ภาพหลอนที่ไม่จางหาย

1281 Words
เด็กชายเดินโซเซผ่านช่องแคบในกำแพงหินออกมา หลังจากการต่อสู้ในความมืด เขาพบกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆ ทาบลงบนใบหน้า ความอุ่นและความสว่างของแสงทำให้เขาต้องหยีตา แต่ไม่นาน เขาก็เริ่มมองเห็นภาพรอบตัวอย่างชัดเจน ตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งชาย และ หญิงหลากหลายวัย ท่าทางของพวกเขาเคร่งเครียด สายตาจับจ้องไปยังกลุ่มนักผจญภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่ยืนปรึกษากันด้วยสีหน้าวิตกกังวล ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเขา ซึ่งดูเล็ก และ ไร้เสียงท่ามกลางความโกลาหลนี้ ขณะที่เด็กชายพยายามก้าวไปข้างหน้า ร่างกายที่อ่อนล้าก็ค่อยๆสูญเสียพละกำลัง ความเหนื่อยล้ากดทับเขาราวกับไม่อาจพยุงตัวได้อีกต่อไป ในที่สุด ขาของเขาอ่อนแรงจนต้องทรุดลงกับพื้น เสียงเบาๆของเขาที่กระแทกพื้นเรียกความสนใจจากฝูงชน บรรยากาศเคร่งเครียดหยุดลงชั่วขณะ ผู้คนเริ่มหันมามองที่เขา ทันใดนั้น เด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในกลุ่มประชาชนร้องออกมาด้วยความตกใจ "นั่นเขาใช่ไหม!?" เธอพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้าน ก่อนจะรีบแหวกฝูงชนเข้ามาหาเด็กชาย เด็กหญิงในชุดเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา วิ่งเข้ามาใกล้เขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเป็นห่วง ดวงตาสีเขียวมรกตของเธอส่องประกาย เธอเอ่ยเรียกเขาด้วยเสียงสั่นเครือ และ คุกเข่าน้อยๆลงข้างเขาอย่างอ่อนโยน “นายเป็นอะไรรึเปล่า? บาดเจ็บตรงไหนไหม?” เด็กชายพยายามยิ้มอ่อนตอบรับ รู้สึกดีใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสมัยเด็กยืนอยู่ตรงหน้า เธอดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าเข้าไปอยู่ในนั้นได้อย่างไร แต่การได้ออกมา และ พบเธอเช่นนี้ ก็เหมือนกับการได้กลับสู่ที่ที่เขาคุ้นเคย แต่อีกมุมหนึ่งของหัวใจ กลับรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่าควรจะมีเด็กสาวอีกคนอยู่ข้างๆเธอ เด็กสาวผมสีขาวที่มีความผูกพันกับเขา แม้ว่าความทรงจำจะไม่ชัดเจน แต่เขากลับมั่นใจว่ามีใครอีกคนแน่นอน เขาอ้าปากจะถามถึงเธอ แต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคออย่างไม่อาจเปล่งออกมา ชื่อที่พยายามนึกก็ล่องลอยเหมือนหมอกควันที่จับต้องไม่ได้ สุดท้ายเขาจึงเอ่ยถามเด็กหญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างอ้อมๆว่า “เธอมาคนเดียวงั้นหรอ? แล้วเพื่อนอีกคนหายไปไหนหล่ะ?”เขามองใบหน้าของเธอด้วยความสงสัย ในขณะที่เพื่อนสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงที่แฝงความกังวล “นายเป็นอะไรรึเปล่า?” เธอตอบอย่างลังเลใจ “พวกเราหน่ะ มีกันแค่สองคนน่ะ นายกำลังพูดถึงใครงั้นหรอ?” คำตอบของเธอทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผล ความทรงจำของเด็กสาวปริศนายังคงลอยอยู่ในจิตใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะเลือนรางและภาพค่อยๆตัดลง ปล่อยให้เขาจมลงสู่ความมืดมิดที่อบอุ่นและสงบ เอรอสค่อยๆ ลืมตาตื่นจากความง่วง เขาพบว่าตัวเองยังคงนอนอยู่บนเตียงในห้อง แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาเป็นลำแสงอ่อนๆทาบลงบนเตียงและพื้นห้อง ทำให้บรรยากาศในห้องสว่างและอบอุ่น เสียงนกร้องเบาๆลอยมาจากต้นไม้ด้านนอกหน้าต่าง เติมเต็มบรรยากาศที่ดูเงียบสงบ เขารู้สึกถึงความสบาย และความผ่อนคลายเล็กๆจากความอบอุ่นของแสงแดด แต่เมื่อลองขยับตัว เขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเองยังสวมชุดเดินทางตั้งแต่เมื่อวาน พร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่ยังวางอยู่ข้างๆ เหมือนเขากลับมาแล้วหมดแรงจนหลับไปทันทีโดยไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าหรือเก็บของ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง กวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องที่ดูไม่เป็นระเบียบ โต๊ะทำงานของเขามีกองเอกสารกองโตวางเกลื่อนอยู่ บางส่วนมีแผนที่ที่ถูกขีดเขียนด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ แผ่นหนึ่งถูกขีดเน้นด้วยหมึกสีแดง บ่งบอกถึงสถานที่สำคัญที่เขาน่าจะกำลังศึกษาอยู่ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเล็กๆ น้อยๆ ที่นักผจญภัยมักพกติดตัว อย่างเข็มทิศเก่าๆ และแว่นขยายที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนวางกระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ ผนังห้องเต็มไปด้วยสิ่งที่ดูเหมือนเป็นบันทึกภารกิจ ภาพถ่ายของสถานที่ต่างๆ ที่ถูกแปะติดไว้เพื่อเตรียมวางแผน ภาพวาดโบราณสถานที่ชวนให้สงสัยว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ข้างใน และรูปภาพหนึ่งบนผนังดึงดูดสายตาเขามากกว่าภาพอื่นๆ เป็นภาพของเขาเมื่อหลายปีก่อน ที่ยืนข้างๆหญิงสาวคนหนึ่งที่ผมสีฟ้าสดใส เธอสวมเสื้อสีอ่อน และ มีรอยยิ้มอบอุ่นส่งให้กล้อง ความทรงจำดีๆค่อยๆหวนกลับมา เมื่อเขามองเห็นรอยยิ้มของเธอ มันเป็นภาพที่ทำให้เขานึกถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรู้สึก เสียงนกร้องนอกหน้าต่างช่วยดึงความสนใจจากภาพตรงหน้า ทำให้บรรยากาศในห้องผ่อนคลาย และ มีชีวิตชีวามากขึ้น เขามองไปรอบๆ และอดรู้สึกดีไม่ได้กับความวุ่นวายเล็กๆ ที่ห้องของเขาเขา พลางบิดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายความเมื่อยจากการนอนนาน ก่อนจะคิดถึงงานที่ยังค้างอยู่บนโต๊ะเหล่านั้น เขาลุกขึ้นจากเตียง และ สัมผัสได้ถึงความแข็งของลูกบอลสีทองที่หล่นจากกระเป๋าของเขา มันกลิ้งไปหยุดอยู่บนพื้น แสงระยิบระยับเป็นรหัสมอสยังคงส่องเป็นประกายอ่อนๆ ทำให้เขานึกถึงคำสั่งเรียกตัวฉุกเฉินที่ได้รับเมื่อคืน เขาเดินไปหยิบลูกบอลนั้นขึ้นมา มองแสงที่กระพริบอย่างนิ่งเฉยก่อนวางมันลงบนโต๊ะอย่างเบามือ ความกดดันจากการรีบกลับมาทำภารกิจยังไม่ทันจางหาย เขารู้สึกถึงความเมื่อยล้าสะสมในร่างกาย แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเดินหน้าในเช้าวันนี้ เขาค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าไปอาบน้ำ ความรู้สึกน้ำที่เย็นกระทบร่างกายช่วยล้างความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดในใจ ขณะที่เขากำลังปล่อยน้ำเย็นให้ไหลผ่านศีรษะ ชั่วแวบหนึ่ง ภาพของเด็กสาวผมสีขาวปรากฏขึ้นในจิตใจอีกครั้ง ใบหน้าของเธอดูเลือนรางแต่กลับเต็มไปด้วยความคุ้นเคย มันทำให้เขารู้สึกปวดหัวจนต้องหยุดขยับตัวไปชั่วครู่ "อีกแล้วงั้นหรอ..." เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ คล้ายเป็นการเตือนใจ หลังจากที่หนีรอดออกมาจากสถานที่นั้นได้ เขาได้รับการวินิจฉัยว่าความทรงจำบางส่วนหายไป และมีความเป็นไปได้ว่ามานาจากสถานที่แห่งนั้น จะส่งผลต่อจิตใจของเขา ทำให้เกิดความทรงจำที่ไม่สมบูรณ์ และ ภาพหลอนแทรกซ้อน เขาสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนใช้มือรองน้ำเย็นมาสาดลงที่ใบหน้าเพื่อปลุกตัวเอง ความเย็นช่วยดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน พร้อมๆกับพยายามปรับลมหายใจให้สงบนิ่ง เขาหยุดคิดถึงภาพที่ปรากฏในหัว การจมอยู่กับความคิดที่บิดเบี้ยวนี้จะยิ่งทำให้เขาสับสนมากขึ้น เขาหันหลังให้กระจกและพยายามสะบัดความคิดออกไปอย่างไม่ลังเล ไม่อยากให้ความทรงจำปลอมๆพวกนั้น มีอิทธิพลต่อเขาอีกต่อไป ขณะที่ตั้งใจจะจัดการธุระสำคัญในปัจจุปัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD