ความเดิม
"ผมกลับก่อนนะครับพี่อัน/อากลับก่อนนะคะน้องเอ๋ย ดูแลคุณแม่ดี ๆ ถ้ามีอาการผิดปกติโทรหาอาได้ทันทีเลยนะคะ" ปกรณ์เดินออกไปอย่างห่วง ๆ แต่ต้องตัดใจเพราะไม่อยากเร่งรัดผู้เป็นมารดาของคนตัวเล็กจนเกินไป บางทีการลบรอยแผลเป็นอาจต้องแลกด้วยความเจ็บและต้องใช้เวลา "ขอบคุณค่ะคุณอา" อัญญารินทร์กล่าวขอบคุณผู้มีพระคุณพร้อมกับยกมือกระพุ่มไหว้
.....................................................
ด้านเปรมชัยและคนอื่น ๆ หลังจากออกมาจากบ้านกาลเวหลแล้ว เขาได้ขอร้องให้สองพ่อลูก กรพัฒน์และปกรณ์มาปรึกษาหารือกันที่บ้านอนันตวรรณาวงษ์ก่อนโดยได้เปิดห้องทำงานส่วนตัวซึ่งสามารถจัดเป็นห้องประชุมย่อย ๆ ได้ สำหรับที่นั่ง 10-12 คน เป็นห้องปรึกษาหารือกันก่อน
@บ้านอนันตวรรณาวงษ์@ห้องทำงานเปรมชัย
เปรมชัยในฐานะผู้ขมวดปมปัญหาของเรื่องเดินเข้ามานั่งที่หัวโต๊ะเพื่อขอคำปรึกษาสองพ่อลูกในขณะที่เปรมกิจได้ถูกส่งตัวไปพักที่ห้องนอนแล้ว
"มังกร มีความคิดเห็นยังไงบ้าง ต้องทำยังไงถึงจะผ่านเรื่องนี้ไปได้" เปรมชัยพูดออกมาอย่างคนที่เจอปัญหาหนัก ๆ แล้วเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก
"ก่อนอื่นผมขอถามเฮียก่อนว่าเฮียติดใจอะไรในตัวลูกสะใภ้หรือเปล่าครับ เฮียจะยอมรับได้มั๊ยถ้าเธอมีใครเข้ามาหลังจากเลิกรากับลูกชายของเฮีย?" กรพัฒน์ใช้คำถามวัดใจ เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วคนที่เขากำลังจะร่วมหัวจมท้ายมีทัศนคติอย่างไรกันแน่
"มังกร เฮียเคยผิดมาแล้ว เฮียไม่อยากผิดซ้ำสอง ไม่ว่าเขาจะเคยมีใครหรือไม่มีใคร แต่ขอให้เค้ารักลูกชายของเฮียอย่างจริงใจ เฮียก็ยินดี และยอมแล้วหมดทุกอย่าง ไอ้เกียรติยศศักดิ์ศรีเฮียมีมากพอแล้ว มันจะหายไปหรือด่างพร้อยไปบ้างก็ช่างหัว" เปรมชัยตอบอย่างเป็นจังหวะจะโคนและชัดเจนซึ่งได้ใจคนฟังอย่างมาก
ด้านกรพัฒน์ถึงกับยกยิ้มมุมปากอย่างเปิดเผยแต่ไม่ใช่เพราะคำพูดที่ดูจริงใจแต่เป็นเพราะเขาเห็นความจริงใจในแววตาของอีกคนต่างหาก
"เฮียวางใจเถอะครับ ผมไม่มีวันทิ้งเฮียและลูกหรอกครับ อีกอย่างไอ้คนโตของผมมันก็ไม่มีวันทิ้งคนของใจของเค้าเหมือนกัน เค้าก็อยากให้คนของเค้ามีครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนกับเค้าเหมือนกันครับ สบายใจเถอะ" กรพัฒน์เอ่ยอย่างนุ่มนวลแต่เน้นทุกใจความสำคัญแล้วทุกคนในที่ประชุมก็นิ่งไปชั่วขณะ
ด้านปกรณ์จึงเอ่ยขึ้นเพื่อเป็นการทำลายความเงียบ
"ครั้งนี้ผมถือว่าถอยหลังหนึ่งก้าวเพื่อเดินหน้าอย่างบ้าคลั่งครับ นี่แหละครับยุทธศาสตร์ในตอนนี้ของผม" เป็นปกรณ์ที่เอ่ยขึ้นบ้าง ทำเอาคนแก่สองคนหันมามองที่เขาเป็นตาเดียวกันด้วยใบหน้าเหรอหรา
"ยังไงไอ้ลูกชาย ยุทธศาสตร์อะไรของลูกอีกครับ มึงพูดแต่ละอย่างให้กุเข้าใจบ้างจะได้มั๊ย" กรพัฒน์เอ่ยกับลูกชายอย่างหยอกล้อเพราะสนิทกันดี ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเราะได้
"หึหึ นายกับลูกนี่ดูสนิทกันดีนะ เฮ๊อ..เฮียอยากย้อนเวลาไปตอนนั้นจัง ถ้าเฮียรู้อย่างนี้เฮียจะไม่ทำแบบนั้นเล้ย" เปรมชัยผ่อนลมหายใจออกยืดยาวและเริ่มมีสีหน้าผ่อนคลายลงบ้าง
"เอาว่ามา ยุทธศาสตร์อะไรของลูกน่ะ อธิบายให้กุเข้าใจทีครับ"
"หึหึ ตอนนี้เราต้องใช้วิกฤตเป็นโอกาส และอย่าหยุดยั้งที่จะติดตามครับ เอาให้ใจอ่อนกันเลย อาจต้องแสดงละครบ้างก็ต้องทำนะครับ ถ้ามันจะทำให้พี่สะใภัใจอ่อน และตัวละครสำคัญคือ ตัวเอกของเรื่องก็คือคุณลุงชัย กับเฮียกิจครับ" ปกรณ์กล่าวยิ้ม ๆ อย่างภูมิอกภูมิใจ
"โว๊ะ ไอ้นี่ มึงช่วยเป็นงานเป็นการหน่อยไอ้ลูกชาย หรือกุส่งมึงเรียนสูงเกินไป มึงเลยล้น ๆ ไปหมด" กรพัฒน์สบถบ่นลูกชายแต่แอบขำคำพูดคำจาของลูกชายอยู่เหมือนกัน ส่วนอีกคนได้แต่ยิ้มขำจนตาหยี ทำให้บรรยากาศไม่ตรึงเครียดจนเกินไป
หลังจากพูดคุยหัวเราะกันพอหอมปากหอมคอ ปกรณ์จึงบอกเล่าอธิบายแผนการยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้ทุกคนฟังผ่านการระดมความคิดแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจนได้ข้อสรุปเพื่อเดินหน้าต่อไป
อีกด้านของผู้ที่นอนไม่หลับจึงรบเร้าให้พยาบาลพิเศษพาเดินลงบันไดมาหาทุกคนและมาได้ยินในช่วงท้าย ๆ ได้แต่ยกยิ้มมุมปากแต่นัยน์ตาพราวไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ เต็มไปหมดจนมองเห็นไม่ชัดเจน ปกรณ์ที่บังเอิญมองมาทางนี้และเห็นเข้าพอดี
"เอ้า เฮียกิจ มาเมื่อไรครับ ไม่พักผ่อนล่ะ มาครับ มานั่งนี่" ปกรณ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินไปรับพี่ชายที่นับถือมานั่งที่โซฟาตัวยาวข้าง ๆ โต๊ะประชุมเพราะดูจะสะดวกและสบายกว่าเก้าอี้สำหรับนั่งประชุมเยอะ และพยักหน้าส่งสัญญาณบอกพยาบาลพิเศษว่าให้ออกไปก่อนเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
"พี่ไม่เป็นไร กร พี่แข็งแรงขึ้นแล้ว ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องกังวลให้มาก" เปรมกิจพูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ในขณะที่ถูกประคองไปนั่งที่โซฟาตัวยาว
"กิจพร้อมมั๊ยหละลูก เราต้องเริ่มกันแล้วนะ" เปรมชัยเอ่ยถามลูกชายด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ
"ผมพร้อมแล้วครับทั้งร่างกายและจิตใจ ถึงร่างกายผมอาจจะไม่เต็มร้อย แต่ใจผมเต็มร้อยครับคุณพ่อ" เปรมกิจพยายามเรียบเรียงคำพูดอย่างที่สุดและเขาทำมันได้ดีกว่าเดิมขึ้นเยอะเลย
"ถ้าถูกลูกสะใภ้พ่อปฏิเสธหรือต่อว่าแรง ๆ ลูกจะเข้มแข็งและยืนหยัดได้ใช่มั๊ย" เปรมชัยหยั่งถาม
"ได้ครับคุณพ่อ ผมจะสู้ครับ ผมรู้ว่าอันยังรักผม เหมือนกับผมที่ยังรักอันเสมอ ผมอาจจะลืมเรื่องราวทุกอย่างเพราะผมป่วย แต่ผมไม่เคยลืมเลยว่าผมรักเธอครับพ่อ" เปรมกิจพูดอย่างหมดเปลือก
"ดีมากลูก พ่อประเมินลูกชายของพ่อต่ำไปซินะ คนที่อ่อนแอกลับกลายเป็นพ่อเสียเอง" เปรมชัยกล่าวยิ้ม ๆ แต่นัยน์ตาดูเศร้าจนน่าสงสาร
อีกด้านของผู้มาใหม่
"พ่อครับ อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะครับ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว ผมจะช่วยพี่กิจกับพ่ออีกแรงครับ ผมจะกลับมาอยู่ที่บ้านเราครับ" เป็นเปรมมนัสที่กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและมั่นคง