แผนหลบหนีที่พังทลาย

1450 Words
ยามค่ำคืนที่เงียบสงัดปกคลุมเมืองไว้ด้วยความมืด เข็มนาฬิกาเดินเข้าสู่เวลาสามทุ่มครึ่ง บรรยากาศที่ควรคึกคักกลับดูอึดอัดและไม่ปกติ เอรอสเดินอยู่บนถนนสายเล็ก มุ่งหน้าไปยังหอพัก ดวงตาจับจ้องไปข้างหน้า แต่ในหัวของเขากำลังคำนวณแผนการหลบหนี ‘สถานการณ์แบบนี้ อยู่ต่อไม่ได้แน่... ทางที่ดีที่สุดคือหาที่กบดานเมืองอื่นสักครึ่งปี แล้วค่อยกลับมาใหม่’ เขาคิดในใจพลางประเมินตัวเลือกต่างๆ การสร้างตัวตนใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก หากใช้เครือข่ายเดิมที่มีหรือจ่ายเงินให้คนที่ไว้ใจได้ เขาสามารถแทรกซึมเข้าไปอยู่ในตระกูลสาขาสักตระกูล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ จากนั้นก็ค่อยส่งนักเรียนบางคนแทรกซึมเข้าไปในหอคอย เพื่อล้วงข้อมูลที่จำเป็น ‘ขอแค่หนีออกไปจากเมืองนี้ให้ได้ก่อน... แล้วทุกอย่างจะเรียบร้อย’ เอรอสเลือกเดินผ่านตรอกวอยเล็กๆ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดไปยังหอพัก ถนนแคบๆ มีเพียงแสงจากโคมไฟเก่าๆ สลัวๆ ให้เห็นทาง เขาชอบทางนี้เพราะมันเปลี่ยวและไม่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่คืนนี้มันกลับเงียบเกินไปอย่างผิดปกติ ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง เมื่อเขาเดินมาถึงลานกว้างข้างหน้า ความรู้สึกผิดปกติเริ่มกัดกินความสงบในใจ มันไม่มีผู้คนอยู่เลย เงียบจนไม่มีกระทั่งเสียงแมวหรือหนู เสียงลมที่ควรจะพัดผ่านก็เหมือนถูกตัดขาดออกจากโลก เขารู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่ปกคลุมจนขนลุก เขายืนนิ่งอยู่สักพักเพื่อประเมินสถานการณ์ ความเงียบที่ดูเหมือนจะกลืนกินทุกสิ่งทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ แสงจากโคมไฟดูเหมือนจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ เขาหยุดอยู่ตรงหน้าปากทาง ทางเข้าลานกว้าง จ้องมองไปยังพื้นที่ตรงหน้าด้วยท่าทีระวัง ‘ทำไมมันเงียบขนาดนี้?’ เขากวาดสายตามองไปรอบๆ และรู้สึกได้ถึงบางสิ่ง กลิ่นอายของมานาที่ผิดปกติ มันเจือปนด้วยความชั่วร้าย แต่กลับเสถียรอย่างแปลกประหลาด ซึ่งผิดธรรมชาติสำหรับแก่นมอนสเตอร์ที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานในเมืองนี้ ปกติแล้ว หากมีการรั่วไหลของมานา มันจะไม่เสถียรแบบนี้ เอรอสค่อยๆก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แต่ทันทีที่เขาก้าวเท้าแรกพ้นออกจากตรอก เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่กดดันอยู่ในอากาศ คลื่นพลังแปลกประหลาดนี้ทำให้เขาต้องหยุดชะงัก ‘วงเวทย์นี้มัน?…... ทำไมพึ่งจะมารู้สึกตัว’ เขาขมวดคิ้วแน่น ระยะแค่นี้ กลับพึ่งมารู้สึกถึงมัน ความสามารถในการสัมผัสมานาของเขาลดลงอย่างมากโดยไม่รู้ตัว นั่นหมายความสถานการณ์ของเขาในตอนนี้กำลังอยู่ในอันตราย เขากำลังโดนจับตามองตั้งแต่ออกมาพท้นที่ของแม่มดแล้ว เอรอสขยับมือไปที่เสื้อคลุม หยิบปืนพกเล็กที่ซ่อนอยู่ข้างตัวออกมา เขาเล็งไปยังจุดที่มานาไหลเวียนผิดปกติ เส้นสายพลังงานจางๆ ลอยอยู่ในอากาศเป็นเงามัวในสายตาของเขา พลางเหนี่ยวไกยิง เสียงปืนดังสนั่น ลูกกระสุนพลังเวทย์พุ่งตรงเข้าไปทำลายกับดักในพริบตา วงเวทที่ลอยอยู่ในอากาศแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับเสียงที่เหมือนบางสิ่งถูกทำลาย ทันทีที่วงเวทถูกทำลาย อากาศรอบตัวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอรอสรีบเก็บปืน และ เริ่มออกวิ่งหนีเข้าไปในตรอกลึก พยายามหลบเลี่ยงพื้นที่เปิดโล่งและหาทางไปยังแกนกลางของเขตแดนจากความรู้ที่มี หากสามารถทำลายแกนกลางได้ เขตแดนจะสลายตัว และจะมีโอกาสหนีออกไปจากพื้นที่นี้ “ต้องรีบหามันให้เจอ ก่อนที่จะโดนต้อนให้จนมุม” เขาคิดอย่างรอบคอบ ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมากันเท่าไหร่ และในกลุ่มนั้นมีจอมเวทย์ระดับสูงกี่คน การเปลี่ยนตัวตนเป็นจอมเชือดในตอนนี้จะเป็นการเปิดเผยตัวเกินไป หากโดนจับได้ เขาจะไม่เหลือไพ่ตายไว้หลบหนี ฉะนั้นต้องห้ามเปลี่ยนร่างเด็ดขาด เสียงก้าวเท้าของเอรอสดังก้องไปตามตรอกที่มืดมิด เขาพยายามหาทางออกจากเขตแดนนี้ แต่เส้นทางกลับดูเหมือนบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ เมื่อเขามองไปรอบๆ ทุกสิ่งดูเหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง ไม่มีสิ่งใดที่คงอยู่ได้ตามปกติ ความมืดดูเหมือนจะกลืนกินแสงไฟจากโคมไฟทีละน้อย ราวกับว่ามันถูกควบคุมจากใครบางคน ‘ดูเหมือนต้นกำเนิดพลังเวทย์จะอยู่ข้างหน้า’ เอรอสคิดพลางหยุดฝีเท้าเพื่องสังเกตุการณ์ สายตาและสัมผัสของเขาตรวจจับได้ถึงพลังที่รุนแรงผิดปกติซึ่งแผ่ออกมาจากพื้นที่ข้างหน้า 'นั่นต้องเป็นจุดที่ผู้คุมเขตแดนอยู่แน่ๆ' ทันใดนั้น เสียงคำรามดังขึ้น สัตว์ประหลาดหลายตัวเริ่มปรากฏตัวจากเงามืด พวกมันมีรูปร่างบิดเบี้ยว ร่างกายเต็มไปด้วยหนวดที่เหมือนเถาวัลย์เคลื่อนไหวไปมา เอรอสรีบหยิบปืนขึ้นมาและยิงกระสุนใส่หนวดของพวกมัน กระสุนนัดแรกพุ่งทะลวงหนวดจนขาดกระจายเปิดทางให้เขาวิ่งผ่าน แต่สัตว์ประหลาดไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น มันพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง หนวดอีกเส้นเหวี่ยงเข้ามาจากด้านข้าง เขากลิ้งตัวหลบก่อนจะยิงกระสุนอีกนัดไปยังจุดอ่อนของมัน สัตว์ประหลาดร้องคำราม แต่ก็ยังพุ่งเข้ามา เขาใช้ช่วงเวลานั้นวิ่งฝ่าฝูงสัตว์ประหลาดและมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่มีพลังเวทย์เข้มข้นที่สุด ในที่สุดเขาก็มาถึงลานกว้างที่มีแสงสลัวอยู่เบื้องหน้า ตรงกลางลาน หญิงสาวผมสีแดงเข้มกำลังลอยตัวเล็กน้อยเหนือพื้น เธอหลับตาแน่น และใช้มือทั้งสองข้างกำคทาด้ามยาวไว้แน่น ราวกับตั้งสมาธิ อักษรรูนจำนวนมากลอยอยู่บริเวณโดยรอบ ในขณะที่กลุ่มผู้คุมเวทย์อีกจำนวนหนึ่งยืนล้อมรอบเธอและร่ายเวทย์ป้องกัน เอรอสตัดสินใจหยิบแก่มานาสีแดงออกมาและใส่เข้าไปในปืน เขายิงออกไปนัดแรก พลังทำลายจากกระสุนนั้นรุนแรงพอที่จะทะลวงโล่ป้องกันจนแตกออก เสียงระเบิดดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ ทันทีที่โล่ถูกทำลาย เขารีบเปลี่ยนกระสุน และเล็งปืนไปที่หัวของหญิงสาวผมแดงหมายจะจบทุกอย่างในนัดเดียว แต่เมื่อเขาโฟกัสสายตาให้ชัด กลับพบว่าเธอคือ เฟลิเซีย ดราโกร์น อดีตลูกศิษย์ที่เขาเคยสอนเรื่องอักษรรูนเมื่อหลายปีก่อน ภาพในอดีตแวบเข้ามาในหัว เขาจำได้ถึงวันที่เขาพบเธอครั้งแรก—เด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่กับแม่ข้างถนน เขาเคยช่วยเหลือและสอนเธอในร่างของเรย์นาร์ค ก่อนที่เธอจะถูกพาตัวกลับไปยังตระกูลของเธอเพราะสิ่งที่เขาสอนให้ ความลังเลแวบเข้ามาในใจของเขา เอรอสลดเป้าหมายลง และเล็งยิงไปที่หัวคทาแทน กระสุนนัดนั้นพุ่งตรงและทำลายแก่นมอนเตอร์ตรงหัวคฑาทันที พลังเวทย์ที่เคยคละคลุ้งเริ่มสั่นไหว ก่อนจะแตกสลายลงอย่างช้าๆ แต่ในขณะเดียวกัน โดยที่มไ่ทันตั้งตัว เขาก็ถูกพลังเวทย์ขนาดใหญ่โจมตีลงมาจากด้านบนเหนือศีรษะ แรงระเบิดนั้นไม่เปิดโอกาสให้เขาหลบหลีกได้ทัน เขาจำต้องดึงพลังเวทย์ที่อยู่ในหัวใจออกมาเพื่อสร้างเกราะป้องกัน ก่อนที่การโจมตีจะกลบเขาหายไปในกลุ่มควัน เมื่อควันจางลง ร่างของเอรอสยังคงอยู่ในที่เดิม แต่เขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถุงที่บรรจุแก่นมานาล่วงหล่นกระจัดกระตายตรงหน้า ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลจากแรงระเบิดจนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ในขณะที่สติของเขาเริ่มเลือนราง เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองเห็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมปรากฏตัวลงมาจากฟากฟ้า เขาจำได้ทันทีว่านั่นคือจอมเวทย์ผู้อาวุโสจากหอคอย ระดับ 6 วงแหวน สายตาอีกคู่หนึ่งดึงความสนใจของเขา หญิงสาวผมสีแดง เฟลิเซียมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้ทำอะไร สติของเขาก็ดับวูบลงพร้อมกับความมืดมิดที่กลืนกินทุกสิ่ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD