ความเดิม- "ให้เจ้าของบ้านกับเจ้ามือเค้าออกไปเถอะน้องเอ๋ย หนูมาช่วยอาจัดโต๊ะรอดีกว่า" ปกรณ์กล่าวยิ้ม ๆ อย่างรู้ใจเพื่อนรัก
……………………………………….
ด้านเปรมมนัสหันมาสบตาเพื่อนยิ้ม ๆ แล้้วเดินไปที่หน้าบ้านทันทีโดยมีคนตัวบางเดินตามไปติด ๆ และรับอาหารมาจากพนักงานส่งอาหารโดยมีคนตัวบางทำหน้าตาเหรอหราที่เดินตามมาติด ๆ เพราะคุณหมอเค้าไม่ยอมให้คนตัวบางช่วยถือยังไงล่ะ
ตัดมาที่ปกรณ์ทำหน้าที่ช่วยคนตัวเล็กเตรียมจานชามอยู่ในครัว เขาสังเกตเห็นเพื่อนรักที่เอาแต่ให้คนตัวบางพาไปล้างมือบ้าง ขอกระดาษเช็ดมือบ้าง ให้ทำไอ้นู่นไอ้นี่ให้สารพัดจนน่าหมั่นไส้ เขาได้แต่นึกขำเพื่อนรักอยู่ในใจ
"อากรขำอะไรหรือคะ หนูเห็นอายิ้มคนเดียวแล้วก็หัวเราะ อารมณ์ดีอะไรคะ หนูไม่เห็นจะมีอะไรน่าขันเลย" อัญญารินทร์ถามขึ้นอย่างแสนซื่อเล่นเอาอีกคนถึงกับหน้าหงายขำไม่ออกเลยทีเดียว
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีอาขำนายนัทน่ะ มันอนามัยเกินเหตุ ให้เพื่อนเราหาโน่นหานี่ให้อยู่นัั่นน่ะ เมื่อไรจะได้มากินข้าวซ๊ะที" ปกรณ์เอ่ยไปตามความคิด
"อ๋อ..มาโน่นแล้วค่ะ/มาทานได้แล้วค่ะอานัท ยัยบีมาเร็วหิวแล้ว" อัญญารินทร์ถึงบางอ้อจึงเอ่ยชวนผู้เป็นอาและเพื่อนสาวให้รีบมา
"มาแล้วครับ น่ากินจัง" เปรมมนัสเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับตักนี่นู่นนั่นให้คนตัวบางเป็นการใหญ่
ส่วนสองคนที่เหลือได้แต่สบตากันแล้วยิ้มเบา ๆ เพราะไม่อยากทำให้อีกคนเสียบรรยากาศเสียเปล่า ๆ
หลังจากทั้งสี่คนรับประทานอาหารกันจนอิ่มแล้ว สองสาวทำหน้าที่เก็บจานชามล้าง และสองหนุ่มเสนอตัวเก็บเช็ดทำความสะอาดโต๊ะอาหาร แต่ทันใดนั้น
เพล้ง!! (เสียงจานกระเบื้องที่หล่นแตกจนมีเศษเล็ก ๆ กระเด็นกระดอนไปทั่วบริเวณ)
อุ๊ย!! เสียงพึมพำจากคนตัวบางที่บังเอิญไปเหยียบเศษกระเบื้องพอดี
"เหยียบกระเบื้องใช่มั๊ยนั่น มานี่ ถอยออกมา/น้องเอ๋ยเราก็ระวังด้วย" เป็นเปรมมนัสที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับจูงมือคนตัวบางออกมา
"เดี๋ยวฉั๊นกวาดเอง นายไปดูแผลให้น้องบีเถอะ" เป็นปกรณ์ที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับหยิบไม้กวาดพร้อมกับเต้าตักขยะมาปัดกวาดอย่างคล่องแคล่ว
ด้านเปรมมนัสที่จับคนตัวเล็กให้นั่งที่เก้าอี้ส่วนตัวเองนั่งคุกเข่ากับพื้นเพื่อพิจารณาแผลว่ามีเศษกระเบื้องฝังอยู่ในแผลหรือไม่เขาเปิดโหมดไฟฉายในมือถือแล้วใช้มือเปิดปากแผลดูให้แน่ชัด
"โอ๊ะ…" กานต์ธิดาร้องเบา ๆ เพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา
"เจ็บนิดนึงนะ ไม่มีเศษกระเบื้องฝังอยู่หรอก ไม่ลึกมาก ที่บ้านมีกล่องยามั๊ย" เปรมมนัสเอ่ยพึมพำเบา ๆ แล้วเอ่ยถามคนตัวบางในขณะที่ตาก็ยังเพ่งมองที่บาดแผลที่เท้าของคนตัวบางอยู่
ส่วนปกรณ์รู้สึกแปลกใจมากเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนรักอยากจะถูกเนื้อต้องตัวสาวที่ไหนเลยสักคน ไม่ว่าจะสวยเอ็กเซ็กซี่ขนาดไหนก็ไม่สนแต่นี่เขาเห็นเพื่อนรักตักอาหารให้คนตัวบาง จูงมือ คอยหาโอกาสแตะเนื้อต้องตัวน้องตลอด แล้วนี่ยังทำแผลให้อย่างเอาใจใส่อีกต่างหาก นี่มันชักจะยังไง ๆ อยู่ซ๊ะแล้วนา ปกรณ์ได้แต่คิดในใจ
อัญญารินทร์เมื่อเห็นว่าอีกคนเอาแต่เหม่อจึงเอ่ยถามขึ้นบ้าง “อากรคะ เหม่ออะไรเหรอคะ” อัญญารินทร์เอ่ยถามอย่างสงสัย
"อาว่าอาเห็นเจ้ากรรมนายเวรของนายนัทแล้วหละ มาในรูปความห่วงใยเสียด้วย" ปกรณ์กล่าวยิ้ม ๆ
"ห๊า..อิหยังว๊ะ" อัญญารินทร์อุทานแบบขำ ๆ
อีกด้านของผู้ที่มาใหม่
กานต์บุรุษที่เรียกรถแท็กซี่กลับบ้านเพราะรถของตนเองอยู่ที่ศูนย์ซ่อม มองเข้ามาในบ้านเห็นรถยนต์หรูจอดอยู่ในบ้านนึกเอะใจรีบลงจากรถแล้วเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับเรียกหาน้องสาวด้วยความเป็นห่วง
"น้องบีใครมาเหรอพี่เห็นรถจอดที่หน้าบ้าน บี..เป็นอะไรหรือเปล่า" กานต์บุรุษร้องเรียกน้องสาวพร้อมกับรีบสับเท้าเข้ามาในบ้าน
ด้านคนตัวเล็กที่ถูกคนตัวโตล็อคเท้าเอาไว้พยายามจะดึงเท้ากลับแต่ก็ยากลำบากเต็มที จึงได้แต่ร้องตอบพี่ชายกลับไป
"พี่เอ น้องอยู่นี่ค่า"
"ห๊!! บีเป็นอะไร แล้วคุณเป็นใคร ทำอะไรน้องผม ถอยออกไปเลยนะ" กานต์บุรุษตะเบ็งเสียงและปรี่เข้าทำท่าจะทำร้ายอีกฝ่ายแต่บังเอิญ ปกรณ์และอัญญารินทร์วิ่งเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน
"เอ่อ เรามาดีครับ คุณคงเป็นพี่ชายของน้องบีใช่มั๊ยครับ พวกเราเป็นอาของเพื่อนน้องบีครับ เรามาส่งน้องบีที่บ้าน ระหว่างรอก็สั่งอาหารมากินกัน พอดีน้องอาสาล้างจานแล้วทำจานแตกบาดเท้า แล้วเพื่อนผมช่วยทำแผลให้" ปกรณ์รีบอธิบายอย่างยืดยาวและรวดเร็วที่สุดเพื่อความปลอดภัยของเพื่อนรักเพราะมัวแต่ทำเท่ไม่ยอมหนี
"คุณปล่อยน้องผมออกมาก่อน/น้องบีเดินมาหาพี่" กานต์บุรุษเอ่ยสั่งอีกคนและเรียกน้องสาวให้เดินมาหาเพราะต้องการมั่นใจว่าน้องไม่ได้ถูกบังคับให้รับสมอ้าง
"เชิญครับ" เปรมมนัสยกมือขึ้นระดับใบหูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ
"จริงหรือเปล่าน้องบี" กานต์บุรุษเอ่ยถามน้องสาวหลังจากพาน้องสาวเดินออกมาไกลพอประมาณ
"จริงค่ะพี่เอ คุณอาของเพื่อนใหม่หนูเขามาส่งหนูที่บ้านค่ะ เห็นว่าพี่เอไม่มาสักทีก็เลยก็สั่งข้าวมากิน กินเสร็จแล้วหนูอาสาล้างจานเองก็เลยจานหลุดมือ แตกเลย ชุดใหม่ที่พี่เอพึ่งซื้อมาซ๊ะด้วย แหะ แหะ แหะ.." กานต์ธิดาเล่าจบก็ยิ้มเจื่อน ๆ ให้พี่ชายอย่างขอลุแก่โทษ