ความเดิม
อีกด้านของผู้มาใหม่
"พ่อครับ อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมจะช่วยพี่กิจกับพ่ออีกแรงครับ ผมจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราครับ" เป็นเปรมมนัสที่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เขาเดินเข้ามาในห้อง ตรงไปหาบิดาและคุกเข่าลงที่พื้นแล้วยกมือกระพุ่มไหว้ที่ตักของบิดา แล้วหันยกมือไหว้กรพัฒน์อยู่ในท่าเดิม
ด้านปกรณ์ที่เห็นเพื่อนรักนั่งคุกเข่ารีบเข้าไปพยุงให้ลุกขึ้นและจับมือของเพื่อนไว้มั่น
"มาได้สักทีนะนายนัท" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ แต่ส่งสายตาให้กำลังใจเพื่อนอย่างสุด ๆ เพราะเขารู้ว่าเพื่อนต้องเสียสละส่วนตัวเพื่อครอบครัวขนาดไหน เหตุเพราะเรื่องนี้เขาจึงต้องเบนเข็มชีวิตตัวเองมาอยู่ที่บ้านเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัวแทนพี่ชายและบิดาที่อยู่ในวัยเจ็ดสิบ
"เออ ก็มันจำเป็นน่ะ ขอบใจมากนะเพื่อนที่เป็นธุระให้" เปรมมนัสพูดมันออกมา พร้อมกับส่งสายตาแสดงความขอบคุณเพื่อนรักอย่างมากมาย
ปกรณ์ยกยิ้มมุมปาก ยกมือขึ้นตั้งฉากแล้วแบมือออก ส่วนอีกคนกระชับมือของเพื่อนไว้แน่น ทั้งสองกอดกันและต่างคนต่างตบที่ไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ อย่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน นับเป็นภาพของมิตรภาพที่ชายชรามองมาแล้วถึงกับจุกในอกพูดไม่ออกไปตาม ๆ กัน
"มานั่งนี่เถอะหลานนัท เป็นไงมาไงเล่าถึงได้มาไม่บอกกล่าว" กรพัฒน์เอ่ยขึ้นแทนเพราะเห็นว่าเปรมชัยนั่งนิ่งพูดไม่ออกจึงเข้าใจความรู้สึก
"มาเครื่องบินครับอามังกร แล้วก็จับรถแท็กซี่มาก็สะดวกดีครับ" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ ตาก็เหลือบไปมองบิดาเป็นระยะ ๆ
"คุณพ่อไม่ต้องคิดมากนะครับ ผมเต็มใจ ผมเป็นแพทย์มาหลายปีแล้ว เป็นนักธุรกิจเสียบ้าง วุฒิด้านบริหารมหาบัณฑิตของผมก็มีคงพอจะบริหารงานได้อยู่หรอกมั้งครับ หึหึ" เปรมมนัสพูดกลั้วหัวเราะเพราะไม่อยากให้บิดาเครียดจนเกินไปเพราะเขารู้ว่าสภาวะของบิดาของเขาอยู่ในกลุ่มเสี่ยงซึมเศร้าประกอบกับวัยชราที่สภาวะร่างกายเริ่มอ่อนแรงตามวัยอันควร
"อืม...พ่อรู้ ไม่ต้องห่วงหรอกลูก นี่จะเลิกเป็นหมอเลยหรือไง จะมาบริหารเต็มตัวเลยใช่มั๊ยเจ้านัท" เปรมชัยถามลูกชายคนเล็กอย่างตรงไปตรงมา
"ก็ถ้าปาฏิหาริย์มีจริง ผมก็คงได้กลับไปเป็นหมอเหมือนเดิมแหละครับ แต่ถึงผมจะบริหารยังไง ก็เป็นหมอได้หนิครับพ่อ" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ
"เอาน่า ทำปัจจุบันให้เต็มที่เถอะ อย่าลืมว่านายยังมีเพื่อน ดูอย่างไอ้พิทดิ๊ เป็นนายตำรวจดี ๆ ลาออกจากราชการมาทำธุรกิจของครอบครัวยังไปได้สวยเลย คอนโดเอย แมนชั่นเอย อาคารให้เช่าเอย กำไรเป็นกอบเป็นกำ แล้วประสาอะไรกับคุณหมอไอคิวเกิน 150 อย่างแกว๊ะ" ปกรณ์พูดอย่างให้กำลังใจ
"ขอบใจว่ะเพื่อน นายก็หมอเหมือนกันนี่หว่า ไม่มาบริหารเหมือนกันกับฉั๊นบ้างล่ะ จะได้ปรึกษากัน" เปรมมนัสพูดยิ้ม ๆ
"เออ เอาไว้ก่อน ให้ป๊าแก่กว่านี้ก่อนเดี๋ยวค่อยมา" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ พลางหันไปสบสายตากับบิดาแล้วยกคิ้วให้อย่างหยอกล้อ
"เดี๋ยวเถอะมึง อย่ามาทำหน้าทะเล้นไอ้นี่ กุให้มึงเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลของเราเว่ย ไม่ได้ให้มึงไปตรวจแต่กี ที่ยอมให้มึงเป็นแพทย์อยู่ทุกวันนี้น่ะ" กรพัฒน์พูดหน้าตึงแต่แอบหันไปยิ้มกับพี่ชายที่นับถืออย่างขำ ๆ
............................................
ตัดมาที่บ้านกาลเวหล
อัญญารินทร์พาร์ท
หลังจากเกิดเรื่องคุณแม่ก็เงียบขรึมจนน่ากลัว ข้าวปลาแตะเพียงเล็กน้อย และไปทำงานตั้งแต่เช้า กลับเสียมืดค่ำ อ้อลืมเล่าให้ฟังไปว่าน้องเอ๋ยได้ไปรายงานตัวเป็นนิสิตนักศึกษาแล้วนะคะ เดือนหน้าก็จะเปิดเรียนแล้ว รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยค่ะ ความจริงก็ตื่นเต้นมากค่ะ ในวัย 18 ปี กับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย น้องเอ๋ยต้องปรึกษาใครดี ไม่มีใครให้ปรึกษาเลยค่ะ คิดแล้วก็กลุ้มขึ้นมานิด ๆ แล้วนะคะ แต่น้องเอ๋ยได้ค้นในเสิร์ชเอนจิ้นยอดนิยมแล้วนะคะ ก็พอจะรู้คร่าว ๆ สักพักหน้าจอโทรศัพท์ก็สว่างวาบเป็นการเตือนว่ามีข้อความใหม่ น้องเอ๋ยจึงเข้าไปเปิดอ่านดูค่ะ
ปกรณ์: เจอกันหน่อยซิ กำลังจะออกไปหาที่บ้านนะ เตรียมตัวล่ะ
น้องเอ๋ย: ได้ค่ะ ห้ามอยู่นานนะคะ เดี๋ยวคุณแม่ไม่สบายใจ
ปกรณ์: ได้เลยครับ แป๊บเดียวเท่านั้น
น้องเอ๋ย: ค่ะ
ปกรณ์: ฝากบอกบุญเก็บด้วยว่ามีขนมไปฝาก ล้างท้องรอไว้เลย
น้องเอ๋ย: อิโมจิ ยิ้มจนตาหยี
สักพักใหญ่ก็เห็นรถยนต์คันหรูที่คุ้นเคยจอดที่หน้าประตูรั้วบ้าน อัญญารินทร์จึงถือกุญแจไขและเปิดออกกว้างเพื่อให้คนตัวโตนำรถมาจอดในบ้าน
"สวัสดีค่ะคุณละ..." อัญญารินทร์ยกมือกระพุ่มไหว้ แต่ต้องหยุดอยู่แค่นั้นเพราะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่เห็นชายวัยกลางคนที่เคยมาด้วยกับชายหนุ่มทุกครั้งที่
"สวัสดีสาวน้อย ทำไมทำหน้าอย่างงั้น" ปกรณ์เอ่ยทักทายคนของใจยิ้ม ๆ แต่แอบเห็นแววตาที่เศร้าสลดลงไป
"คุณลุงกิจละคะไม่มาด้วยเหรอ" เด็กสาวพูดหน้าจ๋อย
"พี่กิจไม่ได้มาด้วยหรอก กำลังกายภาพ อาเลยไม่อยากรบกวน ไม่ได้ชวนมาด้วย" ปกรณ์แอบพูดในใจ
"เหรอคะ แล้ววันนี้คุณอามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ"
"วันนี้อาจะมาทวงสัญญา" ปกรณ์กล่าวอย่างราบเรียบแต่นัยน์ตาเป็นประกาย
"สัญญาอะไรคะ" เด็กสาวถามอย่างงุนงง
"ก็สัญญาว่าจะมาเอาคำตอบจากเด็กน้อยคนนี้ไง" ปกรณ์พูดยิ้ม ๆ