ความเดิม
"อะ อะไรเหรอคะ อ๋อ..คุณลุงคงถูกห้ามไม่ให้ทานพวกอาหารผัด ๆ ทอด ๆ ใช่มั๊ยล่ะคะ เอาเป็นว่ามื้อเดียวคงไม่เป็นไรหรอกเน๊าะ เดี๋ยวหนูแอบกระซิบบอกคุณพยาบาลมานพให้ว่าช่วยพาออกกำลังกายเยอะ ๆ หน่อยจะได้เบิร์นออกที่กินไปมื้อนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า" เด็กสาวพูดไปพร้อมกับตักผัดผักและไข่เจียวให้คนป่วยแล้วยิ้มจนตาหยีทำเอาอีกคนที่เฝ้าสังเกตการณ์ถึงกับจุกในอกจนกินไม่ลงกันเลยทีเดียว
.............................................
ด้านปกรณ์หลังจากกลืนก้อนแข็งลงคอแล้วก็ลงมือกินข้าวต่ออย่างฝืน ๆ รู้สึกสงสารพ่อลูกคู่นี้อย่างมากมายพลางนึกตั้งมั่นในใจว่าจะต้องช่วยให้ครอบครัวนี้กลับมาอบอุ่นให้ได้
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จและช่วยคนตัวเล็กเก็บล้างจนเรียบร้อยแล้วสองหนุ่มต่างวัยจึงถือโอกาสลากลับ
"ลุงกลับก่อนนะลูก อยู่คนเดียวปิดบ้านให้ดีนะ อย่าเปิดประตูให้คนแปลกหน้า ใครเรียกก็อย่าออกมานะลูก" เปรมกิจสั่งเสียด้วยความเป็นห่วงด้วยสายใยพ่อลูกพร้อมกับวางมือบนศีรษะคนตัวเล็กแล้วโยกเบา ๆ
"ค่ะคุณลุง เย็น ๆ เดี๋ยวแม่ก็กลับมาแล้วค่ะ เดี๋ยวส่งคุณลุงเสร็จน้องเอ๋ยก็จะล็อคประตูรั้วแล้วก็เข้าบ้านแล้วค่ะ" อัญญารินทร์กล่าวยิ้มแต่รู้สึกอบอุ่นในใจแปลก ๆ อย่างไม่เคยเป็น ส่วนผู้สังเกตการณ์ได้แต่จุกในอกมันตื้อตันไปหมดด้วยความสงสารสองพ่อลูกจนไม่รู้จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไรดี
"หนูเอ๋ยยังไม่ได้ให้คำตอบอาเลยนะคะเรื่องทุนน่ะ อย่าลืมนะคะ หนูจะได้ช่วยคุณแม่อีกทางไงคะ แล้วอาจะมาเอาคำตอบนะคะ แต่ว่าวันนี้อาขอพาคุณลุงกลับไปพักผ่อนก่อนเพราะมานานแล้ว" ปกรณ์กล่าวราบเรียบแต่จริงจังทุกทำที่พูดไปนอกจากเรื่องงานกับเรื่องเรียนแล้วเขาไม่เคยจริงจังกับอะไรเท่านี้มาก่อนเลย
"ค่ะ แล้วหนูจะเอาไปคิดอีกทีนะคะ งั้นหนูส่งคุณลุงตรงนี้เลยนะคะ รีบพาคุณลุงไปขึ้นรถเถอะค่ะ ตรงนี้แดดแรงเดี๋ยวคุณลุงจะเป็นลมแดดเอา" อัญญารินทร์กล่าวกระตุ้นเพราะเห็นชายวัยกลางคนยืนนานอยู่พักใหญ่แล้ว
"ครับ ๆ เข้าบ้านล็อคประตูดี ๆ นะครับ อาไปนะ"
"ค่ะสวัสดีคุณลุง สวัสดีค่ะคุณอา" อัญญารินทร์ยังยืนเฝ้ามองรถหรูที่เคลื่อนออกไปจนลับตาด้วยความรู้สึกโหวง ๆ ที่บอกไม่ถูกรู้สึกสงสารคุณลุงขึ้นมามากมายจนรู้สึกแปลกใจตัวเอง
.................................................
เย็นวันเดียวกัน
อรัญญาขับรถเข้าบ้านมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ แต่ไม่ได้คิดอะไร
"น้องเอ๋ย ๆ มาช่วยแม่ขนของจากรถหน่อยลูก" อรัญญาเรียกลูกสาวเสียงเจื้อยแจ้ว
"ค่า...มาแล้วค่ะ..มีอะไรมาฝากหนูมั่ง"
"มีเยอะแยะเลย มีแต่ของโปรดหนูทั้งนั้นเลยลูก เอาไปใส่ตู้เย็นไว้นะ ส่วนอันนี้ขนมของน้องบุญเก็บ เอาไว้ขัดฟัน" อรัญญาเอ่ยยิ้ม ๆ อย่างล้อเลียน ส่วนเจ้าสุนัขเกินอวบก็กระดิกหางไปมาเมื่อได้ยินเจ้าของเรียกชื่อของตน
"ฮ่า...กระดิกหางใหญ่เลย ถูกใจละซิขนมนี่หนะ แต่ต้องกินข้าวเสร็จก่อนนะคะพี่เอ๋ยถึงจะเอาให้กิน"
...อื๋อ....แฮ่ะ ๆ.....เจ้าสุนัขเกิดอวบกระดิกหางไปมาหูหลูบนั่งพุงห้อยอย่างแสนรู้
"น่ารักจังเลย ไหนดูซิ อุ๊ยขนลื่นจังเลย พี่เอ๋ยอาบน้ำให้น้องหรือคะ"
"ใช่แล้วค่ะ พอดีน้องช่วยขุดดินปลูกต้นไม้ค่ะ จมูกเลอะหมดเลย" อัญญารินทร์กล่าวยิ้ม ๆ
"เหรอลุก พี่เอ๋ยอาบน้ำให้เหรอคะ รบกวนเวลาอ่านหนังสือของพี่เอ๋ยหรือเปล่า"
..ฮู่ ฮ่า ๆ.. เจ้าสุนัขเกินอวบนั่งลงแล้วทำหูหลูบพร้อมกับกระดิกหาง
"ปะ เข้าบ้านเร้ว เดี๋ยววันนี้คุณแม่จะทำอาหารให้พี่เอ๋ยก่อน พี่เอ๋ยอยากกินอะไรดีคะ บอกคุณแม่ซิ"
"น้องเอ๋ยอยากกินปลานึ่ง แล้วก็น้ำจิ้มแซ่บ ๆ ค่ะ"
"ได้เลยค่ะ เดี๋ยวแถมไก่นึ่งให้อีกหนึ่งเมนูเลย" อรัญญาเอ่ยยิ้ม แต่มีความอ่อนล้าในแววตาที่ไม่สามารถปกปิดเด็กสาวได้มิดเลยแม้แต่น้อย
...................................................
"คุณแม่เหนื่อยมากมั๊ยคะ" อัญญารินทร์เอ่ยถามขึ้นในขณะที่นั่งบีบนวดแขนขาให้ผู้เป็นมารดาหลังจากเสร็จจากมื้อเย็นแล้ว
"ทำงานก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาแหละ ถ้าวันนึงหนูโตขึ้น เรียนจบก็ต้องทำงานหนูก็จะรู้ค่ะ แต่ก็สนุกแล้วก็มีความสุขนะคะ ยิ่งเวลาเงินเดือนขึ้น หรือโบนัสออกเนี่ย หายเหนื่อยเลยค่ะ อิ๊อิ๊" อรัญญายิ้มหัวเราะนัยน์ตาเป็นประกาย
"แม่คะ น้องเอ๋ยอยากให้แม่เปลี่ยนรถใหม่ค่ะ คันนี้มันเก่าแล้ว น้องเอ๋ยจำความได้ก็เห็นพี่กระป๋องแล้ว พี่เค้าควรได้พักผ่อนแล้วนะคะ" อัญญารินทร์พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจังทุกคำพูด
"หืม...นึกยังไงถึงพูดแบบนี้ห๊ะ อายุแค่นี้เอง"
"แม่คะ มีผู้เสนอทุนระดับอุดมศึกษาให้หนูค่ะ เป็นทุนของมูลนิธิครอบครัวสหศิลป์ปรีชา ที่หนูเคยได้รับที่ผ่านมาค่ะ แม่จะว่ายังไงคะ"
"หืม...แล้วหนูว่ายังไงล่ะลูก..แต่แม่ก็เตรียมในส่วนของแม่ไว้แล้วนะบอกไว้ก่อน"
"หนูคิดว่าถ้าหนูรับทุนนี้ เราก็จะสบายขึ้น แม่สามารถนำส่วนที่เก็บไว้หนูไปดาวน์รถคันใหม่ได้นะคะ แล้วเราก็ช่วยกันทำงานช่วยกันผ่อนไม่นานก็หมดในสักวัน ดีมั๊ยคะ"
"......." ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของอรัญญาเพราะกันมีก้อนอะไรบางอย่างมาอุดกั้นทำให้เธอไม่สามารถพูดมันออกมาได้ ได้แต่รู้สึกขอบคุณตัวเองที่เก็บลูกเอาไว้และเลี้ยงมาด้วยความรักความเอาใจใส่ แม้ปู่ของเด็กจะไม่ยอมรับ พ่อของเด็กจะไม่รู้ว่ามีเค้าก็ไม่เป็นไรเธอภูมิใจในตัวลูกสาวคนนี้เหลือเกิน มีเพียงน้ำใส ๆ ที่รินละเลียดออกทางหางตา เธอรวบตัวลูกสาวมากอดไว้แล้วลูบผมลูกสาวเบา ๆ อย่างนึกขอบคุณเป็นที่สุด ในขณะที่เด็กสาวก็กอดตอบมารดาอย่างอบอุ่นเช่นกัน