ศิลาดลไม่ยอมให้เรื่องนี้ต้องค้างคา เขาเริ่มขยับเริ่มเล้าโลมและผ่อนปรนทุกแรงให้เบาลง ทุกอย่างเริ่มเข้าที่ สีหน้าของบุญสิตาเริ่มดูผ่อนคลายขึ้น เจ้าของร่างใหญ่ก็จับสะโพกของหญิงสาวเอาไว้มั่น แล้วพุ่งเข้าใส่แบบคนต้องการสานต่อให้ถึงจุดหมาย บุญสิตาแทบจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ไม่อยู่ ทำได้แค่ครางผะแผ่วออกมาระบายความรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว ห้องไม่ได้เก็บเสียงเธอเกรงว่ายายจะได้ยิน
ทุกอย่างหมุนคว้างไปรอบตัว เหมือนถูกจับโยนขึ้นที่สูงแล้วถูกปล่อยให้หล่นลงแบบเร็วๆ สองมือกอดรัดแผ่นหลังของเขาเอาไว้แน่น เนื้อแนบเนื้อทุกสัดส่วนแลกเหงื่อกันทุกหยาด กว่าที่ศิลาดลจะระรัวสะโพกให้เร็วขึ้นแล้วร่างชื้นเหงื่อของเขาก็กระตุกถี่ๆ ก่อนจะหยุดแช่นิ่งภายในตัวของเธอ
“อา...” หญิงสาวได้ยินเสียงเขาระบายลมหายใจออกทางปาก แล้วด้านล่างก็เปียกชุ่มไปด้วยความปรารถนาที่ได้รับการปลดปล่อย
เมื่อทุกอย่างเริ่มเป็นปกติ เธอก็พลิกตัวหันหนีไปอีกข้าง ไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาที่พังครืนลงมาได้ หมดแล้วสิ่งที่หวงแหนมาทั้งชีวิต ถูกเขาพรากไปเสียแล้ว คนสูญเสียความสาวไปหมาดๆ นอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนฟูก โดยมีเขานอนมองเพดานบ้านอยู่ด้านข้าง
ศิลาดลหันมาหาคนที่ตนเพิ่งได้สัมผัสมาทุกอณูเนื้อบนเรือนร่าง เขายอมรับว่าบุญสิตาทั้งสาวทั้งสวยและเต่งตึงไปเสียทุกส่วน ที่สำคัญยังสดยังซิง เป็นเรื่องที่เขานึกไม่ถึงเลยจริงๆ
“จะร้องไห้ทำไมคนสวย แค่มีผัวเป็นตัวเป็นตนจริงๆ แล้วเท่านั้นเอง” เขาพูดแล้วเกยคางบนหัวไหล่ของหญิงสาว
“บอกพี่มาตรงๆ ซิ ว่าไอ้ผัวนักเลงนั่นมันเป็นใคร ทำไมกล้าพูดว่าเป็นผัวหนูบุญ” คนพูดจูบหัวไหล่เนียนนุ่มแล้วดันตัวของอีกคนให้หันเข้าหาตัวเอง ทั้งกอดทั้งจูบปลอบในคราวเดียวกัน แต่อีกคนก็ยังสะอึกสะอื้นไม่เลิก
“พอได้แล้วหนูบุญเลิกร้องไห้ได้แล้ว กะอีแค่เสียสาวให้พี่มันจำเป็นต้องร้องไห้ขนาดนี้เลยเหรอ มีแต่สาวๆ ยินดีจะให้พี่นอนด้วย” คนขี้โม้จงใจตอกย้ำ แล้วดันปลายคางของบุญสิตาขึ้นมองสำรวจความบอบช้ำในดวงตาคู่สวยตรงหน้า
“ยายศรีจันทร์จะด่าพี่ไหมเนี่ย ทำหลานสาวคนสวยตาบวมฉึ่งขนาดนี้”
“คุณกลับไปได้แล้ว” หญิงสาวบอกเขาเสียงเครือ
“เสร็จสมอารมณ์หมายก็จะไล่กันเลยเหรอหนูบุญ ว่าแต่ให้เรียกพี่ศิลายังมาเรียกคุณอีกนะเดี๋ยวก็ถูกทำโทษหรอก” บุญสิตาได้ยินแล้วก็กลอกตาไปด้านข้างอย่างเจ็บใจ
“ว่าไงยังไม่ตอบพี่เลยว่าทำไมไอ้นักเลงนั่นถึงมาประกาศปาวๆ ว่าหนูบุญเป็นเมียมัน” ถามแล้วก็จูบซับน้ำตาให้ ใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าสวยให้มองตนเอง
“โอ๋เขาเป็นเพื่อนบุญเอง” ถ้าไม่ตอบเขาคงไม่ปล่อยเธอแน่
“แล้วที่พี่ถูกดักตีนี่เพราะหนูบุญใช่ไหมไปเรียกมา”
“ก็บุญคิดว่าคุณ เอ่อ พี่ศิลาเป็นพวกโรคจิตมาแอบตามบุญนี่ก็เลยไปบอกให้โอ๋ช่วย แต่ไม่คิดว่าโอ๋จะไปบอกว่าเป็นผัวบุญแล้วก็ทำร้ายพี่ศิลาอีก” ท้ายประโยคอ่อนเบาแบบกระดากอาย
“นี่ถ้าตารู้ว่าหลานชายคนโปรดถูกลอบทำร้ายนะ ไอ้ผัวกำมะลอของหนูบุญกระอักเลือดแน่”
“อย่าไปบอกกำนันนะ บุญขอโทษบุญไม่รู้นี่ โอ๋ไม่ผิดบุญผิดเอง” คนกลัวเพื่อนถูกเอาเรื่องรีบยอมรับผิดเสียเอง
“ออกหน้ารับแทนเชียวนะ มันน่านัก” ศิลาดลเข่นเขี้ยวใส่คนในอ้อมกอด ทั้งเย่อหยิ่งทั้งแสบนัก กล้าให้เพื่อนมาลอบทำร้ายเขา อะไรจะเล่นตัวหนักขนาดนี้แม่คุณ
“หนูบุญต่อไปนี้ถ้าพี่มาที่นี่รู้ใช่ไหมว่าหนูบุญต้องทำยังไง” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบใบหน้าเฉยเมยใส่ แววตาเย็นชาจนอีกคนสะท้านไปทั้งทรวง
“ค่ะ”
“ดี รู้หน้าที่ก็ดีจะได้ไม่ต้องย้ำกันบ่อยๆ วันนี้พอแค่นี้ก่อนพี่จะกลับบ้านแล้ว” บุญสิตาได้ยินแล้วก็กลืนน้ำลายลงคอแบบหนืดๆ เขาเหมือนไม่สนใจไยดีต่อความสาวที่เธอเสียไป
หญิงสาวดึงผ้าห่มมาห่อตัวไว้มองดูคนตัวเปล่าควานหาเสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาใส่ นี่ไอ้โรคจิตไม่กี่วันก่อนกลายมาเป็นคนที่เธอต้องยอมให้เขาบุกถึงห้องนอนแบบนี้เหรอ
“เอ้า ของหนูบุญ” กางเกงในของเธอลอยละลิ่วมาหล่นตรงหน้า
“นี่ด้วย” ตามด้วยเสื้อชั้นในแล้วก็ชุดนอน
บุญสิตาพยายามข่มความโกรธเอาไว้ในอก เขาจงใจทำให้เธอรู้สึกแย่ชัดๆ กระนั้นเจ้าของห้องก็ยังพยายามสวมใส่เสื้อผ้าของตัวเอง อาการเคล็ดยอกเจ็บไปทั้งตัวทำให้ต้องค่อยๆ สวมใส่ทีละชิ้นอย่างระมัดระวัง
ศิลาดลสวมเข็มขัดไปตาก็มองคนที่กำลังติดตะขอเสื้อชั้นในของตัวเองไปด้วย ความรู้สึกของคนชนะมันช่างหอมหวานเสียจริงๆ เขาสวมทุกอย่างเสร็จพร้อมๆ กับบุญสิตาที่ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายพอดี
“ไปส่งพี่หน่อยสิหนูบุญ” คนได้ยินอ้าปากจะปฏิเสธแต่พอเจอสายตาแข็งๆ ของเขาเข้าก็ต้องลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างจำยอม
ศิลาดลเดินอยู่ด้านหลังของหญิงสาว เขาสังเกตเห็นว่าบุญสิตาเดินแบบเบาๆ คล้ายย่อง เหมือนจะเจ็บ ใช่ ต้องเจ็บแน่ๆ เขายิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ได้กลายเป็นผู้ชายคนแรกของหญิงสาว ครั้นเดินลงมาด้านล่างทั้งคู่ก็ต้องอึ้งไปอีกรอบ ยายศรีจันทร์ยังนั่งอยู่ตรงเก้าอี้เปิดทีวีไว้เป็นเพื่อน พอเห็นทั้งคู่เดินลงมาหญิงชราก็รีบลุกแล้วปรี่ไปหาหลานสาวในทันที
“บุญเป็นไงบ้างลูก” ลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ แล้วจับเนื้อจับตัวเหมือนกำลังหาสิ่งผิดปกติบนร่างกาย ศิลาดลเห็นแล้วก็เกิดละอายขึ้นมา
“ยายครับผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับ”
“อืม”
“ไปนะครับ” ศิลาดลยกมือขึ้นไหว้ยายศรีจันทร์แล้วหันไปมองคนเป็นหลาน ส่งสายตาประมาณว่าให้ไปส่งเขาที่รถด้วย แล้วเดินออกจากบ้านไปก่อนพร้อมกับหยุดอยู่ที่รถของตนเอง ยืนรอว่าเมื่อไหร่สาวเจ้าจะออกมาส่ง
“ยายขึ้นนอนได้แล้วบุญไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวบุญไปส่งพี่ศิลาก่อนนะ” รอยยิ้มฝืนๆ ส่งให้ผู้เป็นยาย ก่อนจะลูบหลังมือท่านเบาๆ ดูแล้วถ้าเธอไม่ออกไปส่ง คนเจ้าเล่ห์ก็คงจะไม่ยอมกลับบ้านง่ายๆ แน่
“แน่ใจนะบุญ”
“แน่ใจสิยาย”
“ยายรอบุญก่อนแล้วกันไปส่งพี่เขาก่อนค่อยเข้านอนพร้อมกันนะ” ยายศรีจันทร์นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอหลานสาวกลับเข้าบ้าน
บุญสิตาเห็นแล้วก็ยิ้มอ่อนๆ ให้ท่าน เพราะห่วงท่านจึงทำเช่นนี้ หญิงสาวถอนหายใจเมื่อคนที่ยืนอยู่ตรงรถไม่ได้คิดจะขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับ บอกเป็นนัยว่าถ้าเธอไม่ไปส่งเขาก็ไม่ขึ้นรถเหมือนกัน
“กว่าจะออกมาได้นี่จงใจให้พี่รอใช่ไหมหนูบุญ” เขาต่อว่าทันทีที่บุญสิตาเดินเข้าไปหาใกล้ๆ
“บุญคุยกับยายอยู่”
“มานี่สิ” เขาดึงท่อนแขนของหญิงสาวให้เข้ามาใกล้ๆ ไล้ปลายนิ้วบนพวงแก้มนุ่มอย่างเบามือ ก่อนจะทัดเส้นผมที่กระจายเต็มกรอบหน้าไว้ข้างหู
“หัวยุ่งหมดรู้ไหม ยายคงคิดว่าพี่รุนแรงกับหนูบุญแน่เลย” พูดแล้วก็ดึงอีกคนเข้ามากอด ศิลาดลสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนในร่างกายที่ตนสวมกอดอยู่ เขาดันร่างของบุญสิตาออกแล้วตรึงท้ายทอยเอาไว้มั่น แนบริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มอย่างหนักหน่วง
“อื้อ!”
“อย่าดิ้นจูบแค่นี้เอง”
“ยายรอบุญอยู่ในบ้าน” ศิลาดลชะโงกหน้ามองไปตรงประตูบ้าน
“ยายปิดประตูไม่เห็นหรอก ขอพี่จูบก่อนกลับนะหนูบุญ” เขาเกลี่ยริมฝีปากเล่นไปมาแล้วแนบจูบลงไปอีกครั้ง เนิบนาบนุ่มนวล นานพอให้อิ่มหนำแก่ใจถึงได้ปล่อยมือจากหญิงสาว
“ไปเถอะส่งพี่แค่นี้พอ” อีกคนไม่ต้องรอยืนโบกมืออำลาเขา บุญสิตาแทบจะวิ่งกลับเข้าบ้านไปในทันที
ศิลาดลเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง แล้วมองประตูบ้านของบุญสิตาแบบคนอิ่มใจ นึกขอบคุณผู้เป็นตาขึ้นมาที่ทำให้เขาได้ครอบครองสาวสวยคนนี้แบบง่ายดาย ซ้ำยังเป็นคนที่เขาถูกใจตั้งแต่แรกพบเสียอีก ไม่ต้องเสียเวลาตามจีบให้ยุ่งยาก แบบนี้สิเขาชอบ