Chapter 6 ขอพี่อีกครั้ง

2579 Words
Chapter 6 ขอพี่อีกครั้ง กลางพงพนาอันน่าครั่นคร้าม เมื่อความมืดโรยตัวมาห่มคลุมผืนป่า ความเงียบงันก็ฉายแสง มีเพียงเสียงสายน้ำไหลเซาะโขดหิน ราวนักดนตรีกลางคืนกำลังวาดลีลากล่อมนักท่องราตรีให้เพลิดเพลินไปกับเสียงอันรื่นหู...ตรงที่นั่งเล่นริมลำธาร ใครบางคนกำลังนั่งล้อมวงสนทนากันอย่างออกรส กลางวงคืออาหารและเครื่องดื่มสำหรับราตรีนี้ที่ยังอีกยาวไกล "พลอยบอกกูแบบนั้นว่ะ" เสียงดังมาจากแดนดิน จนพัทธดนย์และนาวินมองหน้ากัน "มึงก็เลยไม่แจ้งตำรวจ" "เออ เพราะเธอขอไว้" "ไอ้ช้าง ไอ้บ้า นายนี่ขยันหาเหาใส่หัวตัวเองจริง ๆ ถ้านายโดนข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวขึ้นมาล่ะจะทำยังไง" พัทธดนย์อดห่วงไม่ได้ เพียงเพราะเหตุผลว่าพลอยไพลินกลัวไม่ปลอดภัย เพราะหล่อนถูกตามล่าจากคนกลุ่มหนึ่ง แดนดินจึงให้ที่พักพิงแก่หล่อนเพื่อใช้ซ่อนตัว "ว่าแต่ เธอจะใช่น้องสาวคุณใหม่หรือเปล่านะ" นาวินเอ่ยขึ้น แต่ใจเขาเอนเอียงไปทางใช่มากกว่า และพัทธดนย์ก็ช่วยสนับสนุนความคิด "ที่นายบอกว่าพ่อแม่เธอก็หายไปยังไม่รู้ชะตากรรม มันตรงกับข้อมูลของคุณใหม่พอดี ฉันว่านะ นายขังน้องคุณใหม่ไว้จริง ๆ แล้วว่ะไอ้ช้าง" "ถ้าใช่ พวกนายไม่คิดว่ามันแปลก ๆ เหรอวะ คิดสิ ทำไมพลอยถึงไม่อยากกลับบ้าน" "นายกำลังจะบอกว่าบ้านไม่ใช่เซฟโซนงั้นเหรอ" "ใช่ บางทีเรื่องนี้คนใกล้ตัวน่ะอาจไว้ใจไม่ได้" "ไอ้ช้าง นายกำลังใส่ร้ายพี่น้องเขานะเว้ย" แดนดินมองหน้าพัทธดนย์กับนาวินสลับกันไปมา "ไม่ได้ใส่ร้าย แต่มันน่าแปลกที่พลอยถูกตามเก็บตอนกลับมาจากต่างประเทศพอดี" พัทธดนย์มองหน้านาวิน "เอาไงดีวะไอ้วิน สรุปเราจะร่วมขบวนไปกับไอ้ช้าง หรือบอกคุณใหม่ว่าเจอผู้หญิงต้องสงสัยว่าจะเป็นน้องสาวของเธอแล้ว" นาวินยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ ก่อนถอนหายใจ "ถ้ามันถึงขั้นเอากันถึงตาย ฉันว่านะ...ปิดเป็นความลับไปก่อนดีกว่า" พัทธดนย์มีท่าทีครุ่นคิด ในขณะที่กำลังชั่งใจ แดนดินก็เอ่ยแทรก "พูดก็พูดเถอะ มันธุระอะไรของนาย ที่ต้องตามหาคนหายให้เพื่อนร่วมงานน่ะฮึ มันมีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า เป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันจริงใช่มั้ย" คนฟังแทบบ้วนน้ำกลับแก้ว เมื่อถูกถามแบบจับผิด "ไม่มีอะไรจริง ๆ ฉันแค่เห็นนายซ่อนผู้หญิงไว้ เลยลองมาดูเผื่อจะใช่น้องสาวคุณใหม่ แต่ฉันเปลี่ยนใจล่ะ เอาเป็นว่า ฉันจะไม่บอกใครเรื่องที่พลอยอยู่ที่นี่" "ดีแล้ว เรามาช่วยกันสืบดีกว่าว่ากลุ่มคนที่ตามเอาชีวิตพลอยและพ่อแม่ของเธอเป็นใคร" "อืม..." ทั้งสามนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเวลาล่วงผ่านไปเกินครึ่งคืน เมื่อความเย็นทาบทาไปทั่วร่าง จึงต่างแยกย้ายกัน ไปนอนยังที่เจ้าบ้านได้จัดเตรียมเอาไว้ให้ ในห้องนอนที่ปิดไฟจนมืดทึบแทบมองอะไรไม่เห็น เปมนีย์ต้องสะดุ้งจนสุดตัว เมื่อรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เย็นเยียบแตะเข้าที่เอวคอดกิ่ว มันมาพร้อมกับกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ลอยระเรี่ยอยู่ใกล้ใบหน้า มีคนเดียวที่จะทำแบบนี้ได้ หล่อนเอี้ยวหน้าไปกระซิบกระซาบ "พี่แสน! ทำไมไม่นอนกับพี่วิน เดี๋ยวก็ความแตกกันพอดี" "หืมมมม...ที่นี่ที่หนายเหรอ" พัทธดนย์แสร้งทำเป็นเมามายไม่ได้สติ เขาทิ้งร่างหนัก ๆ ลงนอนบนเตียง แขนก็รั้งร่างนุ่ม ๆ ที่นอนตะแคงหันหลังให้ขยับมาแนบชิดอกแกร่ง "พี่แสน ออกไปเลย" เปมนีย์พยายามแกะท่อนแขนแกร่งออกจากตัว แต่เขายิ่งรัดแน่นราวงูรัดเหยื่อ หล่อนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นซ่านที่เป่ารดต้นคอ แม้จะพยายามดิ้นหนี แต่เขาก็ไม่หืออือด้วยเลยสักนิด "พี่แสน อย่าลืมสิคะ ยังไม่มีใครรู้เรื่องเราสองคนนะ พี่จะทำเรี่ยราดแบบนี้ไม่ได้" "จะยากอะไร ก็ทำให้รู้ไปเลยสิ จะปิดทำไม โต ๆ กันแล้ว" เสียงนั้นดังอู้อี้อยู่ข้างซอกคอคนที่นอนเกร็งอยู่ในอ้อมกอดอุ่น เปมนีย์ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ซุกกายอยู่ใต้ปีกอันอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศเหน็บหนาวที่ทาบทาไปทั่วร่าง...แต่มันติดที่ว่าเรื่องสัมพันธ์รักลึกซึ้งระหว่างเธอกับเขานั้นยังไม่มีใครรู้ แม้กระทั่งพี่ชายของเธอ "หนาวจังว่ามั้ย" เสียงกระซิบมาพร้อมมือไม้ที่เริ่มไต่ไปทั่ว "อือฮึ หนะ หนาว" "หาอะไรทำแก้หนาวกันดีกว่ามั้ย โอกาสเป็นของเราแล้ว" "ของพี่คนเดียวเถอะค่ะ อย่ามามั่วนิ่มนะ!" "แล้วเธอคิดว่าจะรอดไปได้หรือเปล่า...หืม..." ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ เปมนีย์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ หล่อนยังกล้า ๆ กลัว ๆ กับสัมพันธ์รักลึกซึ้งที่จะเกิดขึ้นอีกและดูท่าว่าเขาจะหน้าด้านจับหล่อนกดเพื่อเล่นกิจกรรมบนเตียงในคืนนี้อย่างแน่นอน "พะ พี่แสนจะทำอะไรคะ!" "ไม่ต้องกลัวนะที่รัก พี่จะทำเบา ๆ เธอก็อย่าร้องดังไป ไอ้ช้างไอ้วินเมาคอพับ มันไม่ได้ยินเสียงเราสองคนหรอก" "ดะ เดี๋ยวค่ะ! พี่แสนพูดเองเออเองทั้งนั้น ลูกปลายังไม่ตกลงเลยนะ" หล่อนดิ้นขลุกขลัก เมื่อเขาจับร่างของตนนอนหงาย แล้วขยับร่างหนักมาคร่อมทาบทับเอาไว้ จนหล่อนอดคิดไม่ได้ว่าเมาจริงหรือเมาดิบ เพราะแรงคนเมานั้นเยอะเหลือเกิน เปมนีย์ส่ายหน้าหนีเมื่อคนบนร่างซุกหน้าเข้าหาซอกคออุ่น ไรหนวดครูดถูไถไปตามผิวเนื้อนุ่มจนขนอ่อนบนกายสาวพร้อมใจกันลุกเกรียวเพราะความเสียวสะท้าน คราวนี้หล่อนไม่ได้เมาจึงสัมผัสได้ทุกความรู้สึกที่ทาบทาไปทั่วร่าง...อา...ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการขัดขืนแบบพองาม มันดีเหลือเกินกับสัมผัสแบบคู่รักที่มาจากกายแกร่งรุ่มร้อน ใจที่เอนเอียงเริ่มหลอมละลาย นอนนิ่งทอดร่างให้เขาได้เชยชม เขาเหมือนปีศาจที่กำลังดูดวิญญาณของหล่อนออกจากร่าง ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืนจนต้องยอมจำนน สัมผัสจากริมฝีปากร้อนเหมือนพิษร้ายที่ซึมซาบไป ทุกอนูเนื้อ กายเปลือยเปล่านอนบิดไปมายามเขาย้ายปากจูบซับไปทั่วกายสาวที่อุ่นซ่านเพราะเลือดในกายที่พลุ่งพล่าน ใบหน้าสวยแหงนเงยหลับตาพริ้มเคลิ้มฝัน หากแต่ก็รับรู้ได้ว่าใบหน้าหล่อเหลากำลังเคลื่อนลงต่ำสู่กลางกาย หล่อนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อลมหายใจอุ่น ๆ เป่ารดเข้าหากลีบสวาทที่ปลายนิ้วแกร่งกรีดลากผ่านอย่างนิ่มนวลเพื่อสำรวจให้ลึกล้ำมากยิ่งขึ้น "อะ...อื๊อ..." เสียงเล็ดลอดดังแผ่ว ขณะที่แววตาเข้มจ้องมองกลีบเนื้ออวบอูมที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า เขาใช้ปลายนิ้วทั้งสองข้างแยกกลีบสวาทออกจากกัน ก่อนก้มหน้าลงต่ำซุกเข้าหาความหอมหวานที่แทรกซึมอยู่ใต้กลีบดอกไม้แสนบอบบาง "อะ...อูยยย...พี่แสน...ซี๊ดดดด" หล่อนส่ายสะโพกไปตามจังหวะลิ้นร้อนที่ลากขึ้นลงอยู่ตรงรอยแยกชุ่มฉ่ำ บางคราเขาก็สอดลิ้นรุกล้ำเข้าร่อง หลืบแล้วควานลิ้นไปมาอย่างชาญเชี่ยว มันทำให้หล่อนเสียวสะท้านจนอารมณ์กระเจิดกระเจิง สองมือยื่นไปกดหัวเขาเอาไว้พร้อมกับร่อนเอวเข้าหาลิ้นหฤหรรษ์ที่ทำให้หล่อนมีความสุขจนลืมสิ้นซึ่งทุกสิ่ง เสียงครางดังต่อเนื่องอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ห่มคลุมด้วยไอเย็น หล่อนเสพความสุขจากลิ้นและนิ้วชาญเชี่ยวที่สอดลึก จนไม่อาจควบคุมสิ่งใดได้อีก "อูยยยย...พี่แสน...อย่าหยุด! อย่า...อื๊อ...จะ...จะถึงแล้ว!" หล่อนละล่ำละลักหน้าแดงซ่าน กดหัวเขาพร้อมกับส่ายเอวระรัว ชายหนุ่มกดลิ้นหน่วงหนักลากขึ้นลงสลับกับวนไปมาอย่างเป็นจังหวะเพื่อช่วยส่งหล่อนไปสู่สวรรค์ที่มองเห็นอยู่รำไร "อ๊า!" หล่อนร้องออกมาอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว กายสาวกระตุกและเกร็งสั่นเมื่อทุกอย่างแตกซ่านคาลิ้นคาปากที่ยังคงตวัดระรัวเพื่อลองลิ้มรสชาติจากกายสาวที่ไหลหลั่งออกมาอย่างท่วมท้น หญิงสาวส่ายสะโพกหนีเมื่อรู้สึกเสียวซ่านจนแข้งขาอ่อนแรง หากแต่ก็ถูกสองมือใหญ่ตะปบและกดตรึงเอาไว้ ราวต้องการแกล้งให้หล่อนขาดใจตายเสียตรงนี้ "พี่แสน...อะ...อูย...มันเสียว" หล่อนผงกหัวขึ้นมอง แวบหนึ่งเขาเหลือบมองสบตาแล้วกระตุกยิ้มที่ยากจะคาดเดา สักพักคนตัวโตก็ยันกายลุกนั่งแล้วจัดการกับเสื้อผ้าตัวเอง ท่ามกลางสายตาจากเจ้าของร่างที่นอนหายใจรวยริน ท่ามกลางความสลัวแววตาซุกซนมองมือใหญ่ที่กำอยู่รอบท่อนเนื้อแข็งขึง เขาขยับมือขึ้นลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับสูดปากด้วยความกระสัน มันทำหล่อนอายจนต้องหลับตาหนี ไม่กล้าที่จะจ้องตาที่กรุ่นกระแสปรารถนาคู่นั้น ต้องสะดุ้งเบา ๆ เมื่อความแข็งขึงถูขึ้นลงตรงรอยแยกที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักก่อนหน้านั้น เขาจับสองขาเรียวพาดไว้บนท่อนแขนพร้อมกับออกแรงสอดลึกรุกล้ำเข้าสู่โพรงสวาทนุ่มหยุ่น...อา...หล่อนรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดเมื่อตัวตนของเขาแทรกเข้ามาจนแนบแน่นเชื่อมประสานเป็นหนึ่งเดียว มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก แต่มันวิเศษสุดยอดไปเลย สองแขนเรียวตวัดกอดเกี่ยวแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาโถมกายลงมาพร้อมกับสะโพกแกร่งที่ขยับอย่างหน่วงหนักราวรถบดที่ต้องการบดขยี้ทุกอย่างจนแหลกเป็นจุล ความหฤหรรษ์ทำให้หล่อนแอ่นสะโพกขึ้นสู้กับจังหวะกระแทกกระทั้นอย่างถึงพริกถึงขิง เหมือนเขาจะชอบไม่น้อยที่หล่อนไม่นอนแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ เสียงครางกระเส่าลอดผ่านริมฝีปากได้รูปอย่างต่อเนื่อง มาพร้อมลมหายใจฟืดฟาดร้อนรุ่ม แววตาของเขาลุกโชนราวไฟแผดเผา สองกายเปลือยเปล่ากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงกว้างจนแผ่นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามแรง ทว่าสองหนุ่มสาวหาได้ใส่ใจ สงครามรักยังคงดำเนินไปอย่างเมามัน ร่างหนักฟุบลงเข้าหาร่างนุ่มเมื่อสายความรักแตกซ่านพร้อมกัน เปมนีย์ยังคงกอดก่ายคนตัวโตเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่เต็มอิ่ม ความหวงแหนก่อตัวขึ้นในหัวใจสีชมพู ส่วนลึกร้องบอก หล่อนและเขาต่างเป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นเช่นไร หล่อนก็ต้องก้าวเดินต่อไปอย่างกล้าหาญ และหวังอยู่ลึก ๆ ว่า จะมีผู้ชายที่ชื่อพัทธดนย์เดินไปด้วยกันโดยไม่ทอดทิ้งหล่อนไว้กลางทาง เมื่อความมืดถูกแทนที่ด้วยแสงแดดอุ่น เสียงนกก็เริ่มขับขานถ้อยคำรักดังหวานแว่ว...ในห้องนอนที่ความเย็นลอยห่มคลุม คนบนเตียงรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาแล้วเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า ๆ เปมนีย์ขยับกายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกอึดอัดจากอ้อมกอดของใครสักคน หล่อนเอี้ยวหน้ามองคนที่กำลังหลับสนิท เขากอดเธอไว้ราวกลัวจะหนีหาย เนื้อแนบเนื้อบอกให้รู้ว่าทั้งเขาและเธอไม่ได้ใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว พวงแก้มสาวแดงซ่านเมื่อความทรงจำแสนหวานผุดขึ้นมา รอยยิ้มจาง ๆ ระบายเปื้อนหน้าที่ร้อนผ่าว หล่อนจะต้องรีบลุกไปใส่เสื้อผ้าก่อนเขาจะตื่นขึ้นมาแล้วต้องอับอายมากไปกว่านี้ คิดพลางค่อย ๆ จับท่อนแขนหนัก ๆ ยกขึ้น "อือออออ...เมียจ๋า..." เสียงครางในลำคอทำให้เปมนีย์ชะงักในสิ่งที่กำลังทำ หล่อนนิ่งกลั้นหายใจมองใบหน้าคมคร้ามอยู่สักพัก เขาก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา หญิงสาวลองอีกครั้ง คราวนี้คนตัวโตงัวเงียลืมตาตื่น พร้อมกระชับวงแขนแน่นมากขึ้น "ยังเช้าอยู่เลย จะรีบลุกไปไหน" "อ่า...เอ่อ...ลูกปลา...ลูกปลาจะไปใส่เสื้อผ้าค่ะ" เขายกผ้าห่มขึ้น แววตาเข้มไล่มองไปทั่วร่างเปลือย เปล่า รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดพราว "พี่ไม่ให้ใส่ มีอะไรไหม" "เดี๋ยวมีใครทะเล่อทะล่าเข้ามานะคะ ถ้าเขามาเคาะเรียกจะทำยังไง" "ถ้าไอ้ช้าง ไอ้วินมันจะเสียมารยาทขนาดนั้นก็ช่างหัวมันดิ แต่...ถ้าให้เดานะ ป่านนี้ยังไม่มีใครโงหัวขึ้นมาหรอก เมาเหมือนหมาขนาดนั้น" ชายหนุ่มหัวเราะตบท้าย ก่อนจะออกแรงกดให้อีกฝ่ายนอนลงตามเดิม "ปล่อยลูกปลาไปค่ะ ลูกปลาจะได้ไปเตรียมข้าวเช้าให้พวกพี่ไงคะ" คราวนี้เขาหัวเราะขบขันราวได้ฟังเรื่องตลก "อย่าเลยลูกปลา สงสารไอ้ช้างหากต้องเทกับข้าวทิ้งน่ะ" "พี่แสน!" "โอ๊ยยย...อูย" "นี่แน่ะ ว่าลูกปลาทำกับข้าวกินไม่ได้งั้นเหรอ" ชายหนุ่มชักแขนหนีเมื่อถูกหยิก ตามมาด้วยหมอนที่ฟาดมาตามเนื้อตัวอย่างไม่ยั้ง เสียงหัวร่อต่อกระซิกดังแว่วอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ด้านนอกโอบล้อมไปด้วยปืนป่าร่มครึ้ม ซึ่งสายน้ำยังคงไหลผ่านลงสู่ที่ราบอย่างไม่มีวันเหือดแห้ง กลิ่นหอมชวนให้หิวลอยมาตามลม พัทธดนย์เดินไปตามกลิ่นนั้น มันพาเขาไปจนพบกับหญิงสาวที่กำลังสาละวนอยู่หน้าเตา พลอยไพลินหันมามองราวมีเซ้นส์ หล่อนคลี่ยิ้มให้ชายหนุ่มที่เพิ่งรู้จัก พัทธดนย์ยิ้มตอบ "ทำอะไรกินเหรอครับ หอมไปไกลถึงกรุงเทพฯเลย" พลอยไพลินหน้าแดงและตอบว่า “ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งคะ พลอยทำกะหล่ำปลีผัดน้ำปลากับทอดหมู เผื่อใครอยากกินข้าวต้มร้อน ๆ ค่ะ” พัทธดนย์เดินเข้าไปเมียงมอง อีกฝ่ายกำลังตักผัดกะหล่ำปลีใส่จานพอดี และดูเหมือนงานในครัวจะเสร็จแล้ว เขาจึงถามเธอว่าอยากเดินเล่นไหม เธอก็ตอบตกลงที่จะไปเดินสูดอากาศยามเช้ากับเขา ทั้งสองเดินและพูดคุยกันเป็นเวลานาน เป็นเรื่องถึงความหวังและความฝันของพวกเขาในอนาคต เสียงหัวเราะจากการแบ่งปันเรื่องราวเมื่อครั้งยังเด็กดังเป็นระยะ ดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว ทั้งที่เพิ่งคุยกันจริงจังก็วันนี้ แดนดินจับตามองอยู่ไม่ไกล สายตาที่พลอยไพลินมองเพื่อนของเขาทำให้เขาสังเกตเห็นว่าเธอดูเหมือนจะให้ความสนใจกับเพื่อนของเขามากกว่าเขา อีกทั้งรอยยิ้มพิมพ์ใจนั่น ซึ่งทำให้ชายหนุ่มเริ่มคิดมาก ยอมรับว่าคิดไม่ซื่อกับหล่อนตั้งแต่แรกพบ กลัวเหลือเกิน กลัวว่าเสน่ห์ร้ายเหลือของพัทธดนย์จะล่อหลอกให้พลอยไพลินหลงเข้าไปติดกับดักได้อย่างง่ายดาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD