เสียงครางปนกับเสียงร้องขอให้เขาหยุดทำให้ใบหน้าคมค่อยๆผละออกจากร่องสวาทอันชุ่มฉ่ำ ร่างใหญ่วางขาสาวน้อยลงกับพื้นช้าๆก่อนที่เธออ่อนยวบฟุบลงนั่งกับพื้น
“ยังเทียน ไอ้โย่งของลุงยังไม่ได้กินน้ำเลย” เสียงเข้มดังขึ้น พรางจับร่างบางของสาวน้อยลุกขึ้นยืน เขาแกะผ้าขาวม้าที่มือเล็กให้เป็นอิสระ ก่อนจะจับร่างบางหันหน้าเข้าหาตัวเอาแขนเล็กที่คอหนา เรียวขาเล็กข้างหนึ่งถูกจับยกขึ้นเสมอเอว ท่อนเอ็นทะมึนยักษ์ถูกยัดอัดเข้าในรูแคบด้วยความยากลำบาก
อ้า~~
“จุก เทียนจุก”
ยังไม่ทันที่สาวน้อยจะปรับตัวเอวหนาก็กระหนำเด้งใส่จนร่างเล็กกระพือไปตามแรง
ตั่บๆ ตั่บๆ
เสียงท่อนเอ็นผลุดเข้าออกในรูแคบดังลั่นห้องถี่จนสาวน้อยหายใจหอบ ก่อนที่เธอจะถูกวางลงกับที่นอน เพราะขาเล็กอ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหว ปากหนาครอบงับเข้าที่เต้าอวบอีกครั้ง หัวมังกรถูตามร่องสวาทขึ้นลงเหมือนกำลังหยอกล้อก่อนจะกดหัวใหญ่ผ่านเข้าไปสำรวจในโพรงนิ่มอีกครั้ง ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเพราะความเสียวจนแทบขาดใจ
ปักๆ ปักๆ
เสียงกระแทกอัดแน่นจนร่างบางสะเทือนโยกขึ้นลงตามจังหวะ นิ้วเล็กจิกที่นอนถ่ายโอนความเสียวที่แล่นผ่านกายสาวอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่น เรียวขาขาวจะถูกจับพาดบ่าหนาทั้งสองข้าง ทั้งที่จุดเชื่อมยังเสียบคาอยู่
ตั่บๆตั่บๆ
อ้า~~
“เสียว ลุงขา เสียวหอ* ใจจะขาดแล้ว อ้า~”
“ตอดถี่ขนาดนี้ เอากี่ทีก็ไม่เบื่อ เมียจ๋า อ้าส์~~”
ตั่บๆ ตั่บๆ
เสียงสบทพร้อมเสียงครางไม่เป็นภาษาของคนทั้งคู่ดังกึกก้องอยู่ภายในบ้านหลังเล็ก ฟ้าเริ่มมืดลงตามแสงของดวงตะวันที่ลับปลายยอดไม้ แต่เงาของร่างดำทะมึนยังโหมเรี่ยวแรงของโคถึก เข้าหาสาวน้อยไม่หยุดยั้ง
มือเล็กเกาะที่หัวเตียง เข่าเล็กสองข้างแยกออกจากกัน ตรงกลางหว่างขาปลายลิ้นหนาของหนุ่มใหญ่กำลังตวัดเลียดูดกลืนน้ำหวานจากกลีบนวลสีหวานของร่างเล็ก
“แตก จะแตกอีกแล้ว อ้า~~”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง น้ำใสก็แตกกระจายฟุ้งเข้าเต็มหน้าของชายที่อ้าปากรอรับอยู่เบื้องล่างด้วยความเต็มใจ
แพล่บๆ แพล่บ
“น้ำเมียของลุงหวานจัง อ้าส์~”
เอวเล็กกระตุกใบหน้าบิดเบี้ยว ตอนนี้เธอแทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะเดินลงจากเตียง
“ลุงจ๋า เทียนไม่ไหวแล้ว อ้า~”
แม้เสียงอ้อนวอนบอกว่าให้หยุด แต่เสียงครางก็ดังคลอมาเป็นระยะ เธอไม่คิดว่าหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบกว่าจะยังมีแรงคึกขนาดนี้
ร่างบางถูกจับยกลงมานั่งที่กลางตัว กระบอกสูบแรงม้าถูกจับยัดอัดเข้าไปในปล่องเสียวอีกครั้ง ก่อนที่เอวหนาจะเด้งสวนขึ้นจนคนตัวเล็กสะดุ้งแอ่นตามแรง พวงอกใหญ่กระเพื่อมตามแรงกระแทกขึ้นลง ก่อนที่มือสากจะบีบเค้นมันเอาไว้ ระบายความกระสันอย่างมันเขี้ยว
ปักๆปักๆ
จังหวะอัดสวนแรงและถี่ขึ้นจนร่างบางไม่อาจต้านความเสียวซ่านไว้ได้ เธอฟุบหน้าหาอกแกร่ง มือใหญ่บีบก้นขาวแรงก่อนที่ราวาขาวกลิ่นคาวจะอัดเข้าเต็มรูแคบของสาวน้อย
อ้าส์~~/อ้า~~
เสียงคำรามดังลั่นในความเงียบประสานกับเสียงครางหวานของสาวน้อย สองร่างเกร็งกระตุกโอบรัดกันแน่น แขนใหญ่บีบก้นมนขย้ำคลึงอยู่นาน ก่อนที่จะจับร่างที่นอนทับบนตัวให้ลงมานอนข้างๆแล้วโอบกอดเธอเข้าหาตัว
“เทียนอย่าทิ้งลุงไปไหนได้มั้ย” เสียงแห่บพร่าหายใจหอบพูดออกมาเบาๆ
“แล้วพี่ลำไยละ ลุงเชิดจะทำยังไง อีกอย่างเทียนก็เป็นหลานเราจะเป็นผัวเมียกันได้เหรอจ๊ะ”
“เรื่องของลำไย ลุงจัดการเอง ส่วนเรื่องลุงกับเทียนเราไม่ได้เป็นญาติกันจริงๆสักหน่อย”
“แต่คนอื่นไม่คิดแบบนั้นนี้จ๊ะ”
“ลุงจะแต่งงานกับเทียน ใครจะว่ายังไงก็ชั่ง”
“…”
ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขน หนุ่มใหญ่จับไหล่มนผละออก เพราะตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วทำให้ทุกอย่างมืดสนิท เขาลุกขึ้นเปิดไฟในห้องก่อนที่จะเดินกลับมาหาสาวน้อยที่นอนเปลือยกายอยู่
“แต่งตัวก่อนนะ เดี๋ยวลุงไปทำกับข้าวให้”
ใบหน้าหวานพยักหน้ารับ แต่ไม่ได้มองหน้าของคนตัวโต หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน คนตัวโตก็เดินเข้ามาตามสาวน้อยออกไปกินข้าว
“ลุงจ๋า”
“เรียกผัวหรือพี่ ไม่ได้เหรอ เรียกลุงฟังแล้วมันขัดใจยังไงไม่รู้”
“ก็เป็นลุงจริงๆนี้จ๊ะ”
“ลงสัยไม่ต้องกินข้าวแล้วมั้งต้องกินคว* จะได้เรียกผัวถูก” คำพูดเล่นแต่แฝงด้วยความจริงจังทำให้สาวน้อยยิ้มออกมาได้บ้าง แต่ไม่ทันกินข้าวอิ่ม แขกที่เขาไม่ได้เชิญก็มาเยือนถึงที่
“ไอ้เชิดๆ อยู่มั้ยวะ กูมีเรื่องจะคุยด้วย” เสียงตะโกนโหวกเวกอยู่หน้าบ้านทำให้ชายร่างใหญ่ลุกจากวงกินข้าวเดินออกไปดู
กลุ่มคนสองสามคนยืนอยู่นอกรั้วไม้ไผ่ ที่ฝั่งหลุมไว้พอให้รู้ว่าเป็นอาณาเขตเท่านั้น ไม่ได้มีความมิดชิดหรือป้องกันอะไร แต่เพราะเป็นยามวิกาลการที่จะเข้าบ้านของคนอื่น จึงจำเป็นต้องยืนรออยู่ด้านนอกก่อนเพื่อรอให้เจ้าบ้านอนุญาต
“จ้ะ ลุงบุญ เข้ามาก่อนสิ”
หลังสิ้นคำเชิญกลุ่มคนที่ยืนอยู่ด้านนอกก็เดินฝ่าความมืดเข้ามา หลังทุกคนนั่งลงรอบวงสนทนา น้ำดื่มในขันสีเงินถูกยกออกมาวางให้กลุ่มชายสูงอายุแสดงถึงการมีน้ำใจของเจ้าบ้าน
“ลุงมาหาฉันมืดค่ำแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”
“อืม ข้ารู้ว่าอีลำไยมันชอบเอ็งมานาน แล้วข้าก็มองออกว่าเอ็งไม่มีใจให้มันสักนิด แต่วันนี้มันบอกว่าเอ็งกับมันได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้ว ข้าก็เลยจะมาคุยกับเอ็งว่ามันจริงอย่างที่อีลำไยมันพูดมั้ย”
ชายผมขาวพูดเปิดประเด็นด้วยใบหน้าหดหู่
“ที่พวกข้ามาวันนี้ ก็เพื่อมาเป็นพยานให้เอ็งด้วยนะไอ้เชิด” เสียงชายอีกคนที่นั่งอยู่พูดแทรกขึ้น
“ขอบคุณจ้ะ พ่อผู้ใหญ่ ฉันเองในฐานะที่เป็นลูกผู้ชาย ฉันอยากบอกพ่อผู้ใหญ่ อบต. แล้วก็ลุงบุญไว้ตรงนี้ ว่าทุกอย่างที่ลำไยมันพูดคือความจริง”
ชายมีอายุทั้งสามคนหันมองหน้ากัน แสดงอาการตกใจเล็กน้อย แต่แล้วลุงบุญก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยสีหน้าดีใจ
“ดี ถ้าเอ็งรับข้าก็ไม่ว่าอะไร ดีซะอีกข้าก็อยากได้ลูกเขยที่ขยันทำมาหากินเก่ง เรื่องสินสอดทองหมั้น อย่าไปพูดถึง ข้าไม่เอา ฮ่าๆ”
“งั้นก็หาฤกษ์ หายาม ผูกข้อไม้ข้อมือซะนะลุง เดียวฉันเป็นแม่งานให้” ชายที่รับตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านพูดเสริม
“เดี๋ยวก่อนจ้ะ ฉันคงรับผิดชอบลำไยไม่ได้”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ฉันมีเมียอยู่แล้ว ที่สำคัญลำไยมันยั่วฉันเองแล้วที่เอากับมันฉันมั่นใจว่ามันไม่ท้องแน่ๆ”
“บ๊ะ! ไอ้เชิด มึงจะมากินลูกสาวกูฟรีๆงั้นหรอ” ตาบุญลุกขึ้นยืนใบหน้าแดงก่ำ โดยมีชายอีกสองคนจับแขนปรามอยู่ข้างๆ
“ใจเย็นก่อนลุง ฟังมันก่อน”
“แล้วไหนเมียเอ็ง ตั้งแต่อีขวัญหนีไปมีผัว กูก็ไม่เคยเห็นมึงมีเมียเลย” ผู้ใหญ่เอ่ยถามอย่างสงสัย
“ฉันมีก็แล้วกัน แต่ถ้าลุงอยากให้ลูกเป็นเมียน้อยฉันก็ไม่ว่านะ”
“มึงชักจะดูถูกลูกสาวกูเกินไปแล้วนะ”
“ฉันยอมจ้ะพ่อ เมียน้อยก็ได้ฉันไม่ถือ” เสียงของหญิงสาวที่เดินขึ้นมาบนบ้านพูดเสียงดัง
“อีลำไย!” ชายผมขาวหันมองลูกสาวตัวเองสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการว่าจะปฏิเสธ เพราะในใจแล้วแกก็อยากได้เชิดเป็นลูกเขยมาโดยตลอด เพราะความขยัน และเป็นหนุ่มกำยำ
“เอายังไงล่ะตาบุญ จะยอมมั้ย” เสียงของ อบต. อายุอ่อนกว่าหันมาถาม
“ก็ตามนั้น เรื่อบเรื่องแต่งก็ไม่ต้องหรอก พรุ่งนี้ก็มาย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย หรือไม่ เอ็งก็ย้ายไปอยู่บ้านกับข้า”
การสนทนาทุกอย่างอยู่ในสายตาและการรับรู้ของสาวน้อยที่นั่งฟังอยู่ไม่ไกล เธอได้แต่นั่งก้มหน้านิ่งเงียบ ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติอะไร
“ฉันคงย้ายไปอยู่ที่อื่นไม่ได้หรอก แล้วเทียนจะอยู่ยังไง”
“ลุงเชิดไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ เดียวเทียนไปอยู่หอมหาลัยเอง พี่ลำไยกับลุงจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกัน”
“น้องเทียนน่ารักจัง ขอบใจนะจ๊ะ”
“ไม่ได้!” เชิดพูดแทรกเสียงดังจนทุกคนหันมอง
แต่มีเพียงเทียนเท่านั้นที่เดินหนีเข้าไปในห้องที่ไม่มีประตูกัน มือเล็กเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าสะพานบ่าใบเล็ก แล้วหยิบผ้าห่มผืนบางมากางมัดกับมุมเสาเป็นประตูชั่วคราวไว้ก่อน เธอปิดไฟในห้องไม่ได้สนใจกลุ่มคนที่กำลังนั่งมองอยู่ที่ชานบ้านแม้แต่น้อย