามงั้นหรือ?” เขากระแทกเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “ลูกชายข้าหายตัวไปเป็นสิบวันแล้ว แต่พวกแกยังทำอะไรไม่ได้เลย พวกแกไร้ความสามารถขนาดนี้เลยงั้นเหรอ!!” บรรยากาศรอบตัวราวกับเย็นเฉียบไปทุกอณู ผู้จัดการพยายามสูดลมหายใจให้ใจเย็น เขากำลังพยายามคิดหาข้อแก้ตัวจากสถานการที่อยู่ตรงหน้า ด้านหลังของขุนนาง ร่างของสตรีผู้หนึ่งค่อยๆก้าวออกมา เธอคือภรรยาของขุนนาง ใบหน้าซีดขาวของเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเศร้าสร้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองสามี แววตาของเธอแฝงไปด้วยความกังวลที่ซ่อนเร้นแต่ยังพยายามกลั้นน้ำตาไว้ “ที่รัก…” เธอเรียกเบาๆ พลางเอื้อมมือแตะแขนสามีอย่างแผ่วเบา “ใจเย็นๆ เถอะค่ะ เราต้องเชื่อว่าลูกเรายังปลอดภัย และคนพวกนี้…พวกเขากำลังพยายามสุดความสามารถนะคะ” ขุนนางชายหันขวับไปมองภรรยาด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่เมื่อมองลึกเข้าไป จะเห็นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า แม้แต่ผู้มีอำนาจอย่างเขา ก็ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดที่บีบคั้นในใจ ขุนนางชายสูดลมหายใจลึก ข่มความเศร้าไว้ในใจ ก่อนจะเบือนหน้าหนีภรรยาด้วยความหงุดหงิดที่เก็บซ่อนไว้ เขากำหมัดแน่นและตะโกนเสียงดังที่เปี่ยมไปด้วยความกราดเกรี้ยวราวกับสัตว์ป่าที่กำลังบาดเจ็บ “จะให้ข้าใจเย็นยังไง!! ลูกเราเป็นถึงความหวังเดียวของตระกูล หากเขาเป็นอะไรไป...!” น้ำเสียงของเขาขาดหาย ดวงตาเริ่มสั่นไหวด้วยความเจ็บปวดจนเขาต้องเบนสายตาไปจากภรรยา เธอเอื้อมมือขึ้นมาแตะแขนเขาอีกครั้งอย่างอ่อนโยน แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความเศร้าโศกในหัวใจเขาได้ ผู้จัดการแผนกสืบสวนมองภาพตรงหน้าอย่างกดดัน เขายืนแข็งทื่อไม่กล้าขยับตัว แต่ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกกระสับกระส่าย ความเงียบที่อึดอัดดำเนินอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ขุนนางชายจะตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน “ข้าให้เวลาแค่สามวัน! แค่สามวัน ลูกชายข้าต้องกลับมา! ถ้าพวกแกทำไม่ได้…” เขาหยุดคำพูดไว้ตรงนั้น แต่ความหมายในน้ำเสียงนั้นชัดเจนพอที่ผู้จัดการจะเข้าใจ เขาก้มศีรษะลงต่ำด้วยความกลัว ก่อนจะตอบรับด้วยเสียงแผ่วเบาที่สั่นไหว “เข้าใจแล้วครับ…ท่านขุนนาง ผม…ผมจะทำทุกวิถีทาง…” ขุนนางชายมองเขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะหันไปหาภรรยาและพยักหน้าเป็นเชิงเรียกให้เธอออกไปจากห้องพร้อมกัน ภรรยาของเขาหันมามองผู้จัดการแผนกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร แต่เธอไม่สามารถกล่าวคำใดได้และเลือกที่จะเดินตามสามีออกไปอย่างเงียบ ๆ เสียงประตูกระแทกปิดดัง ปัง! เมื่อทั้งสองเดินออกไป ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องก็เหมือนหยุดนิ่ง ทุกคนในห้องพากันสะดุ้งด้วยความตกใจ และต่างยืนเงียบไม่กล้าสบตาผู้จัดการ ผู้จัดการแผนกสืบสวนยืนนิ่งสักครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อยๆสูดลมหายใจ และ ปล่อยออกมาเฮือกใหญ่ราวกับแบกรับภาระหนักอึ้งไว้ เขาหันไปมองลูกน้องในห้องอย่างเคร่งขรึม แต่แววตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและความกดดันที่ก่อตัวขึ้นเรื่อย ๆ “ไอ้พวกไร้ประโยชน์ทั้งหลาย!” เขาตะโกนออกมาเสียงดังก้องพลางทุบโต๊ะอย่างแรงจนเอกสารบนโต๊ะกระจัดกระจาย “พวกแกทำอะไรอยู่ถึงหาอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง! แค่ตามหาเด็กคนเดียว แค่นี้พวกแกก็ทำไม่ได้!?” ลูกน้องที่ยืนอยู่รอบๆ ก้มหน้างุดกันถ้วนหน้า ไม่มีใครกล้าเอ่ยคำใด ท่ามกลางความกดดันที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ใกล้ที่สุด ก็ค่อยๆก้าวออกมาข้างหน้า ใบหน้าของเขาซีดเผือดแต่พยายามเก็บอาการตื่นตระหนก “พ่อ…เอ่อ…ผู้จัดการครับ แล้ว…เราจะทำยังไงดี?” ผู้จัดการแผนกหันขวับไปมองลูกชายของตน แววตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและขุ่นเคืองที่ซ่อนไม่อยู่ “ทำยังไงดีงั้นเหรอ? งานนี้พวกเราซวยกันหมดแล้ว!” ผู้จัดการแผนกขบกรามแน่น ก่อนจะหันไปสบถเสียงต่ำกับลูกชายอย่างหงุดหงิด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลที่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆเขายืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งราวกับกำลังวางแผน ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง "พวกเราต้องหาทางจบเรื่องนี้ให้ได้...ไม่อย่างนั้นตระกูลของเราจะต้องล่มสลายแน่!" เขาพูดพลางหันไปมองลูกชายที่ยืนเครียดอยู่ข้างๆ ลูกชายของเขาได้ยินเช่นนั้น ก็พลันขบคิดบางอย่างขึ้นมาในหัว ใบหน้าของเขาคลายความกังวลลงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยม "พ่อ ผมว่ามีวิธีที่จะช่วยเรารอดแล้วล่ะ" ผู้จัดการแผนกหันมามองลูกชายด้วยความประหลาดใจ "ว่าไงนะ? แกคิดแผนอะไรได้งั้นเหรอ?" เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "ง่ายมากครับ...ก็แค่ปล่อยให้ไอ้หมอนั่นมาจัดการเรื่องนี้ต่อ แค่ดึงมันเข้ามาก็สิ้นเรื่อง!" เขาพูดพลางหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความสะใจ ผู้จัดการแผนกเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย "แกหมายถึงไอ้หนุ่มที่แกเคยกันไม่ให้รับงานน่ะเหรอ?" ลูกชายพยักหน้า ดวงตาเปล่งประกายวาววับ "ใช่ครับพ่อ! ตอนนั้นผมกันมันไว้เพราะไม่อยากให้มันเลื่อนตำแหน่งเร็วไป แต่นี่ล่ะคือโอกาสของเรา! ถ้าพรุ่งนี้เช้าผมยกคดีนี้ให้มันทำต่อ ก็ไม่มีทางที่มันจะปิดคดีได้ทันแน่นอน...รับรองว่ามันจะโดนขุนนางลงโทษ จนต้องออกจากงานแน่ๆ!" ผู้จัดการแผนกครุ่นคิดครู่หนึ่ง แววตาครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเต็มไปด้วยความโล่งใจ เขาค่อยๆยิ้มออกมา ก่อนจะหัวเราะเบาๆด้วยความสะใจในแผนการของลูกชาย "ไอ้ลูกรัก! ไม่เสียแรงจริงๆที่เป็นลูกข้า!" เขากล่าวพร้อมกับลูบหัวลูกชายด้วยความภูมิใจ เด็กหนุ่มยิ้มบางๆพลางขยับออกห่างเล็กน้อยอย่างรำคาญ แต่แววตายังคงเปล่งประกายราวกับได้คว้าชัยชนะ "เช่นนั้นผมจะไปจัดการให้เรียบร้อยทันทีครับพ่อ" เด็กหนุ่มหันหลังเดินออกไปจากห้องด้วยท่าทีมั่นใจ ทิ้งให้ผู้จัดการแผนกยืนมองตามด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ยและความโล่งใจ หลังจากที่ลูกชายของเขาหายไปจากสายตา ชายแก่ก็นั่งลงที่เก้าอี้ ถอนหายใจยาวพร้อมยกกาแฟขึ้นจิบ เขาหัวเราะแผ่วเบาในลำคอ ขณะที่แววตาแฝงความคาดหวังและความมั่นใจว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผน ไม่นานนัก หนึ่งในลูกน้องของเขาเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นท่าทางที่ผ่อนคลายของเจ้านาย เขาก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกังวล "ท่านครับ พวกเราจำเป็นต้องเร่งมือกว่านี้ หากสามวันนี้พวกเราไม่สามารถปิดคดีได้จริง ๆ..." ผู้จัดการแผนกยิ้มเย็นออกมาพร้อมกับโบกมือเป็นเชิงให้ลูกน้องเงียบลง "ไม่ต้องกังวล...พวกแกแค่เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก็พอ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมีคนมาช่วยงานเรา รับรองว่าถึงเวลานั้นข้าจะปิดเรื่องนี้ได้แบบไร้ร่องรอยแน่นอน" ลูกน้องคนนั้นพยักหน้าอย่างลังเลก่อนจะถอยออกจากห้อง ปล่อยให้ผู้จัดการแผนกอยู่ในห้องตามลำพัง ชายแก่เอนหลังพิงเก้าอี้ ปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยล้า แต่รอยยิ้มอันเต็มไปด้วยความพึงพอใจก็ยังคงประดับอยู่บนใบหน้า ในใจลึกๆ เขารู้ว่าหากแผนการนี้ผิดพลาด เขาและตระกูลอาจต้องเผชิญกับความหายนะที่เรียกว่าความล่มสลาย แต่เขาก็ยังหวังว่า ด้วยการดึงตัว "หมอนั่น" เข้ามารับภาระ ทุกอย่างจะลุล่วงไปด้วยดี ห้องทำงานเงียบสงัดอีกครั้ง เสียงลมพัดผ่านหน้าต่างห้อง แสงแดดยามบ่ายค่อยๆหม่นลง ในขณะที่เมืองทั้งเมืองกำลังเข้าสู่ยามเย็นที่เงียบงัน บรรยากาศอึมครึมปกคลุมไปทั่ว ปล่อยให้ผู้จัดการแผนกนั่งคิดคำนวณแผนที่อาจนำเขาสู่จุดจบ หรือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เก็บขยะจนรวย ด้วยระบบรักษ์โลก

read
1K
bc

สงครามรักในเงามืด

read
1K
bc

กันต์กับเกมออนไลน์

read
1K
bc

ข้าก็แค่ภูตน้อยจอมเกียจคร้านคนหนึ่ง

read
1.0K
bc

สร้างเนื้อสร้างตัวในยุคจีนโบราณ

read
16.6K
bc

เกิดใหม่มีสามีตาบอด

read
1.7K
bc

เสมือนหนึ่งใจเคยรัก

read
2.0K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook