ตอนที่3 ผู้ร้ายจอมโหด
“แกนี่มันไม่เอาไหนจริงๆ เลยเจ้าคิริว”
สองนักสืบต่างวัยเข้ามานั่งในรถยนต์ที่จอดอยู่ไม่ห่างจากทางเข้าสถานเริงรมย์มากนัก คินตะควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบดับความหงุดหงิดรำคาญใจ พวกเขาต้องเสียเวลาไปกว่าห้าถึงหกชั่วโมงในการซุ้มรอคนร้าย ทว่าดูเหมือนทั้งหมดที่ทำลงไปจะเป็นการคว้าน้ำเหลว
“ผมได้ข่าวมาจากสายของเราคนหนึ่งเป็นความจริงนะครับหัวหน้า”
คิริวพูดแก้ต่างให้ตัวเอง พลางเอี้ยวตัวยกมือป้องศีรษะหลบฝ่ามือของคู่สนทนาที่กำลังฉุนเฉียว
“ทำงานแบบนี้ไงแกถึงไม่ได้เลื่อนขั้นกับคนอื่นเขาสักที ก่อนสารวัตรจะให้ฉันย้ายมาทำงานกับแกฉันได้ข่าวว่าแกเปลี่ยนคู่หูมาแล้วตั้งสามคน ฉันเดาได้เลยว่าพวกนั้นคงเบื่อความไม่เอาไหนของแกแน่ๆ เจ้าคิริว”
นักสืบคินตะสูบควันเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะพ่นมันออกไปทางหน้าต่างรถที่แง้มกระจกเอาไว้ เขาถูกส่งตัวมาทำงานนี้รวมเวลาได้สามเดือนเศษแล้ว หลังจากมีหนังสือขอตัวเขามาช่วยงานนี้ และได้จับคู่กับเจ้าคิริวจอมเบื้อ
“พวกหัวหน้าคนก่อนคุณคินตะจะมา เขาไม่ได้เบื่อผมหรอกนะครับ” คิริวก้มหน้า ระบายลมหายใจออกยาวพรืด คล้ายกับมีเรื่องราวมากมายอยู่ในใจ
“คือ… พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตระหว่างปฏิบัติหน้าที่ต่างหากละครับ” เสียงของนักสืบหนุ่มแฝงไว้ด้วยความรู้สึกอันโศกเศร้า
“ห๊ะ คนที่เคยร่วมงานกับแกตายหมดทุกคนเลยงั้นเหรอ”
นักสืบคินตะอ้างปากค้าง มองหน้าคิริวที่พยักหน้าให้เขา ก่อนหันหน้าหนีเด็กหนุ่มไปอีกทางพร้อมกับโคลงศีรษะไปมา
“ทำไมสารวัตรไม่บอกก่อนหน้านี้วะ ว่าเจ้าหมอนี่มันทำคู่หูตายมาแล้วตั้งสามคน ตัวซวยชัดๆ” คินตะพึมพำ
“กรี๊ดดด!! ใครก็ได้ช่วยด้วย”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากสถานบันเทิงที่สองนักสืบเพิ่งจะออกมา… เป็นจังหวะเดียวกับนักสืบคินตะมองกวาดสายตาไปยังหน้าประตูของสถานบริการที่แง้มออก ชายคนหนึ่งเดินออกมาท่าทีมีพิรุธ ชายผู้ต้องสงสัยแต่งกายมิดชิดสวมเสื้อแจ็คเก็ตสีดำมีฮู้ดปิดบังอำพราง สัญชาติญาณของนักสืบที่อยู่ในสายเลือดบอกให้ชายวัยกลางคนทราบโดยทันทีว่า เขาเจอเป้าหมายที่รอมานานแล้ว
“เจ้าคิริว” คินตะร้องบอกคู่หูต่างวัยให้ทราบถึงความผิดปกติ
ประตูรถยนต์ทั้งสองด้านเปิดออกในเวลาไล่เลี่ยกัน สองนักสืบต่างวัยวิ่งตามชายผู้ต้องสงสัยไปติดๆ คนร้ายเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจับตา มันเร่งฝีเท้าเดินหายเข้าไปในตรอกมืดแห่งหนึ่ง ทั้งสองด้านเป็นกำแพงสูง ตรอกแคบและมืดสลัวมีเพียงแสงไฟทางจากถนนสายหลักส่องเข้ามาเท่านั้น ทำให้มองเห็นสิ่งใดไม่ชัดเจนนัก ด้านหน้าของชายต้องสงสัยมีตะแกรงเหล็กสูงทั่วหัวขวางหน้าเอาไว้ทำให้คนร้ายไม่สามารถจะไปต่อได้ มันยืนนิ่งหันหลังให้คินตะและคิริวที่วิ่งตามมาถึงตัวมัน
“หยุดแล้วยกมือขึ้นช้าๆ เจ้าโง่”
นักสืบคินตะร้องสั่ง เขาวาดแขนไปด้านหน้าในมือกระชับอาวุธปืนพร้อมลั่นไกหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คนร้ายหัวเราะหึหึ มันยกมือขึ้นทั้งสองข้างและทำตามอย่างว่าง่าย
“เปิดหน้าของคุณออกให้พวกเราดูเดี๋ยวนี้”
คิริวชี้นิ้วสั่ง มืออีกข้างกุมอยู่บริเวณซองปืนประจำกาย
“แล้วถ้าฉันไม่เปิดล่ะจะมีอะไรมั้ยคุณนักสืบ” ชายต้องสงสัยลดมือทั้งสองข้างลง เอียงคอมองสองนักสืบท่าทางยียวน
“อย่ามาทำตุกติก เปิดหน้าแกออกมาแล้วก็ยกมือขึ้นซะ ไม่งั้นหัวแกกระจุยแน่”
นักสืบคินตะเสียงกร้าวแววตาจริงจัง
“หัวหน้าครับ…”
คิริวร้องเตือนสติ เมื่อจับอารมณ์ที่เดือดดานของคู่หูได้ เขตที่พวกเขาอยู่เป็นพื้นที่สีเทา หลายปีก่อนทางการได้ร่างข้อสัญญาตกลงกับพวกยากูซ่าในท้องที่เอาไว้ ให้พื้นที่บริเวณนี้เป็นเขตพิเศษปลอดกฎหมาย ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเข้ามาก้าวก่าย แถมยังให้สิทธิ์เต็มที่แก่พวกยากูซ่าในการจัดการกับผู้บุรุกด้วยความรุนแรงขั้นสูงสุด เผื่อแลกเปลี่ยนกับเงินภาษีก้อนโตที่ทางการจะได้รับ
“หัวกระจุยงั้นเหรอ ฮา ฮา ฮา เอาสิ! ยิงเลยคุณนักสืบ พอเสียงปืนดังขึ้นพวกยากูซ่าในแถบนี้ทั้งหมดก็จะแห่กันออกมา”
“ไอ้บัดซบเอ้ย แกคิดว่าฉันไม่กล้าเหนี่ยวไกใช่มั้ย ห๊ะ” นักสืบคินตะเดินปรี่เข้าไปใกล้คนร้าย อาวุธปืนในมือจ่อไปที่ศีรษะพร้อมปลิดชีพมันได้ทุกเมื่อ
“ระวังตัวนะครับหัวหน้า”
นักสืบคินตะจ่อปืนไปยังใบหน้าซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้ฮู้ดสีดำ ชายผู้ต้องสงสัยแสยะยิ้ม รอยยิ้มของมันประหลาดและน่าสยดสยองปนกัน มันเอื้อมมือมาจับมือข้างที่ถือปืนของนักสืบคินตะพร้อมสอดนิ้วเข้ามาเหนี่ยวไกทันที
เปรี๊ยง! อาวุธร้ายแผดเสียงดังก้อง ควันจางๆ บริเวณปากกระบอกปืนค่อยๆ หายไป ท่ามกลางความตกตะลึงของนักสืบทั้งสอง
ชายผู้ต้องสงสัยแบมือออก มือข้างที่มันยกขึ้นบังใบหน้าจากระสุนปืนในระยะกระชั้นชิด ลูกตะกั่วยับยู่ยี้อยู่ในฝ่ามือของมันโดยทีผิวหนังของมันไม่ระคายแต่อย่างใด
“ฉันไม่ใช่คนที่พวกแกตามหา และถ้ารักชีวิตตัวเอง เจอฉันที่ไหนจงรีบไสหัวไปซะให้พ้น”
ชายปริศนาหันหลังกลับ มันกระชากประตูเหล็กหลุดติดมือออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะเดินหายเข้าไปในความมืด คิริวที่กำลังอยู่ในความตระหนกพ่นลมออกจากปาก นักสืบคินตะยังยืนตัวแข็งอยู่กับที่ไม่ไหวติง
กระทั่งนักสืบหนุ่มเดินเข้ามาใกล้
“หัว… หน้า หัวหน้า!”
คิริวตะโกนเรียกคินตะ แข็งขาของเด็กหนุ่มอ่อนแรงไร้กำลังจะทรงตัวอยู่ได้อีกต่อไป เขาทรุดลงคุกเข่ากับพื้นถนน เมื่อเห็นสภาพของคู่หูเต็มตา มีดปลายแหลมเล่มหนึ่งปักอยู่ในตำแหน่งตรงหัวใจของนักสืบคินตะ ลำคอของนักสืบผู้โชคร้ายแดงฉานไปด้วยหยาดเลือดที่ไหลทะลักออกมา
“ไม่ว่าแกจะเป็นใครก็ตาม ฉันจะตามล่าตัวแกมาลงโทษให้ได้”
นักสืบหนุ่มตะโกนเข้าไปในความมืด