คำตอบของจอมมารทำให้ปีศาจงูถึงกลับหันมามองจอมมารอย่างแปลกใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรก่อนที่จอมมารจะหลับใหลไปนานถึงห้าร้อยปีนั้น ไม่ว่านางจะเอ่ยขอสิ่งใดเขาก็ให้ทุกอย่าง แต่นี่เป็นเพียงเซียนบุปผาอ่อนแอตนเดียวเหตุใดเขาถึงปฏิเสธนาง...
“ปล่อยนาง” เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งพร้อมทั้งยกจอกสุราขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดจอก เมื่อเขามองไปยังปีศาจงูที่ยังคงบีบรัดเซียนบุปผาน้อยจนใบหน้าเริ่มซีดอีกครั้งปีศาจงูก็รีบปล่อยเซียนบุปผาทันที เหตุเป็นเพราะนางทราบว่าจอมมารไม่ชอบให้ผู้ใดขัดคำสั่ง
เซียนบุปผาที่เป็นอิสระอีกครั้งหอบหายใจพลางไอสำลักอากาศ ขณะที่ปีศาจงูเลื้อยกลับไปเอาอกเอาใจจอมมารอยู่เคียงข้างกายเขาอีกครั้งหนึ่ง นางยังนึกเสียดายไม่น้อย หากนางได้พลังชีวิตของเซียนบุปผาตนนี้คงช่วยเสริมความงามของนางได้หลายปี
ปีศาจงูรินสุราเพิ่มให้จอมมาร ก่อนจะแนบกายไปกับแผ่นหลังกว้างใหญ่ของจอมมารอีกครั้งหนึ่งโดยที่จอมมารไม่ได้กล่าวว่าอันใดนาง
สายตาแดงก่ำของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่เซียนบุปผา โดยไม่ทราบเลยว่าร่างผอมบางอ่อนแอนั่นมีสิ่งใดที่ดึงดูดใจเขาได้กันแน่ ก่อนที่เขาจะนึกถึงกลิ่นหอมจากเรือนร่างของนางที่เขาได้ลิ้มรส...
จอมมารเลียริมฝีปากที่แห้งพร่า ก่อนจะเอ่ยคำสั่ง
“มาหาข้า”
เซียนบุปผาเงยหน้าขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ นางค่อยๆ ยันกายตนเองลุกขึ้นเดินไปหาเขาช้าๆ ตามคำสั่ง ความกดดันของสายตาที่ราวกับกระหายบางสิ่งนั้นทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้าน เมื่อเซียนบุปผามาถึงหน้าบ่อน้ำนางก็ชั่งใจว่าจะเดินอ้อมบ่อน้ำหรือจะลงไปยังบ่อน้ำที่จอมมารแช่อยู่ดี...
“ลงมา!” เขาเอ่ยคำสั่งอีกครั้ง เสียงตวาดนั่นทำให้นางสะดุ้ง
นางค่อยๆ ก้าวเท้าลง บ่อน้ำนี้มีความสูงเกือบจะถึงเอวของนาง แต่ทว่าจอมมารกลับนั่งแช่ได้สบายๆ เมื่อนางเดินไปถึงในระยะที่จอมมารสามารถจับนางได้ นางก็ถูกเขาดึงข้อมือให้เข้าไปหา
ใบหน้านางกระแทกเข้ากับแผ่นอกกว้างเปลือยเปล่าของเขาอย่างแรง ยังไม่ทันที่นางจะตั้งตัว นางก็ถูกมือใหญ่จับใบหน้าของนางขึ้น เขาบีบปากของนางให้อ้าออกก่อนจะเทสุราลงไป
เซียนบุปผาเกือบจะสำลัก รสสุราหวานขมไหลลงคอของนางจนเกือบจะหมดไห เมื่อนางไม่ยอมดื่มเขาจึงเทสุรานั่นรดบนศีรษะของนางให้ไหลลงกาย... น้ำสีใสที่มีกลิ่นหอมสุราปะปนกับกลิ่นหอมจากกายของนาง ลิ้นสากเลียแก้มนวลของนางที่มีน้ำใสไหลอยู่ กลิ่นสุรานี้หอมยิ่งกว่าเดิมมากนัก หอมจนเขาอาจจะทนไหวต้องแย่สุรามาจากริมฝีปากของนางอย่างกระหาย
ริมฝีปากหนาบดขยี้ริมฝีปากบางจนเลือดไหลซึม สติของเซียนบุปผาเหมือนจะเริ่มไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ฤทธิ์สุราที่เขาบังคับนางให้ฝืนกินเข้าไปนั้นทำให้ร่างกายของนางร้อนรุ่ม ทั้งยังไม่มีแรงที่จะผลักเขาออก...
นางปล่อยให้เขาดื่มสุราจากกายของนางอย่างไม่อาจจะขัดขืนได้ ลิ้นร้อนตวัดบนลำคอของนาง ลากยาวมาถึงทรวงอกอวบอิ่ม...
ชุดสีแดงที่นางสวมใส่อยู่นั้นแนบเนื้อ อวดเรือนร่างงดงามแก่สายตาของเขา ลมหายใจของจอมมารเริ่มหอบถี่เพราะความกระหาย ร่างกายและกลิ่นกายของเซียนบุปผาตนนี้กระตุ้นอารมณ์ของเขาได้ดีนัก
“ท่านจอมมารเจ้าขา~” น้ำเสียงที่หวานดัดยั่วยวนเอ่ยขึ้นให้เขาหันกลับมามองนาง... ปีศาจงูกำลังยกไหสุราเทใส่กายของตนเองอย่างยั่วยวน สายตาหวานเยิ้มของนางจ้องมองไปที่จอมมาร “ท่านดื่มสุราจากกายข้าดีกว่านะเจ้าคะ เซียนบุปผาตนนี้ไม่มีค่าให้ท่านไปเตะต้องหลอกเจ้าคะ”
“อย่ามาสอด!”
สิ้นคำตวาดของจอมมาร พลังสายหนึ่งที่ถูกส่งออกมาจากฝ่ามือใหญ่กระแทกเข้าใส่ร่างของปีศาจงูโดยตรง ร่างของนางลอยไปกระแทกกำแพงก่อนจะกระอักเลือดออกมาคำใหญ่...นางมองจอมมารอย่างไม่เข้าใจ เพราะเหตุอันใดจอมมารถึงกับทำร้ายนางเช่นนี้ เซียนไร้ค่านั่นมีดีอันใดกัน!
สวยกว่าหรือ...ก็ไม่ นางมั่นใจว่ารูปร่างหน้าตาของนางสวยกว่าหลายเท่า หรือจะเป็นความสาว... ปีศาจงูกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึม ไม่...อาจจะเป็นเพราะจอมมารไม่เคยแตะต้องเซียนมาก่อนจึงหลงใหลชั่วคราว...นางก็แค่ของเล่นของจอมมารเพื่อแก้แค้นพวกเหล่าเซียนก็เท่านั้น
“ออกไป!”
เมื่อจอมมารเอ่ยไล่ ปีศาจสาวก็รับคำอย่างไม่เต็มใจก่อนจะเลื้อยออกไป จอมมารมองร่างบางในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าของเซียนบุปผานั้นแดงก่ำด้วยฤทธิ์ของสุราดูแล้วเย้ายวนใจยิ่งนัก
“เจ้าคือบุปผาของข้า...อย่าได้คิดหนี!”
เซียนบุปผาเบิกตากว้างเมื่อจอมมารกระชากเสื้อผ้าของนางออก ร่างกายของนางกำลังถูกเขาสัมผัสและดูดเม้มอย่างกระหายเหมือนคราวที่นางพบเขาครั้งแรก เขาทำสัญญาลักษณ์เป็นรอยจูบสีแดงบนกายของนางราวกับตอบย้ำความเป็นเจ้าของ ถึงแม้นางอยากจะขัดขืน แต่ทว่านางก็ไม่กล้า
นางเป็นดวงจิตที่เกิดอยู่บนนครบุปผา ย่อมไม่เคยพบเจอหรือรับรู้เรื่องโหดร้ายเช่นนี้ ตอนนี้นางรับรู้ความจริงแล้วว่านางไม่มีความหวังที่จะหนีกลับไปยังนครบุปผา...จอมมารไม่มีคำว่าอ่อนโยนกับนาง จอมมารไม่มีแม้แต่แววตาสงสาร ทุกสัมผัส ทุกการกระทำของเขาล้วนทำตามใจตนเองทั้งสิ้น...
ร่างเล็กใต้เรือนร่างของเขานอนนิ่งไม่ขยับเมื่อถูกเขาจับขึ้นมานอนแผ่อยู่บนบ่อแล้วโถมกายขึ้นมาทับ น้ำตาของนางยังคงไหลรินเป็นสาย ร่างกายของนางตอบรับสัมผัสของเขาตามสัญชาตญาณแม้ว่านางจะไม่อยาก นิ้วมือใหญ่ของจอมมารสอดใส่เข้าไปกายของนาง เซียนบุปผาถึงกับร้องเสียงหลง
จอมมารพึงพอใจยิ่งนัก เขาชอบฟังเสียงหวานของนาง แต่ก็ขัดใจกับใบหน้าเบื้อนน้ำตา “เซียนบุปผาอย่างเจ้าทำเป็นแต่ร้องไห้หรือไง”
เซียนบุปผาสบตาดวงตาแดงก่ำน่ากลัวของจอมมาร
“ข้า...ฮึก...อ๊า~~”
เมื่อนางส่งเสียงร้องออกมาจอมมารก็เร่งนิ้วให้เป็นจังหวะที่รวดเร็วเหมือนกับกลั่นแกล้งนาง ทำให้เซียนบุปผาไม่อาจจะส่งเสียงร้องไห้ได้ เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากแดงระรื่นนั้นมีเพียงเสียงร้องครางหวานใสที่เขาจงใจให้นางร้องออกมาเท่านั้น
กลีบบุปผาเบื้องล่างของนางถึงกับบวมเป่ง น้ำหวานไหลเยิ้มออกมาติดตามนิ้วมือของจอมมาร เขาเลียลิ้มรสน้ำหวานที่นิ้วตนเอง ก่อนจะเผยสีหน้าพอใจและก้มหน้าก้มตากินน้ำหวานที่ไหลออกมาจากกลีบบุปผา แต่ทว่าเท่านั้นเหมือนเขาจะไม่พอใจ ลิ้มยาวยังตวัดเข้าไปภายในกวักเอาน้ำหวานออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
เซียนบุปผาบิดกาย นางเสร็จสมเพราะนิ้วและลิ้นของเขาไม่รู้ว่ากี่รอบแล้ว นางรู้สึกราวกับว่าจอมมารกำลังจะทรมานนางให้ตาย
“อ๊า~~ท่านจอมมาร...อื้ม~~” นางพยายามที่จะพูดออกมา “ได้โปรด อ๊า~~ ได้โปรดหยุดเสียที” ในที่สุดเสียงของนางก็ส่งไปถึงเขา ใบหน้าของจอมมารเริ่มมีแววไม่พึงพอใจมาอีกครั้ง
“ข้าเจ็บ...” เซียนบุปผาร้องออกมาเมื่อมือใหญ่ของเขาบีบคางนาง
“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาบอกให้ข้าหยุดจนกว่าข้าจะพอใจ!”
จอมมารก้มลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนอีกครั้งหนึ่ง เขาฝังเขี้ยวลงไปบนลำคอขาวผ่องของนางดูดเอาเลือดอันหอมหวาน แม้เขาจะเคยได้กลิ่นเลือดของเทพเซียนมามาก แต่ทว่าไม่มีกลิ่นใดหอมหวานได้เท่าเซียนบุปผาดอกนี้มาก่อน เลือดของนางทำให้เลือดในกายของเขาสูบฉีด เขาไม่รอช้าที่จะจับขาของนางแยกออก ก่อนที่จะสอดใส่แท่งเอ็นร้อนที่ขยายจนขนาดใหญ่ขึ้นเกือบเท่าตัวเข้าไปในกายของนาง
แม้แท่งเอ็นใหญ่ของจอมมารจะเคยเข้ามาในกายของนางแล้ว ครั้งนี้นางก็ยังคงรู้สึกคับแน่นและจุกเต็มช่องท้องเช่นเดิม จอมมารกระแทกเข้าออกภายในกายของนางอย่างเต็มแรง ทำเอานางแทบจะหมดสติ แต่ทว่าจอมมารกับร่ายมนตร์รักษาและเพิ่มพลังให้แก่นางโดยไม่ยอมให้นางสลบไปง่ายๆ
เซียนบุปผาทั้งรู้สึกร้อนรุ่ม รู้สึกเสียวซ่าน และรู้สึกทรมานไปพร้อมๆ กัน นางไม่อาจจะทราบได้เลยว่าความฝันอันโหดร้ายนี้จะจบลงเช่นไร
เพียงชั่วข้ามคืนหลังจากที่นางถูกพายุพลัดหลงออกมาจากนครบุปผา นางก็กลายเป็นบุปผาในกำมือของจอมมารไปเสียแล้ว
บุปผาบอกบางในมือของจอมมารที่เขาจะบีบก็ตาย...จะคายก็รอด...
ไม่รู้ว่านางถูกเขาทรมานไปกี่ครั้ง ภายในช่องท้องและลำตัวของนางเต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่นที่เขามอบให้ จนในที่สุดจอมมารก็พึงพอใจ
เซียนบุปผาค่อยๆ ยันกายที่ชอกช้ำของตนเองให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นผ้าผืนหนึ่งก็ถูกโยนมาคลุมศีรษะของนาง
“กลับไปที่ห้องแล้วอย่าได้คิดหนีอีก” เขามองร่างชอกช้ำด้วยหางตา ก่อนจะเอ่ยอีกประโยคด้วยน้ำเสียงเหี้ยมบ่งบอกว่าเขาสามารถทำได้จริงๆ “หากเจ้ายังคิดจะหนีอีก...ข้าจะตัดขาของเจ้าทิ้ง!”
ผู้ที่ถูกข่มขู่ตัวสั่นเทาเมื่อจอมมารเชยคางของนางขึ้น นางรีบรวบผ้ามาห่อกายจนแน่นหนา แต่ทว่าแววตาของเขาที่จ้องมองนางนั้นเหมือนกับสามารถมองทะลุร่มผ้าได้
“เข้าใจหรือไม่...ตอบ!”
“เข้าใจเจ้าค่ะ” นางตอบเสียงสั่นทั้งน้ำตานองหน้า
จอมมารจากไปแล้ว...ทิ้งไว้เพียงความชอกช้ำที่ทำให้เซียนบุปผาน้อยหวาดกลัวจนไม่กล้าที่จะคิดหนี