Chapter 4 หตุเกิดจากความเมา (2)

1820 Words
แสงแดดอ่อนจากข้างนอกช่วยขับให้ห้องสว่างขึ้น บนเตียงกว้างที่แสนสบายและส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ เปมนีย์พลิกกายเปลี่ยนท่าจากนอนตะแคงเป็นนอนหงาย เสียงเพลงที่ดังคลอเบา ๆ ดึงหล่อนขึ้นมาจากอาการง่วงงุน หล่อนฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ แววตาคู่สวยกลอกไปมายามมองเพดานแล้วตั้งสติไปพร้อมกัน พยายามคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน หล่อนกำลังงงว่านอนอยู่ที่ไหนกันแน่ “อูย…หนักหัวชะมัด” พึมพำออกมาเบา ๆ พร้อมมือที่ยกขึ้นกุมศีรษะยามที่กำลังหันมองไปรอบกาย ทว่าการตกแต่งที่แปลกไป มุมมองในห้องที่ไม่เหมือนเดิม อีกทั้งหมอนผ้าห่มที่ไม่คุ้นเคย ก็ทำให้แววตาที่กลอกไปมาหยุดนิ่ง หล่อนเบิกตากว้างค้างอยู่อย่างนั้นราวกำลังตั้งสติ ก่อนลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบกายอีกครั้งอย่างเลิ่กลั่ก “พี่แสน!” หล่อนเห็นหน้าพัทธดนย์ก่อนใคร แววตาที่เต็มไปด้วยคำถามมองคนที่ยืนเอาหลังพิงหน้าต่างบานกว้างที่รูดม่านจนเห็นสวนเขียวรื่นด้านนอก ในมือของเขาถือแก้วกาแฟที่ไอควันยังคงลอยกรุ่น แววตาเข้มมองมาพลางคลี่ยิ้มส่งมาให้ ก่อนเขาจะยกกาแฟดำขึ้นจิบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่หล่อนนั้นเลิ่กลั่กไปหมดแล้ว “ทะ…ที่นี่ที่ไหนเหรอคะ!” “ห้องนอนพี่ยังไงล่ะครับ" “หืม?" คนที่อยู่ในชุดลำลองตอบหน้าตาเฉย ด้านเปมนีย์พยายามประคองหัวที่หนักอึ้งไม่ให้โคลงเคลง ทั้งที่ความจริงแทบจะโค่นลงไปนอนตามเดิม คำตอบของเขาทำให้หล่อนใจหายวาบ พยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เกิดอะไรขึ้นกันแน่ “แล้วลูกปลามานอนห้องพี่แสนได้ยังไงคะ…บ้าจริง! ทำไมจำอะไรไม่ได้เลย” เขาหัวเราะเบา ๆ กับท่าทีเหมือนคนความจำเสื่อม มองหล่อนด้วยแววตาแปลกไปไม่เหมือนเดิม “เธอก็เดินตามพี่มาดี ๆ นั่นแหละ แล้วเราก็…นอนเตียงเดียวกันทั้งคืน” “หะ! ลูกปลาเดินเข้าห้องพี่แสนเองงั้นเหรอคะ” หล่อนเบิกตากว้างอ้าปากค้าง เขาพยักหน้าหงึกหงักทำแววตาจังจริง หญิงสาวคว้าหมอนมาปิดหน้าเมื่อนึกโกรธตัวเองที่ทำไมถึงเดินเข้าห้องผู้ชายง่าย ๆ และสัญชาตญาณบางอย่างก็ทำให้ต้องโยนหมอนไปข้างตัว ก่อนก้มลงมองตัวเอง “…..!” หล่อนยกผ้าห่มขึ้นแล้วก้มลงมองที่ท่อนล่าง ก่อนทำหน้าเหมือนถูกผีหลอก เมื่อได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้สวมอะไรเลย มีเพียงเสื้อนอนแขนยาวสีขาวตัวโคร่งที่คลุมท่อนบนเอาไว้ มือสั่น ๆ ยกขึ้นจับตรงสองเต้าอวบอิ่มแล้วลูบ ๆ คลำ ๆ อยู่สักพัก คนยังไม่สร่างเมาดีต้องใจหายวาบซ้ำสอง เมื่อพบว่าหล่อนโนบราทั้งล่างและบน ใบหน้าตื่นตะหนกหันไปมองคนที่ยังยืนจิบกาแฟอย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ทะ…ทำไมลูกปลาถึงแต่งตัวแบบนี้คะ เสื้อใน กางเกงใน หะ…หายไปไหนหมด!” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก เขาวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะ ก่อนก้มลงหยิบบางอย่างที่กองอยู่บนพื้น “ขอโทษนะที่รัก เธอคงใส่มันไม่ได้แล้วล่ะ” เขาชูแพนตี้ที่ขาดวิ่นขึ้นมาตรงหน้าคนที่ยังไม่สร่างเมา หล่อนมองมาพลางเบิกตากว้าง มันดูเหมือนเศษผ้ามากกว่าจะเคยเป็นกางเกงชั้นใน “ทะ…ทำไมมันขาดรุ่ยเลยล่ะคะ!” “ก็มันอยากเกะกะขวางทางดีนัก พี่เป็นคนฉีกมันเองแหละ” “หะ! อะไรนะ” “ขอโทษนะที่หนักมือไปหน่อย เดี๋ยวพี่ซื้อให้ใหม่สักสองโหลดีมั้ย เอาไว้เผื่อมันขาดอีก” “พี่แสน! พี่พูดอะไร” คราวนี้หล่อนกลัวจริง ๆ ใบหน้าสวยซีดเผือด ใจหายวาบลงไปกองอยู่ตาตุ่ม พยายามนึกจนปวดหัวจี๊ด ๆ ว่าเมื่อคืนทำอะไรลงไปบ้าง พัทธดนย์เดินเข้าไปนั่งลงบนเตียง เขาตวัดผ้าห่มออกจากร่างที่มีเพียงเสื้อของเขาปกปิดท่อนบนเอาไว้ ขณะที่เปมนีย์ทำท่ากระถดกายหนี หากแต่ก็ยังช้ากว่าสองแขนแกร่งที่ตัดร่างของหล่อนเข้าไปกอด แถมยังฝังจมูกลงบนแก้มนุ่ม ๆ แล้วสูดกลิ่นกายสาวเข้าปอดจนเนื้อแทบจะหลุดติดออกไปด้วย “จำไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหมว่าเมื่อคืนเรามีความสุขกันแค่ไหน” ในอ้อมกอดอุ่น หล่อนนั่งนิ่งกลอกตาไปมา ปะติดปะต่อเรื่องเข้าด้วยกัน จากคำพูดของเขา ประกอบกับสภาพของตน ทำให้เปมนีย์รู้แล้วว่า ต้องเผลอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาไปแล้วแน่นอน “หมะ..มันไม่จริงใช่มั้ยคะ!” หล่อนพยายามหลอกตัวเอง หากแต่เขาไม่ร่วมมือด้วยเลย “ตั้งสติหน่อยสิครับ เธอหนีความจริงไม่ได้หรอกลูกปลา” หล่อนหันหน้าไปหาเจ้าของอ้อมกอด แค่นหัวเราะทั้งที่ใจกำลังเต้นแรง “พี่แสนต้องอำกันแน่ ๆ จริง ๆ แล้วเราไม่ได้มีอะไรกันหรอก ใช่มั้ยคะ…” “…..” “ใช่มั้ย…คะ…” หล่อนสบตากับแววตาเข้มที่แปลกไปไม่เหมือนวันวาน เสียงหัวเราะเปลี่ยนเป็นยิ้มเจื่อน อยากให้เขาพูดมันออกมาตามที่ใจอยากให้เป็น แต่เขาก็ยังคงตอกย้ำ “เธอเป็นของพี่แล้ว นั่นคือความจริง” ‘บ้าจริง…ทำไมเธอใจง่ายขนาดนี้นะลูกปลา’ หล่อนนิ่งอึ้งเพราะกำลังช็อค เมื่อตั้งสติได้ก็พยายามบิดตัวเพื่อให้พ้นจากอ้อมกอด หากแต่เขากลับยิ่งออกแรงกอดรัดจนแน่นมากยิ่งขึ้น “งั้น…เราลืมเรื่องนี้ไปเถอะนะคะ ถือซะว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น เราต่างก็ทำลงไปเพราะความเมา พี่แสนก็เมามาก ลูกปลาจะไม่โกรธพี่เพราะพี่คงไม่รู้สึกตัว มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความรัก ฉะนั้น…เราไม่จำเป็นต้องสานสัมพันธ์เพื่อผูกมัดกันและกันหลังจากนี้” เหมือนเขาจะไม่พอใจกับถ้อยคำของหล่อน แรงช้างม้ากดคนในอ้อมกอดให้นอนตะแคงลงไป เขาโถมกายตามไปกักเอาไว้ไม่หล่อนลุกหนีไปได้ เสียงเข้มเข่นรอดไรฟัน “ไม่…พี่ไม่ได้เมา รู้ตัวดีว่าทำอะไรลงไป” “พี่แสนเมาค่ะ” เขาหัวเราะอยู่ในลำคอ ก่อนกระซิบชิดใบหูอ่อนนุ่ม “คนเมามันปลุกไม่ขึ้นหรอกที่รัก คนเมาที่ไหนจะเอาเธอจนเสร็จน่ะฮึ!” “พี่แสน! พูดอะไร” หล่อนดิ้นขลุกขลัก เขายิ่งออกแรงกด เอาขาขึ้นพาดท่อนขาเรียวเพื่อไม่ให้หล่อนขยับได้ “เธอพูดเหมือนไม่เสียดายในสิ่งที่เสียไปเลยนะ ทำไมเหรอ การยอมรับว่าเป็นเมียพี่มันจะทำให้เธอลงไปดิ้นตายหรือไง” “…..” “ว่าไงล่ะลูกปลา หรือเธอมีใครอยู่ในหัวใจแล้ว” “ลูกปลา…เอ่อ…” ความเงียบมาห่มคลุมนิ่งนาน จนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน มือใหญ่เคลื่อนไปทาบลงบนหลังมือเล็ก แล้วสอดประสานนิ้วเข้าหากัน ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบ “เราควรคุยกันถึงอนาคตอย่างจริงจัง เพราะว่า…เมื่อคืน…พี่ไม่ได้ป้องกันอะไรเลย” คราวนี้หล่อนตกใจอีกครั้ง เอี้ยวหน้าไปสบตาเขาด้วยแววตาเลิ่กลั่ก “อะ…อะไรนะคะ!” “พี่เสร็จข้างใน แล้วก็…ไม่ได้ใส่ถุงยางด้วย” “พี่แสน! ทำไมพี่เป็นคนแบบนี้ ทำไมไม่ป้องกันคะ ถ้าลูกปลาท้องจะทำยังไง” หล่อนทุบตีไปตามท่อนแขนแกร่งที่กอดรัดร่างตนเอาไว้ จนเขาต้องปราบพยศด้วยการจับสองแขนเรียวกดเอาไว้กับเตียง “พี่หาถุงยางไม่เจอ” “แล้วทำไมไม่ปล่อยข้างนอก” “เอาออกไม่ทัน” แววตาสั่นระริกมองใบหน้าคมคร้ามที่ทำทองไม่รู้ร้อน ทั้งที่หล่อนเครียดจนจะเป็นบ้า “พี่แสน! ลูกปลาไม่ตลกนะคะ” “ก็พี่เสร็จพร้อมเธอ แล้วเธอก็กดเอาไว้ไม่ให้พี่เอาออก” เขาโทษว่ามันคือความผิดของหล่อนเสียอย่างนั้น เปมนีย์รู้แล้วว่าการเกรี้ยวกราดทำอะไรเขาไม่ได้ จึงถอน หายใจยาวแล้วเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าจังจริง “งั้นพี่แสนต้องไปซื้อยาคุมมาให้ลูกปลากินค่ะ ไปตอนนี้เลยด้วย ก่อนจะไม่ทัน” “เธอจะฆ่าลูกพี่หรือไง” หล่อนแค่นหัวเราะราวได้ฟังเรื่องตลก เมื่อเขาทำเหมือนกับว่าทำหล่อนท้องไปแล้วจริง ๆ “ป่านนี้คงยังไม่เป็นตัวหรอกค่ะ เผลอ ๆ ลูกพี่แสนตายก่อนจะว่ายน้ำไปถึงด้วยซ้ำ” “เธอจะสบประมาทเกินไปแล้ว ลูกพี่อาจแข็งแรงกว่าที่เธอคิด แล้วเมื่อคืนก็ปล่อยไปตั้งเยอะ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะเข้าไปเจาะไข่เธอไม่ได้ ป่านนี้เธออาจท้องไปแล้วก็ได้ คิดให้ดีก่อนจะบอกว่าอย่ามาผูกพันกัน” เขาขู่ฟ่อ ยกเหตุผลร้อยแปด จนเปมนีย์ที่เครียด ๆ อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ปล่อยเยอะก็ไม่ได้หมายถึงคุณภาพ ถ้าเชื้อไม่แข็งแรงพอกี่ล้านตัวก็ตายค่ะ” “เธอรู้ไหม หากเทียบสัดส่วนของตัวอสุจิกับคนต่อความเร็วในการว่ายน้ำ มันสามารถว่ายน้ำได้เร็วพอ ๆ กับคนเลยนะ ป่านนี้ลูกพี่อาจเจาะเข้าไปในไข่ของเธอแล้วผสมกันเป็นตัวอ่อนแล้วก็ได้ ฉะนั้น เลิกพูดเรื่องกินยาคุมไปได้เลย” หล่อนหุบยิ้ม มองใบหน้าคมคร้ามด้วยแววตาขึงขัง “ไม่ ลูกปลาไม่พร้อม ไม่อยากท้องตอนนี้ด้วย” “แต่พี่พร้อม..พี่พร้อมเลี้ยงเธอกับลูก จะถนอมริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม ยกให้เป็นแม่ทูลหัว อยากได้อะไรก็จะหามาให้ ยกเว้นดาวกับเดือน ขอแค่เธอยอมตกลงคบกับพี่ในฐานะคนรัก ทำไมเหรอลูกปลา พี่ไม่ดีตรงไหน” แววตาสองคู่สบประสาน ก่อนที่หล่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าจังจริง “ลูกปลา…ไม่ได้รักพี่” “ลูกปลา…” เขามองแววตาที่สั่นระริก ในขณะที่เปมนีย์ใจสั่นกับการที่ต้องเอ่ยถ้อยคำย้อนแย้งความรู้สึก เพราะความกลัวที่ฝังใจ หล่อนกลัวความรัก กลัวการผิดหวัง กลัวการนอกใจ ไม่อยากมีอนาคตแบบพิมพ์ลดาและพี่ชายของตน “พี่แสนต้องเข้าใจนะคะ ลูกปลาไม่พร้อมมีใครทั้งนั้น และไม่อยากผูกมัดกับใครด้วย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD