6
หาที่ระบาย
ยายศรีจันทร์รีบเปิดประตูออกมาดูว่ารถของใครแล่นเข้ามาจอดตรงลานหน้าบ้าน ก่อนจะอ้าปากนิดๆ เพราะไม่คิดว่าหลานชายกำนันสมบูรณ์จะมาหาตอนมืดค่ำแบบนี้ ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือมาในสภาพที่เหมือนถูกใครกระทืบมาอีกด้วย
“สวัสดีครับยาย” ศิลาดลยกมือขึ้นไหว้เจ้าของบ้าน
“คุณศิลามาหายายทำไมมืดๆ ค่ำๆ แบบนี้ แล้วนั่นหน้าไปโดนอะไรมาล่ะ”
“มีเรื่องนิดหน่อยครับยาย แต่ผมไม่ได้มาหายายนะ ผมมาหาหลานสาวของยาย” ศิลาดลพูดแล้วก็ดูท่าทีของยายศรีจันทร์ไปด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะตกใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ เหมือนคนกำลังทำความเข้าใจกับเรื่องนี้
“ตาบอกผมว่า เอ่อ ยายก็รู้ใช่ไหมครับว่าผมมาที่นี่ได้ ว่าแต่หลานสาวยายอยู่ไหนครับ” เขาถามหาคนที่ตาอยากให้เห็นหน้านัก อยากรู้เหมือนกันจะสวยสักแค่ไหนเชียว
“บุญมันเพิ่งอาบน้ำเสร็จขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อกี้นี้เอง”
“อาบน้ำเพิ่งเสร็จเหรอครับ งั้นดีเลย” เขายิ้มแบบมีความหมาย
“ดีอะไรล่ะคุณศิลา”
“ไม่มีอะไรครับ วานยายขึ้นไปบอกหลานสาวก่อนได้ไหมครับว่าผมมา ขึ้นไปแล้วจะได้ไม่ตกใจกัน” เขาพยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด ขอแค่นอนพักสักชั่วโมงสองชั่วโมงค่อยกลับบ้าน
“งั้นรอแป๊บหนึ่งนะ” ยายศรีจันทร์เริ่มเครียดกับเรื่องนี้ แต่ก็ยอมที่จะเดินขึ้นไปบนบ้านเพื่อบอกหลานสาวให้รับรู้
หญิงชราเคาะประตูห้องของหลานสาวก่อนจะเปิดเข้าไป เจ้าของห้องกำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง บุญสิตาหันมายิ้มให้ผู้เป็นยายแล้วเอ่ยถาม
“ใครมาจ๊ะยาย บุญได้ยินเสียงรถ” หญิงสาววางแปรงหวีผมลงบนโต๊ะระหว่างถาม ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อสีหน้าของผู้เป็นยายนั้นดูไม่ปกติเอาเสียเลย
“ยายใครมา” แทนที่ยายศรีจันทร์จะตอบในทันที แกกลับเดินเข้าไปจับมือหลานสาวทั้งสองข้าง
“บุญคนที่มาคือหลานชายกำนันสมบูรณ์”
“หือ ยายว่าใครมานะ”
“คุณศิลาหลานชายกำนันสมบูรณ์” ยายศรีจันทร์ย้ำคำพูดอีกรอบ ดูเหมือนหลานสาวของนางจะเซไปเซมาเหมือนคนคล้ายจะพยุงตัวเองไม่อยู่ คงกำลังอึ้งต่อเรื่องที่ได้ยินอยู่เป็นแน่แท้
“บุญทำใจนะลูก อย่าคิดมาก”
“หลานชายกำนันสมบูรณ์ เป็นไปได้ยังไง ก็ ก็เขามาอยู่ที่นี่จะเป็นเดือนแล้วไม่เคยแวะมาหาบุญเลยนี่ยาย แล้ว แล้วจู่ๆ เขาจะมาที่นี่ทำไม” บุญสิตาหายใจไม่ออกรู้สึกอึดอัดไปหมดในตอนนี้
“บุญเอ๊ย สักวันมันก็ต้องมาถึง เรื่องนี้เราก็รู้กันมาตั้งนานแล้วนี่ บุญก็เป็นคนเซ็นสัญญาในตอนนั้นด้วยจำได้ไหม”
“บุญจำได้สิยาย แต่บุญไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้นี่ยาย บุญจะทำยังไงดี”
“บุญฟังยายนะลูก อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเกิดนะลูก คุณศิลาเขาให้ยายขึ้นมาบอกบุญเพื่อที่บุญจะได้ไม่ตกใจตอนเขาขึ้นมา นั่นแสดงว่าเขาจะมาทวงสิ่งที่เป็นของเขา ยายก็ไม่รู้จะช่วยอะไรบุญได้แล้ว ยายขอโทษนะลูก” ยายศรีจันทร์น้ำตาคลอเบ้า คนเป็นหลานเห็นแล้วก็สะอื้นอยู่ในอก
“ยายไม่ต้องร้องไห้หรอกนะ ไม่ใช่ความผิดของยายหรออก บุญรู้แล้วบุญไม่เป็นไรยายลงไปเถอะ” บุญสิตาฝืนทำเป็นเข้มแข็งเพราะไม่อยากให้ยายต้องเห็นน้ำตาของเธอในตอนนี้
“คุณศิลาดูเขาเป็นคนดีนะบุญ” ก่อนออกจากห้องยายศรีจันทร์ก็ยังปลอบหลานด้วยถ้อยคำดีๆ
“จ้ะยาย” รอยยิ้มฝืนๆ นั่นแสดงออกมาแบบคนหัวใจแหลกลาญ
ยายศรีจันทร์ลงไปแล้วบุญสิตาก็นั่งอยู่บนฟูกหันหลังให้กับประตูห้องที่เปิดอ้าไว้นิดๆ น้ำตาก็หล่นอาบสองแก้มแบบคนทำใจไม่ได้ในเรื่องนี้ จู่ๆ เขาก็มาเธอยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย หนีจากคนโรคจิตก็ยังมาเจอกับเขาคนนี้ เสียงคนย่ำเท้าขึ้นมาบนพื้นทำให้หญิงสาวรีบยกหลังมือขึ้นปาดคราบน้ำตาออก นั่งลุ้นด้วยใจระทึกว่าเขาจะมาดีหรือร้าย
ก๊อกๆๆๆ เขาเคาะประตูทั้งที่มันเปิดอ้ารออยู่แล้ว ปัง ตามด้วยเสียงปิดประตูและลงกลอนเบาๆ เสียงฝีเท้าของเขาเดินตรงมาด้านหลังของเธอ แล้วทรุดตัวลงนั่งบนฟูกตัวเดียวกัน ยิ่งทำให้บุญสิตาต้องก้มหน้าด้วยความหวาดกลัว
“อย่าทำเหมือนผมจะฆ่าจะแกงคุณสิ” ‘เสียงนี้!’ บุญสิตาหันหลังกลับมามองเขาในทันที
“คุณ!/คุณ!” ต่างคนต่างชี้หน้ากันแบบเหวอๆ
บุญสิตามองเห็นร่องรอยการถูกทำร้ายบนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน หญิงสาวนึกขยาดอยู่ในอกเพราะรู้ว่าเป็นฝีมือของใคร ส่วนอีกคนนั้นก็กัดฟันกรอดๆ อย่างคนยังแค้นไม่เลิก
“คนสวยให้ผัวมาดักทำร้ายผมแบบนั้น ใจร้ายเกินไปไหม”
“ผัว?” หญิงสาวงุนงงอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา ไม่คิดว่าภากรจะกล้าแอบอ้างเป็นสามีของเธอได้
“ก็ใช่น่ะสิ ไอ้ผัวกับลูกสมุนอีกสองคนนั่น ผมเห็นนะพวกนั้นยืนคุยกับคุณที่ลานจอดรถ ที่แท้มีผัวแล้วก็ไม่บอก ไหนตาชมนักชมหนาว่าสวยอย่างโน้นสวยอย่างนี้ ที่สำคัญยังไม่มีแฟน อยากจะหัวเราะให้ฟันหักดันมีผัวเป็นตัวๆ มาเชียว” เขาโกรธขึ้นมาปุดๆ เพราะเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งตัวในเวลาเดียวกัน
“เอ่อ ไหนๆ คุณก็รู้แล้วว่าฉันแอบมีผัวไปแล้ว คุณก็อย่ามายุ่งกับฉันเลยนะ” บุญสิตาก็สวมรอยไปตามน้ำเผื่อเขาจะถือสาในเรื่องนี้ แต่ผิดคาดเพราะอีกคนนั้นแสยะยิ้มกลับคืนให้
“ผมไม่สนหรอกคุณว่าคุณจะมีผัวมาแล้วกี่คน ตอนนี้ผมแค่อยากหาที่ลง และคนคนนั้นก็ต้องเป็นคุณ คนที่ทำให้ผมต้องเจ็บตัวฟรีๆ แบบนี้นี่ไง” เขาชี้นิ้วใส่มุมปากที่ถูกต่อยจนแตกปริ
“จะบ้าเหรอ คุณจะมาลงอะไรกับฉัน กลับบ้านไปเลยคุณ ว้าย!” หญิงสาวกรีดเสียงร้องเมื่อถูกผลักจนหงายหลังลงบนฟูก พยายามจะดันตัวขึ้นมาแต่ก็ถูกเขาก้าวเข้ามาคร่อมแล้วผลักเธอแนบไปกับฟูกนอน
“กลับให้โง่น่ะสิ” ศิลาดลแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ เพราะอะไรน่ะหรือต่างฝ่ายต่างเข้าใจเป็นอย่างดี บุญสิตากัดปากแบบสั่นๆ โกรธเขาจนหน้างอหงิก
“ผมมีสิทธิ์” เขาเอ่ยต่ออย่างย่ามใจ
“ไม่!” บุญสิตาตะปบมือที่ยื่นมาแกะเม็ดกระดุมเสื้อนอนของตนเอง สีหน้ากึ่งโกรธกึ่งอายอธิบายไม่ถูกว่ารู้สึกเจ็บใจแค่ไหนในตอนนี้
“เอาน่าคุณ มีผัวมาแล้วผมก็ไม่ถือหรอก ไม่บอกตาด้วยว่าไม่ซิง” เขาพูดอย่างใจป้ำ เห็นหน้าคนโกรธแล้วนึกสนุกอย่างกลั่นแกล้งให้หนักมากกว่าเดิม
“นี่คุณฉันว่าเรามาคุยกันใหม่ดีไหม แบบว่าฉันขอผ่อนหนี้แทนได้ไหม” คนพูดพยายามดึงมือของเขาออกไปด้วย
“ตาของคุณใช้หนี้มาแล้วไม่มีผ่อน ไม่ได้อยู่ในข้อตกลง ผมว่าผมได้ยินตาบอกว่าคุณเซ็นชื่อรับรู้แล้วด้วยนะในกระดาษใช้หนี้เมื่อหลายปีก่อน”
“ก็ใช่ไง ตอนนั้นฉันยังเด็กยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยเซ็นไป ตอนนี้ฉันทำงานแล้วมีรายได้คุณน่าจะอนุโลมให้ฉันได้บ้างนะ”
“ก็อยากอยู่หรอกนะ แต่โมโหไอ้ผัวตัวดีของคุณที่ยกพวกมากระทืบผมนี่แหละ และถ้าเดาไม่ผิดก็คงจะตามคำบัญชาของคุณใช่ไหม”
“เปล่าสักหน่อย”
“ไม่ต้องมาไก๋ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณมีดีตรงไหนเหมือนกัน” เขามองต่ำลงไปเรื่อยๆ เหมือนกำลังประเมินค่าความงามบนเรือนร่าง บุญสิตาค้านไม่ออกเพราะความจริงก็รู้กันอยู่ว่าคืออะไร แม้จะทำใจเอาไว้ก่อนหน้าแต่พอมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเธอก็ผวาอยู่ไม่น้อย
“หรือคุณจะร้องให้ยายขึ้นมาช่วย” เขาเยาะแบบขำๆ