ความเดิม- "รีบกินเถอะ เสร็จแล้วก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่จะพาไปบ้านคุณปู่ของหนูเอ๋ย" เป็นกรพัฒน์ที่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นคงชัดเจน
.......................................
"ครับ" ปกรณ์รับคำอย่างว่าง่าย คุณปู่ของหนูเอ๋ยก็พ่อของไอ้หมอกีเพื่อนกุซิ นั่นยิ่งตอกว่าเขารักเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานคิดแล้วคนใจอ่อนยิ่งอ่อนใจ เฮ๊อ...... (ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจ)
............................................
@บ้านอนันตวรรณาวงษ์
กรพัฒน์เดินนำหน้าลูกชายเข้าไปในบ้านอนันตวรรณาวงษ์ ซึ่งมีแม่บ้านยืนรอต้อนรับอยู่แล้ว
"สวัสดีค่ะเสี่ยมังกร คุณท่านรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ" แม่บ้านวัยชราเดินนำหน้าสองพ่อลูกไป เมื่อถึงที่หมายแล้วจึงถอยฉากออกมา
"สวัสดีครับคุณพ่อ" ปกรณ์ยกมือกระพุ่มไหว้ผู้สูงอายุอย่างนอบน้อม
"ไหว้พระเถอะกร กลับมาเมื่อไรหละนี่" เปรมชัยรับไหว้เพื่อนของลูกชายคนเล็กพร้อมกับยิ้มอารมณ์ดี
"เมื่อวานนี้เองครับ" ปกรณ์ตอบราบเรียบ นัยน์ตาก็พยายามสอดส่ายหาใครอีกคน
สักพัก ก็มีแม่บ้านยกน้ำและขนมและผลไม้มาวาง กรพัฒน์รอจนเด็กในบ้านของเปรมชัยออกไปไกลจนลับตาจึงได้กล่าวออกมา
"คืออย่างงี้ครับเฮียชัย ผมตามสืบเรื่องแม่ของยัยหนูเอ๋ยก็เลยรู้มาว่าเค้าทำงานที่บริษัทในเครือของป๊าของนายแดนไตรเพื่อนของเจ้ากรและหลานนัสครับ" กรพัฒน์เล่าอย่างตรงประเด็น
"ฮ้า...จริงหรือมังกร นับว่าสวรรค์ยังมีตานะ ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้เฮียได้มีโอกาสชดใช้ความผิดก่อนตาย" ชายชราพูดยิ้มแต่ในตามีน้ำคลอตา
"ไม่เอาน่าเฮีย กลายเป็นคนแก่เจ้าน้ำตาไปได้ มันต้องยิ้มเข้าไว้ซิเฮีย" กรพัฒน์มองหน้าชายชรารุ่นพี่ที่นับถือยิ้ม ๆ พร้อมกับจับมือของรุ่นพี่มากุมไว้ทั้งสองข้างเพราะต้องการส่งพลังบวกให้ไป
"เฮียรอวันนี้มานานเหลือเกินมังกร คิดว่าจะไม่มีโอกาสแล้วเสียอีก มันเลยรับไม่ทัน มันตื้อไปหมด เฮ๊อ..." เปรมชัยเอ่ยยิ้มพร้อมกับยกคอเสื้อขึ้นมาซับน้ำที่คลอตา ทำเอาคนที่ต้องการจะให้กำลังใจกลับพูดไม่ออกเสียเอง
อีกด้านของผู้มาใหม่
"กร นายกรใช่มั๊ย?" เปรมกิจเอ่ยขึ้นขณะเดินลงมาจากบันไดเกือบจะถึงขั้นสุดท้าย
"เฮียกิจ หวัดดีครับ แข็งแรงขึ้นเยอะเลย เดินลงบันไดเองได้แล้ว ผมดีใจด้วยจริง ๆ ครับ" ปกรณ์พูดไปยิ้มไป พลางเดินไปยืนรอหน้าบันไดเพื่อเป็นการระวังบันไดขั้นสุดท้ายเพราะกลัวว่าคนป่วยที่อาการเพิ่งจะฟื้นฟูจะพลาดสะดุดอีกครั้ง เพราะหมอกำชับให้ระวังเรื่องการพลัดตกหกล้มอย่างมากสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรคนี้ สักพักก็มีพยาบาลพิเศษวิ่งตามลงมาหน้าตาตื่น
"ผมขอโทษครับท่านที่เลินเล่อปล่อยคุณเปรมกิจลงบันไดมาคนเดียว ผมไม่ทันระวังครับ" พยาบาลหนุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกมือไหว้ผู้ใหญ่ของบ้านปะหลก ๆ
"อืม คราวหลังอย่าให้พลาดอีกก็แล้วกัน ก็คนป่วยเพิ่งฟื้นไข้ก็ซนเป็นธรรมดา ฝากพ่อหนุ่มพยาบาลช่วยคนแก่เป็นหูเป็นตาหน่อยนะลุก" เปรมชัยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นในตอนแรกแต่แอบหักมุมซ๊ะงั้น ทำเอาบุรุษพยาบาลแอบถอนหายใจโล่ง และมีรอยยิ้มผุดขึ้นบนในหน้า
"ขอบคุณครับคุณท่าน ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ ผมจะตามคุณเปรมกิจทุกฝีก้าวเลยครับ" พยาบาลหนุ่มพูดจาอย่างแสนซื่อ
"ไม่เป็นไรหรอก มานพ เธอไม่ผิด ผมผิดเอง ขอโทษนะที่ทำให้ตกใจ" เปรมกิจเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจนแต่ช้ากว่าคนปกติเพราะเกิดจากรอยโรคที่ทำให้สมองสั่งการอาจจะช้ากว่าคนปกติทำให้การพูดหรืออากัปกิริยาที่แสดงออกมาอาจจะช้าไปบ้าง
"ครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับ" พยาบาลหนุ่มพูดออกมาอย่างสำนึกบุญคุณ เพราะเขามาจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน เป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งแต่บิดาเสียชีวิตจากภาวะโรคหลอดเลือดสมองแตก ส่วนมารดาเสียชีวิตตั้งแต่น้องสาวของเขาอายุเพียงห้าขวบเท่านั้นด้วยอาการนอนหลับไปเฉย ๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่าไหลตาย ด้วยเหตุนี้เขาจึงมุมานะที่จะเรียนด้านการรักษาพยาบาลให้จงได้แต่มีทุนทรัพย์ที่พอจะเรียนได้แค่พยาบาลศาสตร์เท่านั้น แต่ก็ถือว่าดีแล้วสำหรับเขา และเขาหวังว่าจะส่งเสียน้องสาวให้ได้เล่าเรียนให้ถึงขั้นแพทย์ให้จงได้เพราะการเรียนของน้องสาวของเขาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
ด้านเปรมชัยที่เห็นท่าทางกระอักกระอ่วนของพ่อหลานชายจึงได้ส่งสายตาให้พยาบาลหนุ่มออกไปก่อน มานพจึงขอตัวเข้าไปในห้องพักส่วนตัวที่เจ้าบ้านได้เมตตาจัดหาไว้ให้
"มีอะไรก็ว่ามาเถอะพ่อกร ที่มานี่คงไม่ได้มาเยี่ยมคนป่วยกับคนแก่อย่างเดียวหรอกใช่มั๊ย? " เปรมชัยเปิดประเด็นทันทีหลังจากพยาบาลหนุ่มเดินออกไปจนลับสายตาแล้ว
"พูดไปซิเจ้ากร เรื่องของแกเองนะ จะให้ป๊าพูดให้ได้ยังไง" กรพัฒน์แอบเกริ่นนำกลาย ๆ
"คืออย่างงี้ครับ ผมหลงรักหลานสาวคุณพ่อ แล้วก็ลูกสาวเฮียกิจครับ ผมจริงจังนะครับ"
"......." เปรมชัยเงียบแต่มีรอยยิ้มเล็ก ๆ บนใบหน้า ส่วนเปรมกิจยังนิ่ง ๆ อยู่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา
"ผมมีข้อเสนอครับ คุณพ่อต้องการที่จะไถ่โทษลูกสะใภ้และหลาน เฮียกิจต้องการครอบครัวคืน ผมว่าเราต้องร่วมมือกันครับ" ปกรณ์พูดอย่างมุ่งมั่น ปกรณ์ได้แต่คิดเอาเองในใจ
"ยังไงเหรอพ่อกร" เปรมชัยซักขึ้นบ้าง
"คืองี้ครับ เราต้องเข้าทางน้องเอ๋ยครับ ดูท่าแล้วลูกสะใภ้ของคุณพ่อจะสตรองไม่เบาเลยนะครับจากที่คนของผมติดตามดูมาเป็นปี ๆ เธอมั่นคงในความคิดและการกระทำพอประมาณ แถมกินอยู่ประหยัด กินก็น้อย ทำงานก็เยอะ งานจ้างอีเว้นทุกอย่างนางทำหมดเพื่อให้ได้เงินมาส่งเสียลูกสาวและค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถน่ะครับ" ปกรณ์ร่ายยาว แอบใส่สีใส่ไข่ไปบ้างเพื่อความสมูท
ส่วนคนฟังยิ่งสะท้อนใจสงสารลูกสะใภ้และภรรยาจนพากันน้ำตาซึมทั้งพ่อทั้งลูก