บทที่1 ย่าฉวีทะลุมิติ

2081 Words
ความตายเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ฉวีไม่รับรู้อะไรเลยหลังจากตาย แต่เมื่อลืมตาขึ้นรับรู้ รู้สึกได้อีกครั้ง เธอก็พบกับเรื่องแปลกประหลาดอย่างสุดประมาณ ชนิดที่ว่าไม่สามารถคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ ที่แท้การเกิดใหม่เป็นเช่นนี้ การเกิดใหม่ของมนุษย์นั้น บางครั้งก็เหมือนเขียนโปรแกรมทับลงในแผ่นดิสก์เก่า เรื่องเก่าๆจะค่อยๆถูกลืมเลือนไป ความทรงจำใหม่ๆจะแทรกเข้ามาในสมอง ฉวีมั่นใจว่าเธอได้เกิดใหม่ เพียงแต่ได้รับความทรงจำของตนเองในช่วงเวลาสามสิบปีมาใหม่อีกครั้ง เป็นช่วงเวลาทุกข์ สุข เศร้า และการฝ่าฟันต่อสู้ จนสุดหนทาง ชาติภพนี้ ฉวีเกิดมาในประเทศจีน ถือว่าเป็นชนชั้นสูงคนหนึ่งในยุคที่อำนาจของฮ่องเต้ยังมีอยู่ ช่วงปลายราชวงศ์ชิง แต่พอฮ่องเต้ถูกบังคับราชสมบัติแล้ว ชนชั้นก็หายไป ฉากหน้าเหมือนว่ามีการไว้ชีวิตฮ่องเต้และลูกหลาน แต่ความจริงนั้นเป็นอย่างไร คนภายในเท่านั้นที่รู้ ฉวีเป็นลูกสาวผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว ที่ถูกบิดามารดาส่งออกนอกประเทศเพื่อให้มีชีวิตรอด ในคราแรกเธอไปอยู่ฮ่องกง แต่ญาติห่างๆโกงที่ดิน ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัย ข้ารับใช้ผู้ภักดีของตระกูลอย่าง หยง และตู จึงหาข้อมูลแล้วได้พบว่ามีประเทศที่ถูกเรียกว่า แผ่นดินทอง ด้วยความที่มีทาส ปศุสัตว์ และเมล็ดพันธุ์เหลือติดตัวมาด้วย ฉวีในชาตินี้จึงตัดสินใจเดินทางต่อไปยังแผ่นดินทอง ช่วงเวลาแห่งการฝ่าฟัน ตำนานเสื่อผืนหมอนใบขนขั้นเรือสำเภามาจากเมืองจีนของ 'สวี' คุณหนูตกยาก พร้อมทาสสิบคน วัว หมู ม้า ปลา ไก่ ชนิดละสิบตัวที่ขายหรือฆ่ากินระหว่างทางไปก็มากจนเหลือเพียงคู่เดียวพ่อแม่พันธุ์ และผ้าขี้ริ้วห่อทอง ห่อสมบัติกองสุดท้ายที่เธอช่วยหลบหนีมายังประเทศไทยได้ คุณนายฉวี ในชาตินี้จึงมีชื่อว่า 'สวี' ซึ่งเปลี่ยนจาก สวีเล่ออัน เป็น 'สวี' เพียงอย่างเดียว เพื่อระลึกถึงต้นตระกูล หลังจาก 'สวี' ลืมตามีสติขึ้นมาก็พบว่า ตนเองนั้นมีบุตรชายหนึ่งคน ซึ่งเป็นเด็กที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ ลูกของราชวงศ์คนสุดท้าย ซึ่งอายุห่างกันมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลายเป็นลูกชายภายใต้ชื่อของสวี เพราะอยู่บนเรือสำเภานานมาก เรือลำนี้แล่นไปทั่วโลกก่อนจะจอดอีกทีที่ประเทศไทย ใช้เวลากว่าห้าปี ทำให้สวีมีอายุรวมๆแล้ว กว่าสามสิบปีแล้ว "เดินดีดีลูก" สวีลุกขึ้นยืนช่วยประคองลูกสาว ซึ่งตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ จะว่ายังไงดี เธอทะลุมิติมาลูกสาวก็ท้องแล้ว อ้อ ลืมบอกไป... สวีมีลูกสาวคนหนึ่ง ส่วนพ่อเด็กเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งลูกสาวของสวีมีชื่อว่า 'หง' ที่แปลว่าสีแดง และเกิดช้ากว่า องค์ชายเพียงสองวัน หลังจากนั้นสวีเลยเลี้ยงเด็กทั้งสองคนคู่กันมา มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายบนเรือ สุดท้ายเด็กทั้งสองก็ได้แต่งงานกันเมื่ออายุสิบห้าปี แล้วลูกสาวของสวีก็กำลังอุ้มท้องเด็กคนหนึ่ง ขณะก้าวลงเหยียบแผ่นดินไทย สวีมองไปรอบๆ ตอนนี้ไทยเป็นไทยแล้ว แต่ไทยที่นี่ยังถูกเรียกว่า 'สยาม' สวีเดาว่าการพัฒนาบางอย่างในโลกนี้ แตกต่างจากโลกเดิมของตัวเอง ปีนี้เป็นปี คศ.1990 แต่คนไทยยังแต่งกายด้วยชุดไทยช่วงรัชกาลที่สี่ รัชกาลที่ห้าอยู่เลย และมีกฎหมายอนุญาตให้มี 'ข้ารับใช้'ได้ แต่ก็มีความเจริญเทียบเท่าหรือมากกว่าโลกก่อน ในด้านเทคโนโลยี ในหลายๆด้าน นอกจากนี้ พื้นที่ทั้งโลกยังกว้างกว่าเดิมเป็นสิบเท่า นั่นทำให้ใช้เวลาเดินทางจากประเทศจีนไปฮ่องกงกว่าสองปี และจากฮ่องกงมาสยามก็ใช้เวลาเป็นห้าปีสิบปี เนื่องจากต้องไปแวะแอฟฟริกาก่อน แล้วจึงวิ่งมาฝั่งทางสยาม จอดเทียบเรือสำเภอที่ท่าน้ำเจ้าพระยา กว่าจะลงจากเรือได้ต้องเสียค่าลงเรือเป็นหัว ให้คนช่วยเตรียมการ เตรียมสำมโนครัวเอาไว้ให้ก่อน แล้วจึงสามารถเหยียบเข้าแผ่นดินสยาม มีบัตรประชาชนได้ สวีรู้สึกเหมือนอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปในโลกนี้ เธอเดาว่านี่อาจจะเป็นโลกคู่ขนานที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าจากโลกเดิม พื้นที่กว้างใหญ่ขึ้น แต่มนุษย์ในโลกนี้ก็มีประชากรเยอะกว่าโลกเดิมมากกว่าห้าเท่าเช่นกัน สวีรู้สึกตื่นเต้นมากที่เธอได้เกิดใหม่ในโลกใบนี้ แม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมช่วงเวลาสามสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้และทำได้เพียงเฝ้ามองเหมือนมองคนที่ไร้จิตวิญญาณกำหนดชีวิตของเธอ แต่ตอนนี้ ย่าฉวี ได้มาเกิดใหม่แล้ว และพร้อมที่จะใช้สูตรโกงทุกอย่าง เพื่อให้ตัวเองและลูกๆมีความสุข ไม่ใช่แค่ความสุขจากเงินทองของนอกกาย แต่มีความสุขไปจนถึงจิตวิญญาณ . "ที่นี่งั้นเหรอ แม่หยง" หงเอ่ยถามผู้เป็นแม่นม และคนรับใช้คนสนิทของมารดา ขณะที่หยงพยักหน้า ส่วนสวีกลับพูดไม่ออกมากกว่า คนจีนจำนวนมากอพยพออกจากประเทศทำให้แทบทุกประเทศต่างๆในโลกคับแคบลงมาก แต่ไม่คิดเลยว่าที่ดินในตลาดที่แม่หยงบอกว่า คนของเรือสำเภาจับจองไว้ให้จะเป็นเหมือนตรอกเล็กๆ ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับคนสิบกว่าคนแน่ๆ แล้วในตรอกนี้ก็มีกระต็อบเล็กๆหลังเดียวเท่านั้น "หลง พาหงเข้าไปพักก่อน เด็กๆทำความสะอาดด้านในแล้ว พอจะนอนได้บ้าง คนอื่นๆตามฉันมา" หลงที่ว่านี้คือองค์ชายคนสุดท้ายของเชื้อสายรางวงศ์ชิง ลูกชายในนามของเธอนั่นเอง สวีไม่กล้าให้ลูกสาวชักช้า กลัวว่าเด็กในท้องจะโวยวายซะก่อน เธอเลยรีบให้คนเข้าไปทำความสะอาดแต่แรกแล้ว "แม่คะแต่..." "พักก่อนลูก แล้วค่อยว่ากัน หลง ผ้าล่ะ" "นี่ครับ แม่สวีใช้ได้ตามสมควรเลยนะครับ" สวีรับผ้าขี้ริ้วห่อเล็กๆมา ก่อนจะเดินตามคนออกไปบริเวณที่พอจะชุมนุมกันได้เงียบๆ เธอมองไปรอบๆ ที่นี่คือกรุงเทพมหานคร มันใหญ่กว่าในโลกเดิมเป็นสิบเท่า แต่คนก็เยอะกว่าเดิมเป็นสิบเท่าเช่นกัน ดังนั้นเธอไม่สามารถอยู่ในนี้ได้แน่ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่ใช่ทนอยู่กันไปแบบนี้ทั้งครอบครัว สวีมองว่าเธอมีต้นทุนกว่าในชาติที่แล้วมาก แถมยังมีความทรงจำภูมิปัญญาความรู้มากมายจากชาติก่อน ยังไงก็ต้องทำอะไรสักอย่างได้แน่นอน ก่อนอื่นก็ต้องลองดูก่อนว่า พอจะใช้ของที่มีอยู่แลกกับอะไรได้บ้าง ขณะที่คิด ชายท่าทางรีบร้อนก็เดินผ่านไป สวีรู้สึกเหมือนเขาน่าจะเป็นคนที่ต้องการบางอย่างที่เธอมี และเธอก็ต้องการบางอย่างที่เขามีเช่นกัน เลยเดินตามไป "คุณคะ คนอื่นๆรออยู่ทางนั้นนะ" หยงเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเจ้านายเดินไปอีกทาง "รอก่อนแม่หยง ฉันจะเดินดูอะไรสักหน่อย" ว่าแล้วสวีก็เดินตามชายวันกลางคนผู้นั้น จนกระทั่งเห็นเขาเข้าออกร้านเครื่องประดับก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่สวีไม่คาดคิดว่าตัวเองจะมี เธอเหมือนมีเซ้นส์อะไรสักอย่าง ไม่ได้แรงมากแต่อะไรที่เธอรู้สึกมักจะเป็นเรื่องที่มาทันเวลาพอดี อย่างเช่นตอนนี้ เธอกำลังคิดจะขายสมบัติที่ห่อผ้าขี้ริ้วมาจากเมืองจีน แล้วก็ได้เจอกับคนที่ต้องการเครื่องประดับอะไรสักอย่างจริงๆ คิดอย่างนั้นหญิงสาวก็เดินตามหลังเขาเข้าไปในร้านเครื่องประดับด้วยและทำทีเป็นดูนั่นนี่ ด้วยท่าทางของสวีที่เป็นคุณหนูจากเมืองจีนย่อมทำให้คนรู้สึกเกรงใจ และคิดว่าเธอจะมาซื้อของจริงๆ แต่ความจริงสวีกำลังตั้งใจฟังชายคนนั้นต่างหาก "เห็นมีสำเภาจากเมืองจีนมาลง ไม่มีใครเอาเครื่องประดับจีนแท้ๆมาขายบ้างเลยเหรอ สมัยนี้เขาใช้เครื่องบินกัน ก็ไม่ค่อยมีเข้ามาแล้ว ฉันล่ะจนใจจริงๆ ไม่รู้จะหาให้นายท่านได้จากที่ไหน" "คุณหญิงสะเดาเธอชอบเครื่องประดับจากเมืองจีนมากเลยนะครับ ผมพยายามหาดูแล้วแต่ล่าสุดมีสำเภามาแค่สามลำ แล้วก็ไม่มีพวกเจ้ามาขายทรัพย์บ้างเลย" "ถ้ายังไง มีคนมาถามขายเครื่องประดับต้องเก็บไว้ให้ผมนะ ผมให้ราคาดีแน่นอน" ชายวัยกลางคนๆนั้นกล่าวก่อนจะจากไป สวีเลยให้หยงเดินตามไปก่อน ส่วนตนเองนั้นรอฟังพนักงานคุยกันในร้านต่อไป "เจ้าพระยากรมหลวงได้นามาเท่าไหร่ก็ไปลงกับคุณหญิงสะเดาเธอหมด สมแล้วที่เป็นภรรยาน้อย" "เพราะเป็นภรรยารักน่ะสิ เห็นคุณเจ้าหญิงประภามั้ยล่ะ ไม่เห็นจะเคยได้สิ่งไหนจากสามีบ้างเลย จนตัดสินใจหย่าออกไป ได้สมบัติไปครึ่งหนึ่ง" "คราวนี้คุณหญิงสะเดาเธอก็จะใส่ไปอวด คุณเจ้าหญิงอีกน่ะสิ เอาความจริงฉัมชอบคุณเจ้าหญิงมากกว่านะ ทั้งสูงศักดิ์สมฐานะ ใจเด็ด แล้วยังดูแลคุณหม่อมเธอได้ดีมากๆ จนตอนนี้ร่ำรวยจะล้นฟ้าแล้วมั้ง" "ช่างเถอะๆ พูดเรื่องเจ้าไปก็เท่านั้นแหละ เราก็ได้แต่พูดไปเรื่อย" สวีส่ายหน้าน้อยๆ นึกในใจว่ายุคไหนสมัยไหนก็มีปัญหาเมียน้อยเหมือนเดิม โชคดีที่ยุคนี้เริ่มหย่าให้เห็นกันบ้างแล้ว เธอดีใจกับคุณเจ้าหญิงอะไรนั่นด้วยที่หลุดพ้นจากวิถีเมียหลวง หยงยืนรออยู่ไม่ไกล สวีเลยเดินเข้าไปพอดีกับชายคนนั้นเดินออกมา เขาจึงชะงักไปมองหยงกับสวีซึ่งแต่งตัวด้วยชุดกี่เพ้า ก่อนจะทำท่าครุ่นคิดแล้วเข้ามาเอ่ยถามด้วยท่าทางเป็นมิตร "คุณผู้หญิง ผมเห็นคุณสองคนในร้านเครื่องประดับหลายร้านแล้ว ไม่ทราบว่าคุณเพิ่งลงสำเภามา แล้วกำลังหาร้านที่จะขายเครื่องประดับจากจีนรึเปล่าครับ" "คุณผู้ชาย เจ้านายของเราต้องการแลกเปลี่ยนเครื่องประดับจริงๆ แต่สิ่งที่อยากจะแลก...อาจไม่ใช่เงินทอง" หยงพูดราวกับอ่านใจเจ้านายออก ความจริงต้องบอกว่าที่สวีรอดมาได้จนถึงประเทศสยาม ก็เพราะหยงและตู ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์ของเธอนั่นเอง "แน่นอน คุณผู้หญิงต้องการอะไร สามารถบอกมาได้เลย ผมจะนำไปเสนอนายท่าน" "ฉันต้องการถามว่า จะหาคุณเจ้าหญิงประภาได้ที่ไหนหรือจ๊ะ" "คุณผู้หญิง คุณถามแบบนี้คุณมีความคิดที่จะนำไปขายให้คู่แข่งของเจ้านายผมงั้นหรือครับ แบบนี้ผมก็แย่สิ" ชายหนุ่มมองหญิงสาวผู้งดงามตรงหน้าแล้วก็เดาได้ว่าอีกฝ่าย มีเล่ห์เหลี่ยมไม่น้อย แต่แม่นมหยงกลับแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอะไร "ใช่ และเราจะทำเหมือนไม่เคยเจอกันมาก่อนดีมั้ย" ว่าแล้วสวีก็ส่งสัญญาณ หยงจึงหยิบทองอีแปะออกมามอบให้อีกฝ่าย น้ำหนักอย่างต่ำๆก็ครึ่งสลึง ขายในยุคนี้อย่างน้อยก็เป็นเงินพันบาทแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบบอกทันที "คุณเจ้าหญิงเธออยู่ที่ท้ายพระนคร ที่นั่นเป็นสถานที่ขององค์สมเด็จย่าของคุณเจ้าหญิงและส่งมอบต่อให้ท่านต่อมา ยังไงคุณผู้หญิงก็บอกว่ามาขายของจากจีน มีคนแนะนำมา จะได้พบคุณเจ้าหญิงหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง" "ขอบใจจ๊ะ ฉันไปแล้ว" ว่าแล้วสวีก็พาหยงจากไป ขณะที่ชายวัยกลางคนยังมองสวีด้วยท่าทางเสียดาย "สวยจริงๆเลย ถ้าไม่มีข้ารับใช้ คงถูกจับไปเป็นเมียเจ้าแล้ว" เสียงพึมพัมของชายหนุ่มลอยมาตามลม ทำให้สวีรู้ว่าในยุคนี้บ้านเมืองยังค่อนข้างป่าเถื่อน อาจเพราะเทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้ามาก เพราะอินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายนั่นเอง ช่างเถอะ ลุยต่อไป ขอให้รอดชีวิตได้ให้ทำอะไรก็ยอม ไหนๆก็ทะลุมิติมาแล้ว ต้องทำชีวิตนี้ให้ดียิ่งๆขึ้นไปสิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD