เด็กมันขี้อ้อน

1283 Words
"ผมเลิกกับผู้หญิงคนหนึ่งได้สามเดือนแล้วครับ แต่ว่าตอนนี้กำลังมีความสุขกับการได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ผมยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจรับใคร" คำพูดของโจนาสทำให้แก้วเจ้าจอมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ แม้เขาจะพูดว่ายังไม่เปิดใจรับใคร ทว่าสถานะของชายหนุ่มตอนนี้กลับไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ 'แล้วเราจะดีใจทำไมเนี่ย...' หญิงสาวคิดในใจ โจนาสจ้องมองหน้าใบหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยแววตาเอ็นดู จากนั้นเขาจึงหยัดกายลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหยิบกุญแจรถของตัวเองออกมาจากห้องนอน "ผมคงไม่ปั่นจักรยานไปส่งหยีนะครับ เอาจอดไว้ที่นี่ก่อน แล้วเดี๋ยววันหน้าจะปั่นไปคืน" "จริงๆ แล้วหยีปั่นกลับเองก็ได้ค่ะ" "มันค่ำแล้ว อย่าดื้อ" ชายหนุ่มทำเสียงดุ แก้วเจ้าจอมจึงได้แต่พยักหน้าเบาๆ เธอรู้สึกใจหายเล็กน้อยที่กำลังจะสูญเสียความสบายใจที่เพิ่งได้รับ เพราะก่อนหน้านี้การที่ต้องอยู่ในบ้านของตนเอง ทำให้ได้รับแรงกดดันมหาศาลจากบิดามารดาเรื่องไปเรียนต่อต่างประเทศ จนตอนนี้แก้วเจ้าจอมได้สูญเสียความเป็นตัวเองเพราะต้องแกล้งทำตัวเป็นคนไร้สติ ผู้คนร่ำลือไปต่างๆนาๆ ทว่าเจ้าตัวกลับไม่สนใจ "พรุ่งนี้ไปรับหนูได้ไหมคะ?" ตากลมโตกะพริบตาถี่เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ "หนู? หนูยาหยีจะให้ผมไปรับไปที่ไหนล่ะครับ?" โจนาสยิ้มกว้างให้กับสรรพนามใหม่ที่หญิงสาวใช้แทนตนเอง "ไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ต้องอยู่บ้าน เพราะว่าไม่อยากแกล้งบ้า" เธอพูดน้ำเสียงแผ่วเบาเรียกความสงสารจากนายแพทย์หนุ่มอย่างได้ผล "ก็เลิกแกล้งบ้าสิ แล้วเดี๋ยวหมอจะบอกคุณพ่อของหยีเองว่าหายบ้าแล้ว" เขาแนะนำ "ก็จริงนะ แต่ว่าถ้าจะบอกพรุ่งนี้เลยมันก็คงจะเร็วเกินไป งั้น...อีกสักหน่อยค่อยบอกก็ได้ค่ะว่าหยีไม่ได้บ้าแล้ว" "ฮ่าๆๆ แสบนะเรา ทำให้ผมเสียผู้ใหญ่หมดเลย งั้นเราต้องมีกฎ" "กฎอะไรคะ?" เด็กสาวถามเสียงใส แววตาใสแป๋วฉายแววสงสัย "ถ้าดื้อไม่ยอมเชื่อฟังหมอ หมอจะรายงานคุณพ่อของหยีว่าเราแกล้งบ้า โอเคไหม?" กฎของโจนาสทำให้แก้วเจ้าจอมหน้ามุ่ย เธอไม่ยอมพูดอะไรแล้วจึงเดินก้มหน้าไปอุ้มเอาตุ๊กตาหมีของตนเองมากอดไว้ "แต่ว่าพี่หมอจะต้องช่วยหยีให้ไม่ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศนะคะ" "พี่หมอไม่สัญญานะ แต่ว่าจะพยายามทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับหยี" โจนาสรู้สึกหวั่นไหวกับน้ำเสียงออดอ้อนของเด็กสาว ทั้งๆ ที่เขาแทบไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน อาจเพราะแก้วเจ้าจอมเป็นเพียงเด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าปีเท่านั้น เขาไม่เคยคบผู้หญิงในช่วงวัยนี้มาก่อน เพิ่งรู้ว่าเด็กขี้อ้อนมีอิทธิพลต่อผู้ชายวัยสามสิบสองปีเช่นตนขนาดนี้ "ขอบคุณนะคะ ตอนนี้ชีวิตของหนูมีพี่หมอคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจ พี่หมอห้ามทิ้งหนูไปไหนนะ นะคะ" ร่างบางเดินเข้ามาสวมกอดรอบเอวสอบของคนตัวโตไว้แน่น ใบหน้าจิ้มลิ้มซบลงบนแผงอกแกร่งของเขาด้วยความรู้สึกอบอุ่น โจนาสอึ้งไปเล็กน้อยกับการกระทำแสนไร้เดียงสา แล้วจึงกอดตอบเป็นการปลอบใจเช่นเดียวกัน "พรุ่งนี้พาพี่หมอไปซื้อแชมพูกลิ่นนี้ด้วยนะ หอมจัง" จมูกโด่งเป็นสันสูดดมกลิ่นหอมดอกไม้ที่ติดอยู่บนเส้นผมสลวยของเด็กสาวด้วยอารมณ์เคลิบเคลิ้ม "แต่มันเป็นกลิ่นแชมพูผู้หญิงนะคะ" เธอแหงนหน้าขึ้นมองเขา ทำให้ปลายจมูกโด่งเล็กชนกับปลายคางของโจนาสพอดิบพอดี แก้วเจ้าจอมย่นจมูกเล็กน้อยเมื่อเคราของชายหนุ่มทำให้เธอเกิดระคายเคืองบริเวณปลายจมูก ทว่าสัมผัสอ่อนโยนกลับทำให้หญิงสาวไม่อยากถอยห่างออกจากอ้อมแขนแกร่งนี้ "ไปกันได้แล้วป่ะ" โจนาสตัดใจปล่อยเด็กสาวออกจากอ้อมแขนในขณะที่เธอก็ทำเช่นเดียวกัน จากนั้นชายหนุ่มจึงเดินนำหน้าคนตัวเล็กออกไปยังประตู และเดินตรงไปยังรถยุโรปของตนซึ่งวัสสานเตรียมไว้ให้แล้ว ไร่ภครารมย์ โจนาสขับรถของตนเข้ามาจอดภายในบริเวณบ้านเรือนไม้สักหลังงามซึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางไร่ภครารมย์ เด็กสาวใบหน้าจิ้มลิ้มถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูก้าวลงจากรถด้วยสีหน้าบึ้งตึง โจนาสเห็นบิดามารดาของแก้วเจ้าจอมยืนรออยู่ที่หน้าประตู ชายหนุ่มจึงเดินตรงเข้าไปหาผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน เขายกมือไหว้คุณเกล้าซึ่งเป็นบิดาของเด็กสาว ซึ่งเมื่อเช้ายังไม่มีโอกาสได้พบกัน "ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ไม่ได้บอกท่านเรื่องที่ยาหยีไปหาผมที่บ้าน ผมคิดว่าเธอคงมีเรื่องเครียดก็เลยไปหาผม แต่เธออยู่ที่นั่นก็ผ่อนคลายดีครับ" ตั้งแต่ที่รู้ความจริงว่าแก้วเจ้าจอมไม่ได้เป็นบ้า เขาก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเมื่อได้พบหน้าบิดามารดาของเธอ แต่ในเมื่อเลือกที่จะช่วยเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแล้ว จึงไม่มีทางเลือกมากนัก "ไม่เป็นไรหรอกครับคุณหมอ ผมรู้อยู่แล้วว่ายาหยีไม่กล้าไปไหนไกลหรอก เพราะถึงไปไหนไกลจริงๆ เดี๋ยวก็มีคนละแวกบ้านแถวนี้เอาตัวมาส่ง แต่ว่าผมก็ไม่เห็นด้วยที่แกหนีออกจากบ้านบ่อยๆ" คุณเกล้าพูดพลางชำเลืองมองบุตรสาวพลางส่ายหน้าน้อยๆ "เดี๋ยวต่อไปนี้ผมจะเป็นคนดูแลเธอเรื่องนี้เองครับ พรุ่งนี้ผมจะมารับยาหยีแต่เช้า เพราะว่าผมจะพาเธอไปตรวจเช็คอาการอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลอีกที" "ไม่มีปัญหาครับคุณหมอ ผมขอให้คุณหมอดูแลเธออย่างสุดความสามารถ เพราะว่าผมมีลูกสาวแค่คนเดียว" คุณเกล้าพูดน้ำเสียงหนักอกหนักใจ "งั้นเข้าบ้านกันก่อนดีกว่านะคะ" คุณยอดดาวเอ่ยเชื้อเชิญ "เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พอดีผมจะต้องกลับไปเตรียมงานอะไรอีกหลายอย่าง ขอบคุณนะครับ" "งั้นก็ได้จ้ะ แต่พรุ่งนี้คุณหมอต้องมาทานข้าวเช้าที่นี่นะคะ เดี๋ยวแม่ทำกับข้าวรอ" คุณยอดดาวบอกโจนาสด้วยรอยยิ้ม "ครับผม" โจนาสพูดเช่นนั้นแล้วจึงหันไปมองแก้วเจ้าจอม เด็กสาวยังคงมีสีหน้าบูดบึ้งและยืนเงียบฟังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกัน "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ" เขาบอกเท่านั้นแล้วจึงยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน เขาหันไปยิ้มให้แก้วเจ้าจอมเล็กน้อยและเดินกลับไปยังรถของตนเอง "เข้าบ้านได้แล้วลูก" คุณยอดดาวเดินเข้ามาสวมกอดบุตรสาว เธอฉีกยิ้มกว้างให้มารดาก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นสีหน้าออดอ้อน "หนูอยากกินไอติมค่ะ" "มันค่ำแล้วนะลูก พรุ่งนี้ค่อยทานได้ไหมคะ" "ไม่เอา หนูอยากกินไอติมตอนนี้นี่คะ" คำพูดออดอ้อนของเด็กสาวทำให้ผู้เป็นบิดาได้แต่ส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ จากนั้นทั้งสามคนพ่อแม่ลูกก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน อ่านจบแล้วส่งคอมเมนต์มาเป็นกำลังใจให้ปันหยีด้วยนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามค่า ❤
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD