CHAPTER 3

2070 Words
ป่านนี้คำพูดของฉัน…จะมีผลอะไรกับจิตใจของเธอบ้างหรือเปล่านะ? ตอนแรกเธอก็ทำทีเป็นตกใจกับทีท่าของฉันที่แสดงออกต่อเธอ แต่ในเวลาต่อมาแววตาของเธอก็แปรเปลี่ยนเป็นพร้อมพุ่งชนราวกับว่าไม่สะทกสะท้านใด ๆ ต่อการกระทำของฉันเลยแม้เพียงแต่น้อย มันทำให้ตอนนี้ฉันยอมรับเลยว่าตัวเองนั้นกำลังสนใจเธอมาก แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั้นแกนหลักของเรื่องคือฉันต้องการจะแก้แค้นผู้ชายห่วยแตกคนนั้น…รวมไปถึงเธอที่คิดจะมาปั่นประสาทฉัน ซึ่งฉันจะทำให้เธอได้เห็นว่าเธอนั้นกำลังเล่นผิดคน! “กลับมานานยังอ่ะ?” ฉันเงยหน้าสบมองเพื่อนสนิทที่เปิดประตูเข้ามาอย่างไร้มารยาทซึ่งนั่นก็คือเกรซ เจ้าหล่อนเดินกรีดกรายเข้ามาอย่างไม่ได้สะทกสะท้านกับใบหน้าของฉันที่กำลังแสดงออกถึงการติเตียนอย่างไม่มีปิดบัง ทั้งในมือของเจ้าหล่อนก็ยังมีไอศกรีมรสโปรดรสเดิมที่เธอทานมันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย บ่งบอกได้ว่าที่หายไปให้ฉันไม่ได้พบเห็นตอนเข้ามานั้นเจ้าหล่อนแค่ลงไปหาซื้อไอติมมาทานเล่นเฉย ๆ “ซื้อมาฝาก” เจ้าหล่อนว่าพร้อมกับยื่นไอศกรีมรสที่ฉันโปรดปรานเสมอมาตั้งแต่ไหนแต่ไรให้มาอยู่ตรงหน้า โดยไม่ได้สนใจในคำถามของตัวเองก่อนหน้านั้นเลย ซึ่งฉันก็เริ่มแปลกใจแล้วว่าเจ้าหล่อนไม่ได้อยากรู้ตั้งแต่ทีแรกแล้วจะเอ่ยถามขึ้นมาทำไมให้เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ “หวังว่าจะยังชอบรสเดิมนะ” และเธอก็เดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวหรูในห้องทำงานของฉันอย่างสบายอารมณ์หลังจากจบประโยคนั้น ซึ่งฉันก็ยกยิ้มให้กับเพื่อนที่แสนดีคนนี้ออกมาจนเต็มใบ พร้อมกับความขุ่นเคืองที่เจ้าหล่อนนั้นไร้มารยาทหายไปจนหมดสิ้นด้วยไอศกรีมเพียงแค่หนึ่งแท่งราวกับเด็กที่ได้รับขนมที่โปรดปรานก็มิปาน และฉันคงจะจดจ้องมองนานเกินไปจนเจ้าหล่อนรู้ตัวว่าถูกจ้องมอง ซึ่งเกรซก็เงยหน้าขึ้นมาสบมองกันทั้งใบหน้าฉงน ก่อนจะกลับไปก้มลงสนใจไอศกรีมอย่างเก่าในวินาทีต่อมาราวกับคนทำตัวไม่ถูกที่ถูกฉันจับจ้องมองอย่างไม่วางตาเช่นนั้น “แล้วจ้องอะไรขนาด…” “เธอยังชอบฉันอยู่หรือเปล่า?” “แค่ก!” “เป็นงั้นไป” ฉันหัวเราะออกมาอย่างขบขันพร้อมกับลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง ฉันยื่นแก้วน้ำที่รองน้ำจนเต็มแก้วให้เจ้าหล่อนจากฝีมือของฉันที่ไปรินมาเมื่อครู่ ซึ่งหล่อนก็รับมันไปก่อนจะกระดกรวดเดียวจนหมดแก้วและวางแก้วลงที่โต๊ะตัวด้านหน้าพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำให้ฉันเผยยิ้มขันออกมาอีกครั้ง “กินไอติมก็ทำให้ติดคอได้เหรอ?” “…” “หรือว่าเขินฉันกันแน่นะ?” “นี่!” “ฮ่า ๆ ฉันไม่แกล้งแล้ว” ฉันว่าพร้อมกับหันหลังและเดินกลับมานั่งลงที่เก้าอี้ประธานดังเดิมแต่สายตายังไม่ละออกจากเจ้าหล่อนไปไหน หญิงสาวตรงหน้าราวกับเขินอายจึงต้องยกมือขึ้นมาจับปรอยผมที่ปรกใบหน้าให้ขึ้นไปทัดหู และเจ้าหล่อนมักจะแสดงทีท่าแบบนี้เสมอเวลาที่เขินอาย…หรือเวลาที่เจ้าหล่อนนั้นเศร้าโศกเสียใจก็จะกระทำเช่นนั้นเฉกเช่นเดียวกัน “อ่า…น้องเจียคะ” “อืม…” “ตรงนั้นแหละค่ะ แรงอีก…อื้อ!” บทรักอันร้อนแรงกำลังดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ ซึ่งผู้ที่แสดงบทรักนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น...แต่คือฉันผู้นี้กับหญิงสาวดาวโรงเรียนเกรด 12 ที่ใคร ๆ ต่างก็หมายปองประจำปีนี้นั่นเอง และฉัน...เป็นเพียงผู้เดียวที่ได้ครอบครองเจ้าหล่อน ณ เวลานี้ ห้องน้ำตึกเชียร์ลีดเดอร์ในช่วงเวลาใกล้สอบบวกกับเวลาเย็นย่ำเช่นนี้เป็นสถานที่ ๆ เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งกับการมาทำกิจกรรมอันร้อนแรงที่ฉันกับหญิงสาวตรงหน้านั้นกำลังแสดงกันอยู่ตามลำพังอย่างถึงพริกถึงขิง ความร้อนระอุในห้องน้ำแห่งนี้บวกกับไฟสุมที่แผดเผาไปทั่วร่างกายมานานนับชั่วโมงเศษ...กำลังทำให้ความอดทนทั้งหมดของเราขาดรอน เพราะถึงแม้เราสองคนจะเบียดเสียดเนื้อกายใส่กัน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าการกระทำทั้งหมดของเรานั้นจะช่วยให้หยุดร้อนลุ่มลงไปได้เลยแม้เพียงแต่น้อย สองนิ้วกรีดกรายลงบนร่องอกของหญิงสาวตรงหน้าที่ถูกแหวกสาบเสื้อนักเรียนออกก่อนแล้วจากฝีมือของฉันที่เป็นผู้สรรสร้างงานศิลปะ ส่วนเธอคนนี้ก็เป็นรูปปั้นที่ขาวผุดผ่องจนฉันอดไม่ได้ที่จะลงไปเชยชิมยอดอกสีชมพูเรียบเนียนจนเจ้าหล่อนครางกระเส่าเป็นชื่อของกันครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนมือของฉันก็ผลุบหายเข้าไปในกระโปรงนักเรียนของเจ้าหล่อนแม้ว่ามันจะไม่เรียบร้อยเป็นใจให้กันตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มสัมผัส ทั้งนิ้วมือของฉันก็ยังดำเนินบทรักไปได้อย่างดีเยี่ยมท่ามกลางเสียงร้องของเจ้าหล่อนที่ใกล้จะสุขสมอารมณ์หมายเต็มทีในอีกไม่ช้านาน “ระ เร็วอีกค่ะ” เจ้าหล่อนจิกหลังหวังให้ฉันกระทำตามคำขอ “น้องเจีย!” ทั้งยังเร่งเร่าด้วยน้ำเสียงกระเส่า…แล้วมีหรือที่ฉันคนนี้จะปฏิเสธ “กะ ใกล้แล้ว…” “ฮึก…” “ระ เร็วอีก…” “ฮือ… “น้องเจีย อ๊ะ!” “ฮือ ฮือ…” “น้องเจีย...หยุดทำไมคะ!” ฉันหยุดการกระทำของตัวเองลงทั้งหมดท่ามกลางเสียงไม่พอใจของหญิงสาวที่จ้องมองกันตาเขม็งด้วยความหยาดเยิ้ม สองขารีบพาร่างของตัวเองเดินออกมาจากห้องน้ำหญิงในเวลาเย็นย่ำโดยทันทีเพื่อตามหาเสียงร้องไห้แบบแทบขาดใจของใครบางคนที่ฉันเองก็ไม่เห็นหน้า ตอนนี้สมองของฉันกำลังประมวณผลว่าเป็นผีสางนางไม้หรือใครที่ไหนอย่างไร... แต่การจากมาของฉันก็สร้างความไม่พอใจให้กับใครอีกคนที่ยังอยู่ในห้องน้ำเพราะด้วยอารมณ์ค้างเติ่งที่ยังไม่เสร็จสม และฉันได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นภาษาอังกฤษที่แน่นอนว่าเด็กลูกครึ่งอย่างฉันสามารถรับรู้มันได้ทุกถ้อยทุกคำในทันทีโดยไม่ต้องพึ่งแปลภาษาให้เสียเวลาเปล่าแต่อย่างใด “ฮึก ฮือ…” ฉันเดินตามเสียงร้องไห้ไปจนกระทั่งได้เจอแผ่นหลังของใครคนหนึ่งที่กำลังสั่นเทาจากการร่ำไห้อย่างหนักหน่วง ซึ่งฉันรับรู้ได้ในทันทีเลยว่าแผ่นหลังที่กำลังนั่งตัวสั่นเทาผู้นี้...เป็นอีผีตัวไหนที่คอยกลั่นแกล้งฉันอยู่ทุกวี่ทุกวัน แม้ว่าจะโดนฉันตอกกลับมานักต่อนักแต่หล่อนนั้นก็ไม่เคยย่อท้อต่อการถูกฉันเอาคืนเลยสักครั้ง มันก็น่าชื่นชมอยู่หรอกไอเรื่องที่มีความพยายามน่ะ...แต่เรื่องดี ๆ ที่ควรพยายามทำไมหล่อนไม่เห็นจะใฝ่รู้เอาเสียบ้าง “คราวนี้โดนไอหนุ่มฮ็อตคนไหนหักอกมาอีกล่ะ?” “!!!” เจ้าหล่อนรีบลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงด้วยความตกใจในทันควัน เธอยกมือปาดน้ำตาของตัวเองลวก ๆ พร้อมกับใช้นิ้วเกี่ยวปรอยผมที่ปรกหน้าของตนอยู่นั้นให้กลับมาทัดหูโดยฉันที่หันหลังอยู่นั้นยังสามารถรับรู้การกระทำของหล่อนได้ แต่เจ้าหล่อนกลับยังไม่ยอมหันมาหากันแต่อย่างใดให้ฉันยังคงยืนยิ้มเยาะอยู่อย่างนั้น...เพราะนี่แหละคือช่วงเวลาเอาคืนของฉัน ตลอดมาฉันไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มเลยเพราะหล่อนมักจะหาสารพัดวิธีมากลั่นแกล้งกันก่อนอยู่เสมอ...วลีที่ว่าเปิดก่อนได้เปรียบคราวนี้ฉันคงต้องงัดมันขึ้นมาใช้เพื่อเอาคืนยัยตัวแสบคนนี้เสียบ้าง แม้ว่าหล่อนที่เปิดก่อนจะไม่เคยได้เปรียบฉันอย่างที่วลีว่าเลยก็ตามแต่...แต่ฉันก็คงต้องลองดูสักครั้ง “ได้ข่าวว่าคบกับพี่ออสดินนักบาสสุดหล่อของโรงเรียนอยู่นี่น่า แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้…” “ฮือ…” อยู่ ๆ เจ้าหล่อนที่ตอนแรกมีทีท่าว่าจะหยุดร้องไห้ก็กลับร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้งอย่างหนักหน่วง ฉันที่ตอนแรกกะว่าจะกลั่นแกล้งก็กลับตื่นตระหนกจนพลันเงียบปากตามไปด้วย แผ่นหลังของเธอสั่นเทาร้องไห้ออกมาราวกับจะขาดใจให้ฉันเลิ่กลั่กทำอะไรไม่ถูก พร้อมกับโทษตัวเองที่กลั่นแกล้งไม่รู้เวล่ำเวลาเพราะไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนไปเจออะไรมาถึงได้มานั่งเศร้าเสียใจอยู่เช่นตอนนี้ แต่แล้วร่างของชายหนุ่มที่ฉันกล่าวถึงเมื่อครู่ก็เดินผ่านหน้าของเราทั้งสองคนออกไป พร้อมกับที่เขามีหญิงสาวอีกคนที่อยู่ข้างกายด้วยทีท่าสนิทสนมให้ฉันพอเข้าใจโดยการประติดประต่อเรื่องราวถึงสาเหตุการมีน้ำตาของเจ้าหล่อน ฉันยืนมองแผ่นหลังของหญิงสาวตรงหน้าสลับกับออสตินที่กำลังจะเดินจากไป… ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังมีน้ำตา...แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับยิ้มร่าเริงมองข้ามเจ้าหล่อนไปอย่างไม่น่าให้อภัย ฉันกำมือแน่นพร้อมกับความโกรธเคืองสุดขีดเพราะฉันเกลียดที่สุด…คือการนอกใจที่ฉันจะไม่มีวันให้อภัยมันผู้นั้นเป็นอันขาด “โอ้ย!” “ไอชั่วเอ้ย! คิดว่าหล่อแล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอวะ!” “อะไรของน้องเนี่ยจอร์เจีย โอ้ย ๆ เจ็บนะเว้ย!” “แฟนพี่มึงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น ยังมีหน้าระรื่นมาเดินควงผู้หญิงคนอื่นอีกเหรอวะ!” “กูเลิกกับมันแล้วโว้ย! ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อเป็นบ้า!” “หนอย…ไอชั่วเอ้ย!” ฉันกระหน่ำตีไอผู้ชายคนนั้นโดยไม่สนใจเลยว่าหากโดนสวนกลับมาตัวเองจะต้องเจ็บตัวมากแค่ไหน “เจีย พอแล้ว!” “ไอชาติชั่ว!” ก่อนในนาทีต่อมาฉันจะได้สติหวนกลับ แต่ฉันยังคงระดมตีไอผู้ชายห่วย ๆ คนนี้แบบไม่ยั้งมือ ท่ามกลางเสียงร้องไห้ออกมาอย่างหนักหน่วงและแรงดึงอันน้อยนิดที่ฉันรู้สึกถึงแต่ก็ไม่ได้สนใจมันแต่อย่างใด “จอร์เจีย!” นั่นแหละที่พาลทำให้ทุกการกระทำของฉันหยุดชะงักลง ฉันหันหลังกลับไปหาเธอคนนั้นที่จ้องมองกันด้วยแววตาแดงก่ำที่แฝงเต็มไปด้วยความเศร้าหมองผสมไปกับความมึนงงถึงขีดสุด ก่อนที่ฉันจะดึงแขนเธอออกไปจากที่ตรงนั้นและไปหยุดยืนอยู่ทางด้านหลังของโรงเรียน โดยที่ฉันเองก็พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองไปด้วย “ทำไมต้องทำแบบนั้น?” เราเงียบกันนานหลายนาทีจนเป็นเจ้าหล่อนที่เอ่ยถามให้ฉันหันไปสบมองใบหน้าของคนพูดในทันใด “ทั้ง ๆ ที่เธอควรจะพูดเยาะเย้ยฉันเสียมากกว่า” และเจ้าหล่อนก็น้ำตาไหลพรากออกมาอีกครั้งให้ฉันผวาตัวเข้าไปดึงเจ้าหล่อนมาโอบกอดเอาไว้อย่างต้องการที่จะปลอบประโลม โดยไร้ซึ่งทิฐิใด ๆ ที่อยู่ในใจ... “เอาไว้สู้อย่างเป็นธรรมตอนที่สภาพจิตใจของเธอเต็มร้อยดีกว่า…” เจ้าหล่อนผละใบหน้าออกจากอกอุ่น...และเงยหน้าขึ้นสบมองกันด้วยแววตาที่เปลี่ยนผัน “ยังไงซะฉันน่ะ…” เปลี่ยนผันไปเสียจน...คนที่ได้สบมองอย่างฉันยังยกยิ้มให้กับแววตาที่แสนอ่อนโยนของคนตรงหน้า “ก็คงจะเป็นยัยเลสเบี้ยนโรคจิตที่เธอชอบเรียกอยู่วันยังค่ำ” แววตาที่ฉันก็ไม่เคยได้รับมันมาก่อน...ตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับเธอมาตลอดระยะเวลากว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ “ฉันไม่ซ้ำเติมคนที่กำลังอ่อนแอหรอกนะ…เกรซ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD